เนื่องจากมาถึงค่อนข้างเร็ว เมลิสซ่าและเบ็นสันจึงจับจองตำแหน่งได้ค่อนข้างดี ช่วยให้มองเห็นวัตถุประหลาดสองชนิดที่วางอยู่บนเสาหินกึ่งกลางจัตุรัส อันหนึ่งเล็ก อันหนึ่งใหญ่ ถูกทาด้วยสีน้ำเงินเข้มเชื่อมกับสายโทรเลข
ด้านล่างวัตถุดังกล่าวมีกลุ่มทหารเสื้อแดงกางเกงขายาวสีขาวยืนอารักขาสี่ทิศ ทุกคนสะพายเป้โลหะสีเทา ถือปืนไรเฟิลลำกล้องใหญ่ที่มีกลไกซับซ้อน สายตากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างไม่ประมาท
ท่ามกลางประชาชนที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย จัตุรัสมีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั่งเก้าโมงตรง วัตถุประหลาดบนเสาหินส่งเสียงซ่าออกมาเล็กน้อยและกลายเป็นเสียงทุ้มลึกในเวลาถัดมา
“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย เราคือจักรพรรดิของพวกท่าน ผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลเอ็น ไบลัมตะวันออก และหมู่เกาะรอสต์…จอร์จออกัสตัสที่สาม”
…เสียงพูดดังออกมาจากสิ่งนั้น? ใช้หลักการเดียวกับโทรเลข? ดวงตาเมลิสซ่าเบิกโพลงทันที ความสนใจเบี่ยงจากเนื้อหามายังกลไกการทำงานของวัตถุประหลาด
…
“สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย เราคือจักรพรรดิของพวกท่าน ผู้ปกครองสูงสุดแห่งโลเอ็น ไบลัมตะวันออก และหมู่เกาะรอสต์…จอร์จออกัสตัสที่สาม”
ณ จัตุรัสรำลึกในเขตตะวันตก ออเดรย์ยืนใกล้กับเวทีสูง ด้านข้างเป็นบิดา มารดา และพี่ชาย ทุกคนจดจ้องกษัตริย์ในเครื่องแต่งกายเต็มยศพร้อมกับตั้งใจฟังสุนทรพจน์
เนื่องจากทราบล่วงหน้าว่าเนื้อหาสุนทรพจน์ของจอร์จที่สามจะเป็นไปในทิศทางใด และจะสร้างบรรยากาศแบบไหน ออเดรย์จึงมิได้สวมชุดออกงานตัวเก่ง แต่แต่งกายในทำนองเดียวกับคุณหญิงเคทลิน เดรสเรียบง่ายสไตล์โบราณ สีดำล้วน ปราศจากเครื่องประดับ
“…เราทั้งดีใจและหนักใจที่จะแจ้งให้ทุกคนทราบว่า ในที่สุดโลเอ็นก็สามารถยับยั้งการรุกรานระลอกแรกจากฟุซัคได้สำเร็จ ทำลายแผนการของพวกมันที่คิดจะปิดฉากโลเอ็นภายในสามเดือน…”
“…อย่างไรก็ตาม มีคนหนุ่มสาวอนาคตไกลมากมายต้องจบชีวิตลงในสมรภูมิแนวหน้า พวกเขาควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ควรได้อยู่เคียงข้างพ่อแม่และเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ควรแต่งงานและออกเรือนไปสร้างครอบครัวที่สงบสุขกับคู่ครอง ให้กำเนิดเด็กน้อยที่น่ารักและแข็งแรง…”
“…ฟุซัค…พรากทุกสิ่งทุกอย่างไป…”
ออเดรย์ที่ทราบว่าสงครามปะทุขึ้นเพราะเหตุใด มิได้ซาบซึ้งไปกับสุนทรพจน์ของกษัตริย์ เพียงรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีพรสวรรค์ในการเล่นละคร
เธอได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบาดังมาจากรอบตัว ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่า มวลอารมณ์ความเศร้ากำลังก่อตัว ผสมผสานและบ่มเพาะ
สิ่งนี้ทำให้เบ้าตาของเธอแดงระเรื่ออย่างมิอาจควบคุม
จริงอยู่ที่สุนทรพจน์ของกษัตริย์เป็นของปลอม แต่ความโศกเศร้าของผู้คนเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ออเดรย์มีโอกาสได้เห็นบรรดาญาติของผู้เสียชีวิต มีโอกาสได้ช่วยเหลือกลุ่มคนยากจนที่ต้องสูญเสียลูกหลาน สามี และบิดาในชั่วข้ามคืน
ท่ามกลางการสอดประสานของห้วงอารมณ์ที่เข้มข้น ช่วงเวลานี้เหมาะแก่การดื่มโอสถ ‘จอมบงการ’ มากที่สุด…ออเดรย์ฉุกคิดถึงพิธีกรรมเลื่อนลำดับ แต่เธอไม่สามารถฉวยโอกาสจากมันได้ เพราะนอกจากจะยังย่อยโอสถนักท่องฝันไม่เสร็จ เธอยังรวบรวมคะแนนผลงานจากมิสเตอร์เวิร์ลได้ไม่มากพอ
หญิงสาวสูดลมหายใจยาว ควบคุมอารมณ์ที่แปรปรวน ถอนสายตาจากจอร์จที่สามและปล่อยให้ความคิดล่องลอย
มิสเตอร์เวิร์ลให้ความสนใจกับสุนทรพจน์วันนี้มาก แต่เราไม่รู้ว่าเขาจะฉวยโอกาสลงมือทำสิ่งใด…
ขอให้ไม่เกิดอุบัติใหญ่ที่ลุกลามเป็นวงกว้าง…
เทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘การกระจายเสียง’ อาศัยหลักการเดียวกับวิทยุ? มิสเตอร์เวิร์ลเคยเล่าให้ฟังว่า มีบางกองกำลังในทะเลกำลังใช้งานและพัฒนาเทคโนโลยีนี้อยู่…เมื่อเทียบกับทะเลที่เต็มไปด้วยพายุก่อกวน บนบกเหมาะจะใช้งานกว่ามาก…
ขณะออเดรย์ปล่อยให้ความคิดล่องลอย จอร์จที่สามซึ่งมีหนวดงามเหนือริมฝีปาก มีบรรยากาศเคร่งขรึมและหัวโบราณ เสร็จสิ้นการกล่าวส่วนแรกของสุนทรพจน์และเปล่งเสียงทุ้มต่ำ
“เราขอใช้โอกาสนี้เพื่อไว้ทุกข์ให้กับเหล่าวีรบุรุษผู้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ…ขอให้สุภาพบุรุษ สุภาพสตรี กล่าวตามเราในใจ”
“ในนามแห่งจักรพรรดิจอร์จที่สาม เราขอให้ดวงวิญญาณวีรบุรุษผู้ล่วงลับได้พานพบความสุขอันเป็นนิรันดร์ ขอให้พวกเขาทุกคนหลับใหลในดินแดนทวยเทพที่นับถืออย่างสงบสุข”
ประโยคดังกล่าวอันแน่นไปด้วยความน่าเกรงขามเหนือคำบรรยาย ส่งผลให้ผู้ฟังทุกคนรวมถึงออเดรย์ก้มศีรษะลงตามจิตใต้สำนึก ประสานมือและกล่าวภายในใจ
ในนามแห่งจักรพรรดิจอร์จที่สาม…
…
ในนามแห่งจักรพรรดิจอร์จที่สาม…อีกด้านหนึ่งของจัตุรัสรำลึก ไคลน์ซึ่งมีใบหน้าทั่วไป แต่งกายด้วยเสื้อขนสัตว์สีดำ สวดวิงวอนไปพร้อมกับผู้คนรอบข้างอย่างกลมกลืน
หลังจากความเงียบงันเข้าปกคลุมนานสามนาที ชายหนุ่มใช้หุ่นเชิดประเภทนกที่เกาะตามหลังคาคอยสอดส่องพฤติกรรมของจอร์จที่สามอย่างระมัดระวัง มองหาโอกาสที่กษัตริย์จะปลีกตัวลงจากเวทีเพื่อเข้าไปดื่มโอสถในสุสานลับ
ตามความเข้าใจของไคลน์ วลี ‘ในนามแห่งจักรพรรดิจอร์จที่สาม’ น่าจะเป็นแก่นสำคัญของพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์จักรพรรดิมืด การดื่มโอสถควรทำหลังทันทีจากนี้ทันทีเพราะมวลอารมณ์กำลังเข้มข้น หากปล่อยให้ล่าช้าเกินนานกว่าสามนาที ประสิทธิภาพและผลลัพธ์อาจไม่ถดถอย
หืม…จอร์จที่สามเอาแต่ไว้อาลัยอย่างเงียบงัน ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน…ไคลน์พยายามระงับความกระสับกระส่ายและความสงสัย รอคอยให้เวลาผ่านไปอย่างอดทน
ความเงียบที่ทำให้หลายคนหลั่งน้ำตาดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด ประชาชนทยอยลืมตา ส่วนจอร์จที่สามยังคงไม่ไปไหน ดำเนินการกล่าวสุนทรพจน์ของตนต่อไป
“เราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดมาแล้ว…พวกเราจะเอาชนะความชั่วร้ายและโหดเหี้ยมได้อย่างแน่นอน นี่คือพลังแห่งความยุติธรรม…พลังที่มาจากทหารแนวหน้าทุกคน…พลังที่มาจากแรงงานในอุตสาหกรรมทุกคน…”
นี่แปลว่า…ศูนย์ศูนย์แปดของเราสร้างอิทธิพลไม่สำเร็จ? จอร์จที่สามไม่มีแผนจะเถลิงบัลลังก์เทพในวันนี้ สุนทรพจน์มีขึ้นเพียงเพื่อ ‘ล่อ’ ให้ศัตรูที่ต้องการทำลายพิธีกรรมเผยตัว และในอนาคตก็จะมีสุนทรพจน์ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นอีก? ไคลน์ขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด
ทันใดนั้น ใบหน้าของมันเริ่มอึมครึมหลังจากฉุกคิดบางสิ่ง
เพียงพริบตา ไคลน์สลับตำแหน่งกับหุ่นเชิดเอ็นยูนในท่อระบายน้ำ ฝ่ายหลังแต่งกายเหมือนกับร่างต้นตั้งแต่หัวจรดเท้า
ถัดมาชายหนุ่มถอยหลังสี่ก้าวส่งตัวเองเข้าสู่มิติหมอก ใช้ตาทิพย์สังเกตสถานการณ์ในจัตุรัสรำลึกโดยอาศัยดวงดาวของจัสติสเป็นศูนย์กลาง
ปัจจุบันมันคือผู้วิเศษลำดับสาม สามารถใช้ตาทิพย์ขยายทัศนวิสัยได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคทาเทพสมุทร จริงอยู่ที่ตาทิพย์ของเทพสมุทรมองเห็นได้ไกลกว่าปราชญ์โบราณพอสมควร แต่กับสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่จำเป็น
เมื่อไคลน์มองลงไปยังเวทีสูงสำหรับกล่าวสุนทรพจน์ของกษัตริย์จอร์จที่สาม สายตาของมันพลันแข็งทื่อเนื่องจากไม่เห็นใครยืนอยู่เลย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งจอร์จที่สามเป็นเพียงภาพลวงตาจอมปลอม!
จอร์จที่สามซึ่งกำลังกล่าวสุนทรพจน์คือตัวตนที่ถูกจินตนาการขึ้น!
ก่อนสุนทรพจน์จะเริ่มขึ้น ไคลน์เคยตรวจสอบมาแล้วครั้งหนึ่งและยืนยันว่าจอร์จที่สามบนเวทีเป็นตัวจริง แต่หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่นาที ตัวจริงถูกสลับกับตัวปลอมตอนไหนก็มิอาจทราบได้
ในตอนที่ทุกคนกำลังไว้ทุกข์อย่างเงียบงัน จอร์จที่สามใช้พลังบิดเบือนของเส้นทางจักรพรรดิมืด สลับตำแหน่งภาพลวงตากับตัวจริง? ตอนนี้เขาน่าจะเข้าสุสานลับเรียบร้อยแล้ว เตรียมดื่มโอสถเพื่อเลื่อนลำดับ! ไคลน์เค้นสมองวิเคราะห์ รีบตรวจสอบสถานการณ์ของพื้นที่โดยรอบและพบความผิดปรกติจากใต้เวที ในจุดดังกล่าวมีพลังสีดำที่แข็งแกร่งกำลังไหลเวียน
ไคลน์หยิบไพ่จักรพรรดิมืดขึ้นมาจากโต๊ะทองแดงยาว อาศัยกฎการดึงดูดของตะกอนพลังเพื่อยืนยันว่า กลุ่มก้อนพลังงานสีดำที่ไหลเวียนใต้เวทีคือพลัง ‘บิดเบือน’ ของเส้นทางจักรพรรดิมืดอย่างที่คิด
ยอดเยี่ยมมาก…ระหว่างที่ ‘ล่อ’ ศัตรูด้วยสุนทรพจน์ จอร์จที่สามปลีกตัวจากเวทีอย่างเงียบเชียบเพื่อเตรียมดื่มโอสถ…เวลาเหลือไม่มากแล้ว…จิตไคลน์ทวีความตึงเครียด ชายหนุ่มรีบส่งตัวเองกลับสู่โลกความจริงและสวดวิงวอนภายในท่อระบายน้ำเป็นภาษาคนยักษ์
“วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ผู้ไล่ล่าความรู้”
“ประภาคารแห่งโลกเงื่อนงำ”
“ดวงตาแห่งการส่องชะตากรรม”
“ราชินีแห่งท้องทะเล”
“แบร์นาแดต กุสตาฟผู้ศักดิ์สิทธิ์และผุดผ่อง”
นี่คือนามเต็มอันทรงเกียรติของราชินีเงื่อนงำ แต่แตกต่างจากลำดับสาม ทั่วไปเล็กน้อย เพราะรัศมีในการตอบสนองของเธอกว้างไกลจนน่าทึ่ง อาจไกลมาถึงเบ็คลันด์เลยทีเดียว สำหรับประเด็นดังกล่าว ไคลน์สงสัยว่าจักรพรรดิโรซายล์น่าจะสร้างสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ สักชิ้นมาช่วยสนับสนุนให้เธอครอบครองคุณสมบัตินี้
ก่อนจะถึงลำดับสอง แบร์นาแดตแทบไม่บอกนามเต็มของเธอกับใคร ด้วยเกรงว่าศัตรูบางคนจะใช้การตอบสนองอัตโนมัติเพื่อล็อกเป้า เป็นชุดความคิดและความรอบคอบแบบเดียวกับไคลน์
ไคลน์นัดหมายกับเธอล่วงหน้าว่า ทันทีที่ตนเอ่ยนามเต็มอันทรงเกียรติ ให้แบร์นาแดตเปิดสุสานลับสักแห่งตามใจชอบด้วยเลือดพิเศษและสัญลักษณ์ของมิสเตอร์ประตู จากนั้นก็พยายามทำลายมัน
ทั้งตัวมันและแบร์นาแดตต่างก็ไม่คาดหวังกับวิธีนี้มากนัก เพราะอีกฝ่ายก็มีเทวทูต สามารถให้คนเฝ้าสุสานผลัดเวรกันสวดวิงวอนเป็นระยะ ช่วยให้เทวทูตสามารถ ‘จับตามอง’ จากจุดแสงสวดวิงวอน และตอบสนองทันทีที่พบสิ่งผิดปรกติ
หน้าที่หลักของแบร์นาแดตคือการเบี่ยงเบนความสนใจ!
แต่แน่นอน หากเทวทูตเหล่านั้นตอบสนองได้เชื่องช้ากว่ากำหนด แบร์นาแดตจะเปลี่ยนท่าทีจาก ‘ถ่วงเวลา’ เป็น ‘ทำลายล้าง’
จัดการเสร็จ ไคลน์เหยียดมือขวาออกไปจับอากาศ
ในตอนที่ดึงแขนกลับ ร่างหนึ่งปรากฏกายเบื้องหน้า
เป็นสตรีผู้มีใบหน้าธรรมดา ดวงตาสีเข้ม ชุดคลุมสีดำเรียบง่าย สวมเข็มขัดเปลือกไม้ ผมยาวสีดำขลับปล่อยตามธรรมชาติ เท้าเปลือยเปล่า
หัวหน้าสำนักชีรัตติกาล ผู้นำแห่งเหล่านักบวช บริวารอำพราง เทวทูตเดินดิน อาเรียนน่า
สำเร็จในครั้งเดียว…ไคลน์ตกตะลึง แต่ไม่มัวเสียเวลา รีบกล่าวเข้าประเด็น
“ปกปิดตัวตนของผมและคอยช่วยเหลือผู้คนในเบ็คลันด์”
ไคลน์กังวลว่า หากจอร์จที่สามคลุ้มคลั่งเนื่องจากพิธีกรรมล้มเหลว มันจะออกจากสุสานมาทำร้ายผู้บริสุทธิ์
“ตกลง” อาเรียนน่าตอบด้วยท่าทีสำรวมและอ่อนโยน มิได้แข็งทื่อเหมือนกับที่ภาพฉายทั่วไปเป็น
…อย่าบอกนะว่า…หรืออันที่จริง การอัญเชิญของเราล้มเหลว แต่เทพธิดาได้กำชับให้มาดามอาเรียนน่าแอบกลับมายังเบ็คลันด์ล่วงหน้า และเมื่อท่านสัมผัสถึงการอัญเชิญของเรา จึงปรากฏตัวออกมา…เทวทูตในเส้นทาง ‘ปกปิด’ สามารถควบคุมภาพฉายทางประวัติศาสตร์ของตัวเองได้ในระดับหนึ่ง? ขณะความคิดถาโถม ไคลน์พบว่าตนเข้าสู่ภาวะแปลกประหลาด ถูกตัดขาดจากประสาทสัมผัสของโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง
………………………..