The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1117 – ความตายและความทุกข์ทน

   หมื่นกระบี่หวนคืน! 

  ซือหยูหายใจเข้าลึกเสียงเบาดังมาจากจุดกำเนิดพลัง พลังกระบี่สีเงินไร้ขอบเขตปกคลุมทุกมุมโลกเป็นแสงกระจ่างพันสายที่เจิดจรัส

  กระบี่ขนนกเข้าปะทะกับพลังกระบี่เงินพลังทั้งสองห้ำหั่นกันและพลังกระบี่เงินก็ได้ถาโถมไปทางฝั่งของสตรีวัยกลบางคน

  นางกัดฟันและเรียกขวดน้ำเต้าออกมาแม้จะเจ็บปวดแสนสาหัสเมื่อเปิดน้ำเต้า เสียงภูติผีร้องโหยหวนได้ปลดปล่อยออกมา

  โครงกระดูกมากมายออกมาจากน้ำเต้าพวกมันกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง มันกลายเป็นเมฆาเลือดป้องกันกายนาง พวกมันพุ่งเข้าใส่พลังกระบี่เงินที่พุ่งเข้าใส่นาง

  เมฆาเลือดที่ปกคลุมโครงกระดูกได้ยื่นกรงเล็บและเขี้ยวออกมามันดูแปลกประหลาดและน่ากลัว

  ซือหยูไร้ซึ่งความกลัวเขายกมือขวาด้วยใบหน้าเย็นชา กระบี่เงินเล่มยาวที่เกิดจากพลังกระบี่ควบแน่นได้ซัดตัดเมฆาเลือดเป็นสองซีก

  พลังกระบี่ทำลายล้างทุกสิ่งทะลวงเข้าไป

  แต่ด้านหลังเมฆาเลือดฝ่ามือที่ปกคลุมไปด้วยถุงมือดำสนิทยื่นออกมาซัดกระบี่สีเงิน

  ผั่วะ!!

  ฝ่ามือแหลกเป็นชิ้นๆ เมื่อซัดลงถึงพื้น แต่สีดำสนิทบนถุงมือนั้นได้ดูดซับพลังกระบี่สีเงินเอาไว้ พลังทมิฬของมันคืบคลานไปที่แขนของซือหยุ

  กระบี่พลังของเขากำลังผุกร่อน!

  มันคือพิษร้ายแรง!

  ซือหยูปล่อยกระบี่ในมือและก้าวถอยหลังทันที

   ได้เวลาแล้ว!    เสียงนั้นตะโกนดังสตรีวัยกลบางคนที่เป็นเจ้าของถุงมือดำสนิทก้าวพริบตาห่างจากซือหยูเพียงศอกเดียว ฝ่ามือนางซัดเข้าใส่ลำตัวของซือหยูอย่างแรง

  ด้วยระยะใกล้เช่นนี้ซือหยูมิอาจหลบเลี่ยงได้เลย

   เจ้าหนูเจ้าควรคุกเข่าและเตรียมตัวตายไปซะ! 

  นางตะโกนอย่างหนักแน่นและกดมือลงบนลำตัวของซือหยู

  แต่ในเวล่นั้นเองแสงสีเลือดได้เปล่งออกจากดวงตาของซือหยู วายุมิติปรากฏจากความว่างเปล่า

  ทั้งร่างของนางถูกดูดเข้าไปในวายุนางหน้าซีดด้วยความกลัวเมื่อร้องึำรามและพยายามจะหนีจากพลังที่ดูดกลืนนางเข้าไป

  ร่างของนางได้หยุดนิ่งอยู่หน้างวายุไปชั่วขณะ

  แต่ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ก็มากพอแล้ว!   พลังกระบี่สีเงินก่อตัวที่ปลายดัชนีของซือหยูมันเข้าบั่นคอนาง

  ศีรษะของนางกระเด็นขึ้นฟ้าโลหิตฟุ้งกระจายทุกหนแห่ง ดวงวิญญาณออกจากร่างไร้หัว ดวงวิญญาณนางมีความแค้นอันขมขื่น

  ซือหยูหัวใจเต้นแรงเขารู้สึกถึงความเยือกเย็นที่ด้านหลัง เขาไม่ลังเลที่จะหลบ

  แต่ความเจ็บแปลบก็แล่นผ่านแผ่นหลังเข้ามา

  เขาหันไปมองและเห็นยอดฝีมือแคระหน้าดำที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เขากำลังเล่นมีดในมือ

   หึหึเจ้าช่างรวดเร็วนัก! 

  ซือหยูแววตาเยือกเย็น

   เจ้าคือคนที่พูดปลุกระดมพวกมัน! 

  เสียงปลุกใจผู้คนให้ต่อสู้คือเสียงจากคนแคระนี้เอง

  ทุกคนเข้าเผชิญหน้ากับซือหยูตาต่อตาแต่เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนลอบกัดจากข้างหลัง

   โอ้อย่าพูดอย่างนั้นสิ เจ้าคือคนชั่วช้าสามานย์ ทุกคนชิงชังเจ้า คนยินดีที่จะได้ฆ่าคนฉ้อฉลอย่างเจ้า ใยต้องให้ข้าต้องพูดปลุกระดมด้วยหรือ? 

  ยอดฝีมือแคระแสยะยิ้ม

  ซือหยูเช็ดโลหิตสีเข้มจากมุมปากมีดเล่มนั้นมีพิษร้ายแฝงอยู่ เขามองคนแคระอย่างเยือกเย็นและเหลือบมองคนมากมายตรงหน้าเขาที่ถาโถมเข้ามาดั่งคลื่นโหมกระหน่ำ

   ฉ้อฉลเรอะ?ซือหยูผู้นี้มิใช่คนใจดี แต่ข้าเคยข้าคนบริสุทธิ์สักครั้งหรือ? ข้าเคยทำอันตรายให้จิวโจวแม้สักนิดหรือ? 

  ซือหยูถามอย่างเยือกเย็นเสียงของเขาไม่ดังนัก แต่มันไม่ต่างกับฟ้าผ่าหูของทุกคน

  เขาไม่เคยสังหารคนบริสุทธิ์และไม่เคยทำให้จิวโจวเป็นอันตรายเลยสักทาง

  เขาหยุดเซียนมณีจากการกลับคืนร่างอสูรยื้อเวลาให้จิวโจวล่มสลายช้าลง เขาถึงกับเปิดโปงเรื่องที่จ้าวดินแดนมีดสวรรค์สมคบคิดกับเผ่าผี

  ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะนำไปสู่การเรียกเขาว่าเป็น‘คนฉ้อฉล’

  ผู้คนเงียบกริบไปครู่หนึ่งแต่คนแคระก็แสยะยิ้มในทันทีและพูดยั่วเขา

   น่าขัน!เจ้าจะบอกว่าจิวโจวสิ้นหวังหากไม่มีเจ้าเรอะ? 

   ต่อให้ไม่มีเจ้าจิวโจวก็ยังมียอดฝีมือมากมายนักที่จัดการเทพอสูรมณีได้! 

   เจ้ามันคนไม่มีหัวนอนปลายเท้าไม่มีข่าวเรื่องแหล่งกำเนิดเจ้าในจิวโจวเลย! คนที่ไม่ใช่พวกเราย่อมมีจิตใจชั่วร้าย จะต้องพูดอะไรกันอีก? 

  ถ้าหากเขาใช้เวลาถามตัวเองอย่างซื่อสัตย์เขาคงจะรู้ว่าถ้าหากไม่มีซือหยู จิวโจวคงจะสิ้นหวังไปแล้วหากต้องเผชิญหน้ากับเทพอสูรมณี

  เซียนมณีนั้นเอาชนะราชาเขตที่ร่วมมือกันได้ถ้าหากนางได้ร่างอสูรกลับคืนมาและเป็นเทพอสูรล่ะก็…

   คนที่ไม่ใช่พวกเจ้าจะมีจิตใจชั่วร้ายรึ? 

  หัวใจของซือหยูเย็นชาขึ้นอีกเขาเหลือบมองทุกคนโดยรอบ เขาเห็นสายตากระหายเลือดนับไม่ถ้วน เขาสัมผัสได้แต่ความเยือกเย็นที่อยู่ภายใน

   ฮ่าๆๆๆๆ… 

  ซือหยูแหงนหน้าหัวเราะเย้ยสวรรค์เสียงหัวเราะของเขาลึกล้ำเดียวดาย ดวงตางดงามเหลือเพียงความผิดหวัง

   ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าก็มองข้าเป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง 

  เขาอดคิดถึงเซียนมณีกับปี้หลิงเทียนไม่ได้ทั้งคู่ชวนให้ซือหยูเข้าร่วมฝ่ายตนเอง แต่เขาก็ปฏิเสธเพราะว่าเขาเป็นเผ่าพันมนุษย์

   ฮื่มหัวเราะอะไรของเจ้า? ทุกคนที่ไม่ใช่คนจิวโจวถือเป็นคนนอก นี่คือเหตุผลเดียวกับที่ราชาของเราต้องการจับกุมเจ้า หากเจ้าตายคนที่ภักดีจะกลับมา! 

  คนแคระพูดขัดเขาอย่างเย็นชา

   ใช่แล้ว!ข้าได้ยินว่ามันมาจากต่างแดน และข้าก็สงสัยมานานแล้วว่ามันไม่ใช่คนจิวโจว! มันจะต้องมีแผนทำลายจิวโจวเป็นแน่! 

   ไม่ว่าเรื่องต่อสู้กับเซียนมณีหรือเรื่องเปิดโปงการร่วมมือกับเผ่าผีก็ล้วนเป็นเรื่องแต่งเพื่อหลอกลวงผู้คน! 

  ผู้คนต่างส่งเสียงของตัวเองซือหยูนั้นไร้พื้นเพ เขาย่อมเป็นศัตรู ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคิดว่ามันถูกต้อง

  หลายคนกำลังหาข้ออ้างให้กับการกระทำของตนเองแต่หลายคนก็พูดเพราะความอิจฉาในพรสวรรค์ของเขาที่ผุดออกมาจากที่ใดมิอาจทราบ และพุ่งทะยานดั่งดาวตก

  ถ้าเขาเป็นคนนอกพวกเขาก็ไม่มีความผิดในการฆ่าเขา และพวกเขาก็สามารถเผชิญหน้ากับบาดแผลในใจโดยไม่รู้สึกผิดบาป

  ด้วยจิตใจเช่นนี้นี่เองพวกเขาเชื่อในคำลวงของตัวเองและเปลี่ยนมันเป็นความมั่นใจ

  ซือหยูไม่เคยคิดเลยว่าต้นกำเนิดของเขาจะทำให้ผู้คนโกรธแค้นได้เช่นนี้

  เมื่อเห็นความสามัคคีของศัตรูซือหยูหลับตาอย่างแผ่วเบา ใบหน้าแทนที่ด้วยความสงบนิ่ง เมื่อลืมตาอีกครั้ง ดวงตาของเขานั้นเย็นชา ไร้ซึ่งความฝักใฝ่ในเรื่องทางโลก

   ใช่แล้วข้าเป็นคนนอก ข้าคงต้องทำอย่างที่คนนอกจะทำสินะ 

  ซือหยูตัวสั่นโลหิตสีดำที่ผสมพิษอยู่ซึมผ่านรูขุมขนออกมา มันชโลมชุดขาวของเขา

  ดวงตาดั่งดาราดูหมองหม่น

   ใครที่คิดฆ่าข้าจงมาในระยะร้อยศอก! หากไม่ใช่ จงไปให้ไกลจากข้า! 

  คำขู่ของเขาทำให้หลายคนส่งเสียงหัวเราะกึกก้อง

   มันกลัวจนบ้าไปแล้วเรอะ?เจ้าลูกหมาจมน้ำเอ้ย มันยังบ้าอ… 

  ก่อนที่เขาจะพูดจบเขาถูกพูดแทรก   ในสามลมหายใจทุกคนที่อยู่ในระยะร้อยศอกจะตาย ไม่เหลือแม้แต่ซาก! คนที่อยู่นอกระยะจะรอด! 

  เมื่อเขาพูดจบซือหยูหลับตาช้า ๆ และเริ่มนับถอยหลัง

  พริบตาเดียวทุกคนเงียบกริบ

  พวกเขาจ้องมองซือหยูที่ติดอยู่ในทางตันแต่หลายคนแอบรู้สึกไม่ปลอดภัยด้วยเหตุผลบางประการ

  เพราะเขาคือคนที่แข็งแกร่งที่เคยได้ต่อสู้กับเซียนมณี!

  หนึ่งลมหายใจผ่านไปไม่มีใครขยับตัว

  สองลมหายใจต่อไปยังคงไม่มีใครขยับตัว

  แต่เมื่อถึงลมหายใจที่สามก็มีคนเล็กน้อยที่ถอยห่างจากระยะร้อยศอกพวกเขายืนอยู่ที่ขอบระยะพอดี

  ซือหยูลืมตาช้าๆ เขาเหลือบมองยอดฝีมือหลายร้อยหลายพันคนที่ยืนนิ่ง บางคนถึงกับเข้าใกล้ขึ้น เขาถอนหายใจเงียบ ๆ ในหัวใจนั้นเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง

   ข้าได้วิชานี้มานานแล้วแต่ข้าไม่เคยคิดจะใช้เพราะข้าไม่อยากทำร้ายคนบริสุทธิ์แม้จะมีชีวิตของข้าเป็นเดิมพัน 

  ซือหยูถอนหายใจเงียบๆ

   เจ้าเลือกเองนะ 

  เมื่อพูดจบเขามองสวรรค์อันขมุกขมัว รังสีพลังเทพอันยิ่งใหญ่ห่มท้องนภาไปแสนศอก

  ดวงวิญญาณของคนโดยรอยสั่นอย่างรุนแรงท่ามกลางฟ้าดิน

  ��

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset