ณ ห้วงมิติเหนือสายหมอก ท่ามกลางพระราชวังโบราณ
หลังจากไคลน์ตระหนักถึงความไม่ปรกติของเหตุการณ์รอบตัว มันรีบกินอาหารกลางวันและส่งจิตเข้าสู่ห้วงมิติสายเหนือหมอก เพื่อยืนยันสมมติฐานของตนให้แน่ใจ
ชายหนุ่มเสกปากกาหมึกซึมสีแดงเข้มขึ้นมาถือ ก้มหน้าตรึกตรองราวสองวินาที และบรรจงเขียนข้อความลงไป
“เราเข้าไปพัวพันกับกระแสความบังเอิญจากอิทธิพลของสมบัติปิดผนึก 0-08”
ไคลน์วางปากกาสีแดงเข้มลง มือขวาปลดโซ่เงินจากข้อมือซ้ายพร้อมกับเริ่มขั้นตอนทำนาย
เมื่อท่องจบ ชายหนุ่มตาลืมตาขึ้นพลางจ้องมองผลลัพธ์ตรงหน้า
จี้บุษราคัมยังคงห้อยแน่นิ่งในจุดเดิม
การทำนายล้มเหลว!
ผลการทำนายล้มเหลวสามารถตีความออกมาได้สองทาง หนึ่ง เรามีข้อมูลไม่เพียงพอ และสอง พลังทำนายถูกสมบัติปิดผนึก 0-08 หรือพลังใกล้เคียงขัดขวางไว้…
โอกาสเป็นไปได้มีเท่าๆ กัน…
ไคลน์ลองเปลี่ยนประโยคทำนายและถามหยั่งเชิงในมุมอื่น แต่ทั้งหมดล้วนประสบความล้มเหลว
ชายหนุ่มใช้นิ้วเคาะโต๊ะทองแดงยาว ภายในใจลังเลว่าตนควรเดินทางไปยังคฤหาสน์กุหลาบแดงในวันพรุ่งนี้หรือไม่
ถ้าเรื่องนี้ไม่มีเกี่ยวข้องกับ 0-08 หรือพลังในขอบเขตใกล้เคียง หากเราหลบหน้าองค์ชายเอ็ดซัคอย่างไร้เหตุผล ปัญหาคงบานปลายยิ่งกว่าเก่า…ไม่สิ คงหลบหนีไม่พ้นตั้งแต่แรก เพราะบ้านหลังติดกับเรามีผู้วิเศษทรงพลังแอบจับตามอง…จริงอยู่ เราอาจหนีรอดได้ด้วยพลังของผู้ไร้หน้า แต่การด่วนสละตัวตนเชอร์ล็อก·โมเรียตี้มันคุ้มกันหรือ? ถ้าเราแค่คิดไปเองล่ะ?
ใช่แล้ว ไม่ควรเสี่ยงโดยไม่จำเป็น เราต้องทำตามแผนเดิม แวะไปยังคฤหาสน์กุหลาบแดงในช่วยบ่ายของวันพรุ่ง จากนั้นค่อย ‘ลาพักร้อน’ ตามมารยาท โดยยังไม่สูญเสียตัวตนนักสืบเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ไป…องค์ชายเอ็ดซัคคงไม่ใจร้ายกับเรานัก งานเกินตัวเช่นนี้ เขาคงไม่บังคับให้นักสืบอ่อนแอและไร้สังกัดเอาชีวิตเข้าเสี่ยง…
แต่ถึงเราจะเข้าไปพัวพันกับ 0-08 หรือสมบัติปิดผนึกใกล้เคียงจริง จากประสบการณ์ส่วนตัว เราคงเป็นเพียงตัวประกอบผู้บังเอิญหลงเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ มิได้ตกเป็นเป้าหมายหลักของเรื่องราว และถ้าเป็นไปตามนี้ การหายตัวไปอย่างกะทันหันของเรา ยิ่งจะทำให้อินซ์·แซงวิลล์พบความผิดปรกติ!
พลังผู้ไร้หน้าไม่ช่วยให้รอดพ้นจากอิทธิพลของ 0-08 หรือสมบัติปิดผนึกใกล้เคียง…
ใช่แล้ว ไม่มีหนทางใดดีไปกว่าการแวะไปกล่าวคำอำลากับองค์ชายเอ็ดซัคตามปรกติ จากนั้นจึงค่อยๆ ถอนตัวออกจากเรื่องราวทีละนิด จนกระทั่งหลุดพ้นอย่างสมบูรณ์…
เมื่อนำทุกปัจจัยมาคำนวณร่วมกัน ไคลน์ตัดสินใจแสร้งทำเป็นไม่ตระหนักถึงความผิดปรกติรอบตัว เตรียม ‘อำลา’ เบ็คลันด์ในอีกสองวันถัดไปตามแผนเดิม
…
กองไฟในค่ายพักกำลังลุกโชน หน้าทางเข้าค่ายมีผู้วิเศษคอยผลัดเวรกันไปเฝ้าตลอดเวลา
เดอร์ริค·เบเกอร์เอนหลังพิงเสาหินและหลับตางีบเพื่อเอาแรง
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มพลันฝันเห็นทะเลหมอกสีเทากว้างไกล และเก้าอี้พนักสูงตัวใหญ่เด่นตระหง่านท่ามกลางห้วงมิติสายหมอกลึกลับ
บุคคลปริศนาผู้ดูแคลนทุกสรรพสิ่งนั่งจ้องลงมาจากเก้าอี้ตัวดังกล่าว
มิสเตอร์ฟูล… เดอร์ริคพึมพำ
อีกฝ่ายเปล่งเสียงหนักแน่น
“เตรียมตัวเข้าร่วมชุมนุม”
ขอรับ มิสเตอร์ฟูล… เดอร์ริคขานรับพร้อมกับเริ่มนับจังหวะหัวใจเต้น
เด็กหนุ่มมิได้ลืมตาแม้แต่วินาทีเดียว แสร้งทำเป็นนอนหลับสนิท
ยังเหลือเวลาสักพักก่อนออกเดินทาง มากพอสำหรับเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์…มันครุ่นคิดอย่างโล่งใจ
ในตอนแรกเดอร์ริคเคยคิดว่า ตนอาจยุ่งอยู่กับภารกิจสำรวจ จนต้องพลาดโอกาสเข้าร่วมชุมนุมทาโรต์ประจำสัปดาห์ไป
หลังจากเวลาผ่านไปจนครบหนึ่งพันหัวใจเต้น เดอร์ริคถูกดึงตัวไปยังใจกลางพระราชวังโบราณอันเงียบสงบ
ขณะมันกำลังลืมตา ฉากเหตุการณ์มากมายพลันพรั่งพรูเข้าสู่หัวสมอง ราวกับใครบางคนถ่ายเทความทรงจำซึ่งเคยสูญหายไปนานหลายวัน กลับคืนยังตำแหน่งเดิม
ภาพเหตุการณ์ประกอบไปด้วย หนึ่ง ผนังเก่าโทรมของอาคารบ้านเรือนสีฟ้าสลับขาว สอง วิหารของพระผู้สร้างเสื่อมทรามซึ่งมีลักษณะคล้ายกับวิหารของเมืองเงินพิสุทธิ์ สาม ภาพจิตรกรรมฝาผนังซึ่งสื่อถึงเหตุการณ์มหาภัยพิบัติ พระผู้สร้างเสื่อมทรามกำลังแบกรับบาปและความเจ็บปวดแทนมนุษย์ และผู้พยายามทำลายโลกคือหกเทพมารปริศนา
สี่ ฉากของ ‘เห็ด’ ยั่วน้ำลายเกินห้ามใจ และห้า ฉากของเด็กชายแจ็คผมสีเหลือง ผู้ไม่มีใครทราบหัวนอนปลายเท้า
ฉากทั้งหมดถูกฉายซ้ำไปมาจำนวนห้ารอบ แต่ละรอบมีรายละเอียดแตกต่างกันเล็กน้อย
ในรอบแรก ขณะกำลังเดินเข้าวิหารพระผู้สร้างเสื่อมทราม เทียนไขของทีมสำรวจพลันดับสนิททุกดวงพร้อมกัน แต่พวกมันก็รอดพ้นจากหายนะมาได้อย่างฉิวเฉียด ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของนักล่าปีศาจโคลิน รอบสอง สมาชิกทีมคนหนึ่งยับยั้งชั่งใจไม่ไหวและปรี่เข้าไปกินเห็ด แต่ก็ถูกโคลินหยุดไว้ได้ทัน รอบสาม โคลินชวนแจ็คพูดคุย และได้ทราบว่าเด็กชายเดินทางมาพร้อมกับบิดา โดยมีจุดประสงค์เพื่อค้นหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้สร้าง แต่ระหว่างกำลังล่องไปบนทะเลแสนกว้างใหญ่ เรือโดยสารเกิดปะทะเข้ากับพายุอย่างหนักหน่วง รอบสี่ โจชัวถูกเด็กชายแจ็คจู่โจมโดยไม่ทันระวังตัว และรอบสุดท้าย วิหารใต้ดินพลังครืนลงมาจนปิดทางเข้าออกไว้ทั้งหมด
เหตุการณ์ในแต่ละรอบจะสิ้นสุดลงเมื่อนักล่าปีศาจ โคลิน·อีเลียด ทำการสังหารแจ็ค หลังจากนั้น ทุกคนจะกลับมาเริ่มต้นวัฏจักรใหม่ในค่ายพักก่อนออกเดินทาง
พวกเราสำรวจวิหารมาแล้วห้าครั้ง…พวกเราใช้ชีวิตแบบนี้มาแล้วหลายรอบ และไม่มีทีท่าว่าจะว่าสิ้นสุดลง!
ยิ่งวิเคราะห์ความทรงจำใหม่ของตนอย่างละเอียด เดอร์ริคก็ยิ่งทวีความสั่นกลัวจากก้นบึ้งจิตใจ
ในเวลาเดียวกัน ออเดรย์ ผู้นั่งฝั่งตรงข้ามเดอร์ริค เตรียมกล่าวทักทายมิสเตอร์ฟูลและทุกคนด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนกับทุกที แต่เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นอากัปกิริยาผิดธรรมชาติของเด็กหนุ่ม เธอตัดสินใจซักถามอย่างเป็นกังวล
“มิสเตอร์ซัน เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าภารกิจสำรวจวิหารของพระผู้สร้างแท้… เอ่อ พระผู้สร้างเสื่อมทราม จะมีอุปสรรค?”
เมื่อเริ่มพบแสงแห่งความหวัง เดอร์ริครีบเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบอย่างละเอียด ก่อนจะปิดท้ายด้วย :
“หลังจากท่านประมุขจัดการกับแจ็ค พวกเราทุกคนจะหลับตาสนิทโดยพร้อมเพรียง จนกระทั่งตื่นขึ้นอีกครั้งภายในค่ายพักเริ่มต้น และเตรียมออกสำรวจวิหารแห่งเดิมโดยปราศจากความทรงจำก่อนหน้า วัฏจักรดังกล่าวเกิดขึ้นมาแล้วห้ารอบ แต่ละรอบแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย”
“หากไม่เพราะมิสเตอร์ฟูลช่วยคืนความทรงจำให้ ผมคงต้องใช้ชีวิตในวัฏจักรดังกล่าวไปจนตาย”
เดอร์ริคเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า ความทรงจำของตนกลับคืนมาด้วยฝีมือมิสเตอร์ฟูล จึงลุกยืนและทำท่าคำนับอย่างนอบน้อมไปยังบุคคลบนเก้าอี้สุดขอบโต๊ะทองแดงยาว
ฉันเพิ่งจะได้ทราบความจริงหลังจากฟังนายเล่านี่แหละ…ไคลน์มึนงง
แต่มันยังคงรักษามาดนิ่งของผู้ยิ่งใหญ่ เพียงพยักหน้ารับอย่างแผ่วเบา
ในทางทฤษฎี ถ้าผู้บังคับบัญชาถูกผู้น้อยซักถามในเรื่องนอกเหนือความรู้ ให้ทำหน้านิ่งเข้าไว้และไม่ต้องกล่าวสิ่งใด… ไคลน์อาศัยประสบการณ์สมัยยังเป็นนักรบคีย์บอร์ดเป็นหลักในการวางตัว
เมื่อเดอร์ริคเห็นมิสเตอร์ฟูลทำตัวสุขุมและวางมาดสงบนิ่ง มันเกิดความโล่งใจหลายส่วน ภายในใจกำลังเชื่อว่า อุปสรรคของตนจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น
เด็กหนุ่มหันไปทางแฮงแมน จัสติส เดอะเวิร์ล เมจิกเชี่ยน และซักถามอย่างจริงใจ
“พวกคุณทราบต้นตอของปัญหาหรือไม่? แล้วผมต้องแก้ไขอย่างไร”
ออเดรย์ผู้กระตือรือร้น เธอย่อมต้องการช่วยไขข้อข้องใจให้อีกฝ่าย เพียงแต่ว่า เด็กสาวไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวแม้แต่น้อย
ทางด้านฟอร์สเองก็เช่นกัน
สำหรับไคลน์ มันนำความรู้ทั่วไปจากดาวเคราะห์โลกมาผสมผสานกับนิยายจนเกิดเป็นทฤษฎีหลายข้อ แต่หลังจากตรึกตรองสักพัก ชายหนุ่มตัดสินใจวางตัวมาดนิ่ง รอดูท่าทีตอบสนองจากคนอื่นไปก่อน
อัลเจอร์เงียบงันสักพัก ก่อนจะมอบคำตอบซึ่งถูกไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี
“ผมคิดออกแค่สองประเด็น ข้อแรก คุณถูกพลังประเภทฝันร้ายหรือภาพลวงตาระดับสูงเล่นงาน เป็นพลังจากบุคคลระดับครึ่งเทพ แต่ในเมื่อตอนนี้ได้รับความทรงจำจากมิสเตอร์ฟูลกลับคืนมาแล้ว บางที ถ้าถูกส่งกลับไปยังโลกความจริง คุณอาจพบวิธีแก้ไขสถานการณ์ด้วยตัวเองได้ไม่ยาก ข้อสอง คุณถูก ‘ดึง’ หรือ ‘เผลอ’ เข้าไปในห้วงมิติพิเศษบางแห่งโดยไม่รู้ตัว บางที อาจเป็นดินแดนซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโลกความจริง กระแสเวลาภายในนั้นจะไหลแยกกับภายนอก เมื่อไหลไปถึงจุดหนึ่งจะย้อนกลับ และทำซ้ำเรื่อยๆ จนเกิดเป็นวัฏจักรสมบูรณ์ หากเป็นไปตามนี้ โอกาสหลุดพ้นจากวังวนจะมีเพียงสองวิธี ข้อแรก ต้องใช้พลังจากภายนอกทำลายโดยตรง และข้อสอง ต้องค้นหากุญแจสำคัญซึ่งเชื่อมต่อกับจุดบิดเบือนกระแสเวลาให้พบ”
ใช้พลังภายนอกทำลายเข้าไปโดยตรง?
ได้ยินเช่นนี้ ออเดรย์ เดอร์ริค และฟอร์สต่างหันไปมองเดอะฟูลโดยมิได้นัดหมาย
ไม่ได้…เราจะเอาแต่พึ่งพามิสเตอร์ฟูลไม่ได้เด็ดขาด! ในเมื่อท่านมิได้กล่าวสิ่งใด หมายความว่า ท่านกำลังมอบบททดสอบการแก้ไขปัญหาให้เรา…
เดอร์ริคครุ่นคิดสักพัก
“มิสเตอร์แฮงแมน สมมติให้เป็นอย่างหลัง คุณคิดว่าสิ่งใดคือกุญแจสำหรับเชื่อมต่อจุดบิดเบือนกระแสเวลา?”
ออเดรย์ไม่รอให้แฮงแมนตอบ เธอชิงคาดเดาอย่างตื่นเต้น
“เด็กชายแจ็ค? ห้ามฆ่าเด็กชายแจ็ค?”
อัลเจอร์พยักหน้า
“นั่นก็เป็นไปได้”
มันทำหน้าลังเลสักพักจึงเล่าต่อ
“คำอธิบายเกี่ยวกับแจ็ค ทำให้ผมหวนนึกถึงเหตุการณ์หนึ่งในอดีต”
แฮงแมนหันไปมองจัสติส
“ในการชุมนุมแรกๆ ของพวกเรา ตอนนั้นผมเล่าว่า ตัวเองกำลังไล่ตาม ‘ผู้สดับ’ จากชุมนุมแสงเหนือในทะเลใช่ไหม? จุดประสงค์ของพวกมันคือการค้นหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้สร้างแท้จริง”
ออเดรย์ทำหน้านึกตาม ก่อนจะผงกศีรษะรับอย่างไม่หนักแน่นสักเท่าไร
“เอ… ก็เคยมีเรื่องแบบนั้นอยู่”
อัลเจอร์เล่าต่อด้วยเสียงสุขุม
“ผู้สดับคนนั้นพาบุตรชายไปด้วย อายุของเด็กคนดังกล่าวใกล้เคียงกับคำอธิบายจากเดอะซันมาก”
“คุณกำลังจะบอกว่า แจ็คเดินทางจากดินแดนของพวกคุณ มายังเขตใกล้กับเมืองเงินพิสุทธิ์ของผม?” เดอร์ริคทำหน้าประหลาดใจ
หลังจากก้มหน้าไตร่ตรองสักพัก เด็กหนุ่มเริ่มเกิดความยินดีปรีดาลึกๆ ในใจ
สิ่งนี้หมายความว่า เมืองเงินพิสุทธิ์มิได้ถูกปิดตายโดยสมบูรณ์ และยังมีโอกาสติดต่อกับดินแดนของแฮงแมนกับจัสติสได้อยู่!
“นั่นแค่หนึ่งในความเป็นไปได้เท่านั้น”
แฮงแมนเองก็ไม่มั่นใจนัก
มันก้มหน้าเรียบเรียงคำพูดราวสามวินาที ก่อนจะมอบคำแนะนำเพิ่มเติม
“ผมขอเสนอแนะให้คุณหาโอกาสเล่าเรื่องเกี่ยวกับทะเลโซเนีย อาณาจักรโลเอ็น และเมืองท่าให้เด็กชายแจ็คฟัง บางที เขาอาจมีท่าทีตอบสนองแตกต่างไปจากทุกครั้ง แต่แน่นอน เรื่องนี้ไม่ควรกระทำต่อหน้าประมุขของเมืองเงินพิสุทธิ์ แล้วก็ กุญแจสำคัญของห้วงมิติดังกล่าวอาจไม่ใช่แจ็คเสมอไป คุณต้องเล่ารายละเอียดให้พวกเราฟังมากกว่านี้ เช่น เนื้อหาบนจิตรกรรมฝาผนังหรือเทวรูปเป็นอย่างไร บางที อาจมีเบาะแสสำคัญซ่อนอยู่ในนั้นก็ได้”
อัลเจอร์พยายามเค้นข้อมูล ‘ฟรี’ จากเดอะซันอย่างสุดความสามารถ
……………………