Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 805 : พบปะ

ราชันเร้นลับ 805 : พบปะ

ภายในอาคารที่ตั้ง ‘กองทุนขุดค้นและเก็บรักษาโบราณวัตถุ’ ออเดรย์ซึ่งผุดความคิดหนึ่งพลันกะพริบตา วาดจันทร์แดงกึ่งกลางหน้าอกอย่างสงวนกิริยา ถอนหายใจและกล่าว

“ช่างเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้า ขอให้ดวงวิญญาณของพวกเขาสงบสุข”

สาเหตุที่ออเดรย์เดาว่าทีมนักโบราณคดีเป็นสมาชิกสมาคมแปรจิต เพราะเธอเคยรับภารกิจจากองค์กรดังกล่าว เนื้อหาของงานคือการนำสมุดบันทึก ‘สงครามยี่สิบปี’ มาจากรองศาสตราจารย์มิตเชล โดยสมุดบันทึกเล่มดังกล่าวเป็นของอดีตอัศวินนาม ‘ลินเดลิร่า’ จากหมู่บ้านฮาร์ตลาร์ค

ในตอนนั้น ออเดรย์ขอความช่วยเหลือจากมิสเตอร์ฟูล อาศัยพิธีกรรม ‘กระจกวิเศษทำนาย’ เพื่อยืนยันต้นกำเนิดของสมุดบันทึก พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับหมู่บ้านบูชามังกร หลังจากเข้าไปสำรวจและได้เห็นมังกรจิตซ่อนตัวอยู่ในทะเลจิตใต้สำนึกรวม เมื่อประเมินว่าลำดับพลังของตัวเองยังไม่แข็งแกร่งพอ เธอตัดสินใจส่งสมุดบันทึกไปยังสมาคมแปรจิต

กล่าวอีกนัยหนึ่ง สมาคมแปรจิตซึ่งเป็นองค์กรลับ อาจระบุตำแหน่งของหมู่บ้านฮาร์ตล็อกจากสมุดเล่มนั้นและส่งทีมนักโบราณคดีไปสำรวจ

มีอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ออเดรย์มั่นใจ นั่นคือความพิสดารของโรคที่สร้างอาการป่วยทางจิตและทำให้สมาชิกทีมนักโบราณคดีเสียสติไปทีละคน

ในโลกของคนธรรมดา อาการทางจิตแทบไม่มีโอกาสแพร่ไปสู่คนรอบข้างได้ ถ้าจะมีก็น้อยมาก แต่ในโลกของศาสตร์เร้นลับ ในโลกของทะเลจิตใต้สำนึกรวม มนุษย์สามารถเสียสติพร้อมๆ กันได้ด้วยอิทธิพลจากความฝันและทะเลจิตใต้สำนึกรวม!

และในหมู่บ้านฮาร์ตลาร์คก็มีมังกรจิตซ่อนอยู่!

อาศัยสมุดบันทึก สมาคมแปรจิตคงส่งคนไปยังหมู่บ้านฮาร์ตลาร์ค มังกรจิตที่ถูกคุกคามจึงทำการกัดกร่อนจิตใจเหยื่ออย่างลับๆ? คงเป็นการสร้างอิทธิพลผ่านทะเลจิตใต้สำนึกรวม… โลกของผู้วิเศษช่างอันตราย ‘ทีมนักโบราณคดี’ เหล่านี้น่าจะถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดี แต่ก็ยังจบชีวิตอย่างน่าอนาถ… ออเดรย์ครุ่นคิด ใจหนึ่งยินดีที่ตนเลือกถูก ไม่เก็บบันทึกของอัศวินไว้กับตัวเพื่อสำรวจหมู่บ้านฮาร์ตลาร์ค ไม่อย่างนั้น เธออาจกลายเป็นอีกหนึ่งเหยื่อที่ต้องสังเวย

ขอบคุณมิสเตอร์ฟูล… ขอบคุณชาวชุมนุมทาโรต์ทุกคน… ขอบคุณคีลิงเกอร์ที่ปลอมตัวเข้ามาในงานเลี้ยง แม้ว่าเราจะไม่ประสีประสาโลกเหนือธรรมชาติ แต่ก็พอจะเดาออกว่าภายในหมู่บ้านดังกล่าวเต็มไปด้วยอันตราย ขอบคุณทุกสิ่งที่หล่อหลอมความระมัดระวังให้เรา… ออเดรย์ขอบคุณทุกคนในใจ

ทันใดนั้น เมื่อย้อนนึกถึงความไร้เดียงสาในช่วงที่เพิ่งเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์ เธออยากจะเอาหน้าซุกหมอนพร้อมกับตะโกนว่า

“ออเดรย์ ตัวเธอในตอนนั้นไร้เดียงสาเกินไปแล้ว! โชคดีที่อีกฝ่ายคือมิสเตอร์ฟูล หากเปลี่ยนเป็นตัวตนลึกลับอื่นๆ ป่านเธอคงเสียสติหรือไม่ก็กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว! มิสเตอร์ฟูลช่างเป็นคนดี… ไม่สิ ช่างเป็นเทพที่ดีและเที่ยงธรรมมาก!”

รองศาสตราจารย์มิตเชลข้างๆ ซึ่งเงียบงันมาสักพัก ก้มหน้าพลางกล่าว

“ถูกต้องครับ นับเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้า… ผมอยากให้รัฐบาลตรวจสอบคดีนี้อย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้อาการป่วยทางจิตที่แพร่เชื้อได้ ลุกลามจนกลายเป็นโรคระบาด”

ไม่ต้องห่วงค่ะ… หากมังกรจิตไม่คลุ้มคลั่งหรืออยากท้าทายอำนาจของสามโบสถ์หลัก จะไม่มีใครป่วยเป็นโรคทางจิตอีกต่อไป… ออเดรย์ตอบในใจ

ตามความคิดของเธอ หน่วยพิเศษของทางการคงเข้ามาดูแลคดีนี้อย่างลับๆ เรียบร้อยแล้ว เพราะอาการป่วยทางจิตพิสดารดังกล่าวเกิดจากพลังพิเศษ

และคนที่ตรวจสอบตราประจำตระกูลรูปมังกรจนแน่ใจและส่งมาที่นี่ก็คงเป็นหน่วยพิเศษ เนื่องจากกรมตำรวมไม่มีอำนาจนี้!

ออเดรย์เห็นใจคนของสมาคมแปรจิตที่ตายไป ประหนึ่งว่าโศกนาฏกรรมดังกล่าวเกิดกับคนใกล้ตัว อีกใจหนึ่งก็สงสัยว่า มังกรจิตยังอยู่ในเมืองฮาร์ตลาร์คหรือละแวกใกล้เคียงหรือไม่

การใช้ร่างเนื้อซ่อนตัวอยู่ในทะเลจิตใต้สำนึกรวม น่าจะทำให้ถูกพบตัวได้ยาก… แต่สามโบสถ์หลักมีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ยุคสมัยที่สี่ ก่อนหน้านี้คงเคยเผชิญหน้ากับมังกรจิตมาบ้าง และน่าจะมีบันทึกที่เกี่ยวข้องเขียนไว้… อา… สมาคมแปรจิตควบคุมเส้นทาง ‘ผู้ชม’ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทะเลจิตใต้สำนึกรวมน่าจะไม่ด้อยไปกว่ามังกรจิต หลังจากทีมสำรวจแรกล้มเหลวไม่เป็นท่าเนื่องจากขาดข้อมูล ทีมถัดไปจะต้องแข็งแกร่งขึ้นมากแน่…. แต่ว่า… ถึงมังกรจิตจะแข็งแกร่งจนเหนือความคาดหมายสมาคมแปรจิต แต่มันคงไม่รออยู่เฉยๆ แน่ อาจหนีไปแล้วก็ได้… ออเดรย์ลองวิเคราะห์จากข้อมูลในมือ

หญิงสาวไม่คิดจะไปหมู่บ้านฮาร์ตลาร์คเพื่อค้นหาความจริง เพราะทราบดีว่าพลังในปัจจุบันยังไม่มากพอจะรับมือมังกรจิตตนนั้น

แผนเดียวในตอนนี้คือ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในชุมนุมทาโรต์สัปดาห์หน้า รอฟังท่าทีและข้อสันนิษฐานจากสมาชิกคนอื่น ตัวอย่างเช่น อาจเป็นเพราะชาวบ้านฮาร์ตลาร์คบูชามังกร มังกรจิตจึงสามารถนำร่างเนื้อเข้าไปอาศัยในทะเลห้วงจิตรวมได้โดยตรง หรือไม่ก็ เป็นเพราะมังกรจิตอาศัยอยู่ในทะเลจิตใต้สำนึกรวมของละแวกนั้น จึงส่งอิทธิพลถึงชาวบ้านภายในความฝัน ให้พวกเขาริเริ่มขนบธรรมเนียมการบูชามหามังกร

บ่ายวันศุกร์ ไคลน์อ่านรายชื่อแขกที่ตอบรับคำเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงเต้นรำในคืนพรุ่งนี้ พยายามท่องจำบทสนทนาระหว่างทุกคน

“ถ้าได้คุยกับส.ส. มัคท์ เราต้องยกย่องสภาพอากาศของกรุงเบ็คลันด์… ถ้าทักทายศาสตราจารย์โมมงต์ เราต้องเล่นมุกเกี่ยวกับสถาบันวิจัยแห่งชาติ” ขณะกำลังท่องอย่างตั้งใจ ไคลน์ได้ยินเสียงสวดวิงวอนดังข้างหู

ผู้ชาย… พิจารณาจากเวลา น่าจะเป็นมิสเตอร์แฮงแมน… ไคลน์วางกระดาษในมือพลางครุ่นคิด กระดกดื่มชาดำและลุกเดินออกจากห้องกึ่งเปิดโล่งที่มีระเบียง กลับไปยังห้องใหญ่และเข้าห้องน้ำ

เมื่อถอยหลังสี่ก้าวเพื่อส่งตัวเองเข้าไปในมิติเหนือสายหมอก มันพบว่าผู้สวดวิงวอนคือแฮงแมน

สุภาพบุรุษรายนี้ฝากให้มิสเตอร์ฟูลผู้ยิ่งใหญ่ไปบอกเดอะเวิร์ลว่า ตนมาถึง ‘เมืองแห่งการให้’ บายัม เมืองหลวงของหมู่เกาะรอสต์แล้ว ขอเติมเสบียงอีกสองวัน จึงค่อยเริ่มสำรวจเกาะร้างโบราณ

มันแจ้งล่วงหน้าเพราะต้องการให้เดอะเวิร์ลเตรียมตัว ด้วยเกรงว่าจะกระชั้นชิดเกินไป เพราะถ้าอีกฝ่ายไม่มีวิธีเดินทางไปยังจุดหมาย ตนสามารถนัดแนะให้มาขึ้นโทสะสีครามและไปพร้อมกัน

คิดจะพาลูกเรือของโบสถ์วายุสลาตันไปเกาะโบราณด้วยหรือไง? ยาสลบที่ซื้อจากเอ็มลินยังไม่หมดอีกหรือ? แล้วจะมีเวลาสำรวจมากน้อยแค่ไหน? ไคลน์ขบคิดสักพัก ก่อนจะเสกให้ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์สวดวิงวอน

“ไม่จำเป็นต้องวุ่นวาย… แค่ทำตัวให้ว่างก็พอ เที่ยงคืนวันนี้เจอกันที่สุสานนอกเมือง… ก่อนหน้านั้น เติมเสบียงให้เรียบร้อย”

บายัม ในโรงแรมแห่งหนึ่ง

อัลเจอร์ขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังได้ยินคำตอบของ ‘เดอะเวิร์ล’ เกอร์มัน·สแปร์โรว์

ในเมืองแห่งการให้ มันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ เพราะลูกเรือต่างก็รีบมุ่งหน้าไปยัง ‘โรงละครแดง’ และสถานที่ในทำนองเดียวกัน คงไม่กลับมาที่เรือในคืนนี้ และเมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้าของวันถัดไป พวกมันก็จะเล่นพนันเพื่อผ่อนคลายความหดหู่และความเครียดที่สั่งสมหลังจากออกทะเลเป็นเวลานาน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้อัลเจอร์จะหายไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ก็จะไม่มีลูกเรือคนใดพบความผิดปรกติ

หรือเดอะเวิร์ลกำลังหมายถึง ให้ฉวยโอกาสจากช่องว่างตรงนี้ ทิ้งเรือและเดินทางไปยังเกาะร้างโบราณ? นั่นสินะ… วิธีนี้ดีกว่าการใช้แก๊สนอนหลับ เพราะเราเคยใช้ไปแล้วสองครั้ง อาจมีคนเริ่มสงสัยและรอพิสูจน์ความจริง… แต่ถ้าไม่มีเรือ การเดินทางไปยังเกาะร้างโบราณก็ไม่ใช่เรื่องง่าย… หรือคิดจะใช้ ‘บันทึกการเดินทางของเลมาโน่’ ? แต่มิสเมจิกเชี่ยนบอกว่า เวทมนตร์ ‘ท่องเที่ยว’ ถูกบันทึกไว้แค่หน้าเดียว คงไม่พอสำหรับเที่ยวกลับ… อัลเจอร์อาศัยทักษะด้านการอนุมานที่เป็นเลิศของตน พยายามเดาว่าเกอร์มัน·สแปร์โรว์คิดจะทำสิ่งใด แต่ก็ไม่ได้คำตอบเพราะข้อมูลน้อยเกินไป

ขณะคำถามผุดขึ้นมากมาย มันเข้าพบตัวแทนของกลุ่มต่อต้าน ดำเนินการเติมเสบียงและยันต์ขอบเขตพายุที่ทำจากดีบุกขาว

รอจนถึงห้าทุ่ม อัลเจอร์แอบออกจากโรงแรม เดินหลบตามเงามืดของถนนจนกระทั่งพ้นเขตเมือง

มันไม่กังวลเรื่องที่ลูกเรือจะกลับมาและพบว่ากัปตันหายตัวไป เพราะมันเองก็เป็นผู้ชาย มีความต้องการทางเพศ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะออกไปเที่ยวโรงละครแดงจนถึงเช้า นอกจากนั้น บายัมยังเต็มไปด้วยซ่องในทำนองเดียวกันอีกมาก รวมถึงโสเภณีริมถนน การไม่พบกัปตันในโรงละครแดงจึงไม่ใช่เรื่องผิดวิสัยสำหรับลูกเรือ

เมื่อออกจากบายัม อัลเจอร์เดินไปบนถนนอันคับแคบที่รถม้าผ่านไม่ได้ จนกระทั่งมาถึงเทือกเขาริมทะเล

ทันใดนั้น ดวงตาของมันพลันชะงัก ตรวจพบความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง

ท่ามกลางแสงจันทร์สีแดงเข้ม ยอดเขาที่ควรตั้งเด่นตระหง่านตรงหน้า บัดนี้ไม่มีอยู่อีกแล้ว!

พื้นราบด้านล่างยอดเขาเหลือเพียงเศษหินและกรวดกองสุม ปราศจากพืชพรรณเขียวขจี ภูมิประเทศเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง!

นี่มัน… อัลเจอร์ที่เข้าเมืองบายัมผ่านท่าเรือส่วนตัวของกลุ่มต่อต้าน ย่อมไม่สังเกตเห็นยอดเขา จึงไม่พบความผิดปรกติในตอนแรก!

ยอดเขาถล่ม? ถล่มลงมาทั้งหมด? จริงสิ… ก่อนหน้านี้ หนังสือพิมพ์เคยเขียนไว้ว่า นอกเมืองบายัมเกิดแผ่นดินไหวเล็กๆ … แต่ทางอาวุโสของโบสถ์รัตติกาลระบุว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์เกือบจะทำลายบายัม และยังมีครึ่งเทพเข้ามาพัวพันในเหตุการณ์… ทั้งสองเหตุการณ์เกิดขึ้นใกล้กันมาก… อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือของเกอร์มัน·สแปร์โรว์? เขาชักนำให้ครึ่งเทพปะทะกัน จากนั้นก็หนีออกมาพร้อมกับสังหารพลเรือเอกโลหิต? รูม่านตาอัลเจอร์ขยายออกเล็กน้อย ฝีเท้าค่อยๆ ช้าลงจนกระทั่งหยุดนิ่ง

วินาทีนี้ มันเข้าใจแล้วว่าทำไมโบสถ์วายุสลาตันถึงให้ความสนใจกับเกอร์มัน·สแปร์โรว์นัก แถมยังตั้งค่าหัวมากถึงห้าหมื่นปอนด์!

ภายในสุสานที่ยังไม่เสียหาย ท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน ลมหนาวพัดปะทะร่างอัลเจอร์จนสั่นระริกอย่างมิอาจหักห้าม

หัวใจของมันเริ่มเต้นแรง ก่อนจะหันไปมองทางด้านข้างและด้านหลัง

ใต้ต้นไม้ยักษ์อันมืดมิด ร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

อีกฝ่ายวางมือทาบลงบนหมวก ศีรษะเงยขึ้นเชื่องช้า เผยให้เห็นใบหน้าผอมเพรียวและชัดลึก ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไร้อารมณ์ ไม่ใช่ใครนอกจากเกอร์มัน·สแปร์โรว์

………………………………………………..

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset