Super God Gene – ตอนที่ 2617

ขณะที่ทุกคนมองดูด้วยความสับสน จิตใจของคำทั้ง 2 ของปราสาทนภาก็ระเบิดและบางสิ่งก็บินขึ้นสู่อากาศ

 

“นั่นคืออะไร?” หานเซิ่นตกใจ เขามองไปที่ยวิ๋นซู่อี เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอะไรแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน

 

“ข้า…ข้าไม่รู้…” ยวิ๋นซู่อีก็ตกตะลึงเหมือนกัน เธอไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน

 

คนอื่นๆในปราสาทนภาก็ตกใจเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะมีอะไรบางอย่างบินออกมาจากจารึกนั้น พวกเขาต่างก็จ้องมองไปที่มัน

 

สิ่งที่บินออกมาจากคำทั้ง 2 นั้นคือช้างตัวหนึ่ง มันขาวเหมือนกับหยก แต่มันมีความยาวเพียงแค่หนึ่งฟุตเท่านั้น งวงของช้างดูเหมือนจะทำมาจากคริสตัล

 

ทุกคนมองที่ที่ช้างน้อยด้วยความสับสน พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมมันถึงปรากฏตัวออกมา

 

ระบบป้องกันของปราสาทนภานั้นแข็งแกร่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่รู้ว่ามันมีซีโน่เจเนอิคซ่อนตัวอยู่ในคำจารึกนั่น

 

ช้างน้อยบินไปเรื่อยๆจนกระทั่งมันมาอยู่ตรงหน้าของหานเหยียน หลังจากนั้นมันก็ขยายใหญ่จนมีขนาดเท่ากับแมมมอธ

 

น่าแปลกที่หลังจากที่ช้างขาวปรากฏตัวออกมา พลังที่แฝงอยู่ในคำทั้ง 2 ของปราสาทนภาก็หายไป

 

ช้างขาวยื่นงวงออกไปพันรอบร่างกายของหานเหยียน

 

กล้างเนื้อของหานเซิ่นตึงเครียด เขาคิดว่าช้างขาวจะทำร้ายหานเหยียน เขาจึงกระโดดออกไปข้างหน้า แต่หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกตัวว่าช้างขาวแค่ยกเธอขึ้นไปนั่งบนหลังของมัน

 

เมื่อหานเหยียนขึ้นไปนั่งบนหลังของมันแล้ว เจ้าช้างขาวก็หันกลังและเดินลึกเข้าไปในปราสาทนภา

 

เมื่อเห็นว่าเจ้าช้างขาวไม่ได้มีจิตมุ่งร้ายอะไร หานเซิ่นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา แต่เขายังคงตามหลังมันไปอย่างใกล้ชิดเพื่อความแน่ใจ ผู้อาวุโสหลายคนก็รีบตามเข้าไปในปราสาทนภาเพื่อจับตาดูช้างประหลาดตัวนี้เช่นเดียวกัน

 

มันน่าแปลกที่ไม่มีใครรู้ว่าในคำจารึกของปราสาทนภามีช้างขาวตัวนี้ซ่อนอยู่ สถานการณ์นั้นเป็นอะไรที่แปลกจนยากที่จะเชื่อได้

 

แม้แต่ผู้นำของปราสาทนภาก็ลงมาดูใกล้ๆ เขาพยายามคิดหาคำอธิบายที่มาของช้างขาวตัวนี้ แต่เขาไม่สามารถคิดหาคำอธิบายอะไรออกมาได้

 

เพียงแค่สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของช้างขาว เขาก็สามารถบอกได้ทันทีว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้า สิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าตัวหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในคำจารึกโดยที่ไม่มีใครรู้ ความจริงเรื่องนี้เป็นอะไรที่น่าอับอายสำหรับระดับเทพเจ้าอื่นๆภายในปราสาทนภา

 

แต่พวกเขารู้ในทันทีว่าช้างขาวต้องมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานร่วมกับปราสาทนภา ดังนั้นไม่มีใครพยายามจะโจมตีมัน พวกเขาแค่ตามช้างขาวไปโดยอยากรู้ว่ามันจะทำอะไรต่อไป

 

“ผู้นำ ท่านรู้ไหมว่าช้างขาวนี้คืออะไร?” หานเซิ่นยังคงกังวลเกี่ยวกับหานเหยียน ดังนั้นเขาถึงถามผู้นำปราสาทนภาเมื่ออีกฝ่ายมาถึง

 

“ไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ปล่อยให้นางถูกทำร้าย” ผู้นำปราสาทนภาพูดขณะที่เดินตามช้างขาวไป

 

เมื่อหานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็ผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย แต่เขายังคงไม่รู้สึกวางใจ เขารู้สึกเป็นกังวลยิ่งกว่าเดิม นั่นก็เพราะมันฟังดูเหมือนว่าผู้นำปราสาทนภาเองก็ไม่เข้าใจว่าช้างขาวนี่มาจากไหนกันแน่

 

ถึงแม้สถานการณ์ที่ว่ามันมีสิ่งมีชีวิตระดับเทพเจ้าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในปราสาทนภาโดยที่ไม่มีใครรู้ถึงการมีอยู่ของมันจะเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ แต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆ

 

หานเซิ่นกัดฟันและตามช้างขาวไป แต่ช้างขาวไม่ได้แสดงจิตมุ่งร้ายอะไรออกมา มันยังคงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ หานเหยียนมองลงมาและสังเกตสิ่งที่เธอกำลังขี่อยู่อย่างสงสัย ถึงแม้เธอจะประหลาดใจที่ถูกจับตัวขึ้นมาบนหลังของมัน แต่เธอก็ไม่ได้ถูกทำร้าย

 

“น้องเหยียน น้องเป็นอะไรไหม?” หานเซิ่นถามขณะที่ตามช้างขาวมา

 

“น้องไม่เป็นอะไร นี่เป็นพิธีต้อนรับบางอย่างของปราสาทนภาอย่างนั้นหรอ?” หานเหยียนถามด้วยความสงสัย

 

“น้องลงมาจากหลังของมันได้ไหม?” หานเซิ่นถาม

 

“ได้ พี่ต้องการให้น้องลงไปอย่างนั้นหรอ?” หานเหยียนถาม

 

“ใช่ ลงมาตอนนี้เลย” หานเซิ่นพูด

 

หานเหยียนบินออกจากด้านหลังของช้างขาว แต่ทันทีที่เธอบินขึ้น เจ้าช้างขาวก็ใช้งวงจับตัวเธอกลับไปนั่งลงบนหลังของมันอีกครั้ง

 

แต่ทว่าเจ้าช้างขาวไม่ได้ทำร้ายเธอ มันวางเธอลงอย่างนุ่มนวลและเริ่มเดินหน้าต่อไป

 

“ในตอนนี้ปล่อยให้นางนั่งบนนั้นไปก่อน ข้าให้สัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้นางเป็นอันตรายใดๆ” ผู้นำปราสาทนภาพูด

 

ช้างขาวตัวหนึ่งบินออกมาจากคำจารึกของปราสาทนภา นั่นถือเป็นอะไรที่น่าตกใจไม่น้อย ศิษย์ของปราสาทนภาทุกคนคิดว่านี่เป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์ และพวกเขาก็อยากรู้ว่าช้างขาวนั้นคืออะไรกันแน่

 

แต่ศิษย์ของปราสาทนภาก็ต้องหยุดเดิน มีเพียงแค่ผู้นำปราสาทนภาและผู้อาวุโสที่ได้รับอนุญาตให้ตามมันเข้าไปต่อ

 

ช้างขาวแบกหานเหยียนผ่านห้องโถงของปราสาทนภา หลังจากนั้นพวกเขาก็มาถึงสวนของปราสาทนภา

 

นี่เป็นสถานที่ที่ผู้ปกครองของปราสาทนภาอยู่อาศัยตลอดประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และตอนนี้มันก็เป็นที่ของผู้นำปราสาทนภา คนปกตินั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาภายในนี้

 

หานเซิ่นและคนอื่นๆตามช้างขาวเข้าไปข้างใน มันเหมือนกับสวนธรรมชาติที่มีทั้งภูเขาและกลิ่นของหญ้า มันเหมือนกับป่าเล็กๆของแฟรี่ มันพืชซีโน่เจเนอิคที่หายากกระจัดกระจายไปทั่ว เพียงแค่ภาพของพวกมันก็ทำให้หานเซิ่นยากจะหยิบมีดออกมาและเริ่มตัดพวกมัน

 

ช้างขาวแบกหานเหยียนเดินไปเรื่อยๆจนกระทั่งไปถึงผนังภูเขาที่มีสระน้ำอยู่ใกล้ๆ ผนังนั้นมีคำ 2 คำสลักเอาไว้ “เอาท์เตอร์สกาย”

 

คำ 2 คำนั้นถูกสลักเอาไว้ขรุขระไม่เรียบร้อย ถึงแม้หานเซิ่นจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอักษรวิจิตรมากนัก เขาก็รู้ว่าคำเหล่านี้ถูกเขียนโดยคนหนุ่มสาว

 

แต่คนหนุ่มสาวจะมาสร้างรอยแกะสลักในที่แห่งนี่ได้ยังไง? ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของผู้ปกครองปราสาทนภา คนอื่นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาข้างใน ดังนั้นพวกเขาไม่สามารถทิ้งร่องรอยอะไรของตัวเองเอาไว้ได้

 

ช้างขาวเดินไปตรงหน้าผนังของภูเขา หลังจากนั้นมันก็จุ่มงวงลงไปในสระน้ำ ดูเหมือนเจ้าช้างกำลังควานหาอะไรบางอย่าง

 

ทุกคนมองไปที่ช้างขาวอย่างไม่รู้ว่ามันกำลังทำอะไร หลังจากที่ผ่านไปสักพักเจ้าช้างขาวก็ยกงวงขึ้นมาจากน้ำพร้อมกับถืออะไรบางสิ่งเอาไว้ วัตถุนั้นเป็นกล่องที่ทำขึ้นมาจากหยกและมีความยาวหนึ่งฟุต ทุกคนมองหน้ากันอย่างไม่แน่ใจว่ากล่องๆนี้มีความสำคัญอย่างไร

 

ผู้นำปราสาทนภามองไปที่กล่องหยกและขมวดคิ้ว ดูเหมือนเขาจะพอรู้ว่ากล่องนี้คืออะไร แต่เขายังไม่แน่ใจนัก

 

ช้างขาวยกงวงขึ้นและส่งกล่องหยกไปให้กับหานเหยียน หลังจากนั้นมันก็นอนลงข้างๆสระน้ำพร้อมกับปิดตาลง ดูเหมือนว่ามันจะหลับไป

 

“หานเหยียน เข้ามานี่” ผู้นำปราสาทนภาพูดกับหานเหยียนที่เพิ่งจะได้รับกล่องหยกมา

 

หานเหยียนเห็นหานเซิ่นพยักหน้า ดังนั้นเธอจึงลงจากช้างขาว ครั้งนี้เจ้าช้างขาวไม่ได้ตอบสนองอะไร มันปล่อยให้หานเหยียนลงไปพร้อมกับกล่องในมือ

 

“หานเหยียน เจ้าลองเปิดกล่องดู” ผู้นำปราสาทนภาบอกหานเหยียน

 

“ผู้นำ มันจะมีอันตรายอยู่ภายในกล่องหยกนั่นไหม?” หานเซิ่นถามอย่างเป็นกังวล

 

“ไม่” ผู้นำปราสาทนภาส่ายหัวด้วยสีหน้าแปลกๆ

 

“นี่คือ…” สีหน้าของยวิ๋นฉางคงเปลี่ยนไป ดูเหมือนเขาจะรู้สึกตัวถึงอะไรบางอย่าง และเขาก็มองไปที่กล่องหยกด้วยความประหลาดใจ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset