The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1118 – ดูดกลืนวิญญาณ

  จ้าวดินแดนมีดสวรรค์รู้สึกร้อนรุ่มในใจความรู้สึกนี้ช่างคุ้นเคย มันคือความรู้สึกที่เขาเคยรู้สึก สัญชาตญาณสั่งให้เขามองไปยังท้องนภา

  เขาเห็นเนตรดวงยักษ์แผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้ากว้างใหญ่

  คนที่ยืนอยู่ใต้เนตรดวงนี้มิอาจเห็นจุดจบอันลึกล้ำในดวงเนตรเนตรนั้นกว้างใหญ่ไปถึงขอบฟ้า

   นี่มัน…บัญชาสวรรค์รึ? 

  ซือหยูถูกดินแดนมีดสวรรค์ตามล่าเขาถูกบังคับให้ต้องใช้พลังอันลึกล้ำเช่นนี้ ในวันนั้น จ้าวดินแดนมีดสวรรค์นั่งอยู่ในเมืองโดยไม่รู้เลยว่าซือหยูอยู่ไกลจากเขาเพียงใด แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงเนตรดวงยักษ์ดวงนี้

  ต่อมาเขาก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินจ้าวดินแดนอีกหลายคนที่หนีจากสงครามมาได้พูดเรื่องเดียวกัน

  เมื่อได้เห็นวันนี้กับตาตัวเองซือหยูนั้นคือที่มาของพลังอันน่าตกใจที่เขาสัมผัสได้ในวันนั้น

   มันคือฎีกาสวรรค์ที่ผสมกับพลังอื่นพวกเจ้าเคยเห็นเรื่องแบบนี้หรือไม่? 

  อดีตจ้าวดินแดนทั้งสามแปลกใจที่ได้เห็นวิชาของวิถีเทพและมันคือฎีกาสวรรค์ในจุดสูงสุด!

  ท่ามกลางคนรุ่นหลังในยุคสมัยนี้ซือหยูเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถกำจัดกู้ไทซูได้

   เจ้าเข้าใจไม่ผิดหรอกมันคือฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ขั้นสุดยอดที่ผสานกับวิชาอื่น มันแปลกประหลาดมิอาจคาดเดา ต่อให้ไม่ดีเท่ากู้ไทซู ข้าก็เคยเห็นมันกับตาตัวเอง มันมีพลังกลืนกินพื้นที่อันแข็งแกร่งและพาคนไปยังแดนห่างไกล แต่พลังของมันไม่ได้มีอันตราย แรงปะทะกับพวกเราแทบจะเป็นศูนย์ 

  จ้าวดินแดนมีดสวรรค์จับมือในชายเสื้อและยิ้มที่มุมปาก

  ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ซือหยูน่าจะหมดแรงและไม้ตายไปแล้ว

   ยากที่จะได้เห็นคนมีพรสวรรค์ในฎีกาสวรรค์อย่างเขาแต่ก็น่าเสียดายที่มันมาจากต่างแดน มันต้องตาย 

  อดีตจ้าวดินแดนทั้งสามพูดเบาๆ

  พวกเขาไม่ลงมือทันทีเพราะหวาดกลัวต่อซือหยูพวกเขาเพียงแค่รอให้ซือหยูหมดพลังจะต่อสู้เสียก่อน แล้วจึงค่อยโต้กลับเพื่อสังหาร

  เนตรยักษ์บนท้องนภากำลังก่อตัวเมืองเขตกลางเต็มไปด้วยผู้คนที่อ้าปากค้างด้วยความตกใจ สายตาทุกคู่แหงนขึ้นมองเนตรนภาดวงนี้

  คนที่ไม่ตกใจมีเพียงเหล่ายอดฝีมือที่อยู่ในระยะร้อยศอกพวกเขาดูใจเย็น ดวงตาลุกโชนไปด้วยมุมมองของการทำลายล้าง

  จ้าวดินแดนมีดสวรรค์ที่รอลงมือเป็นคนสุดท้ายขมวดคิ้วขึ้นอย่างประหลาดเพราะเนตรที่เขาเห็นในวันก่อนนั้นมีพลังที่แข็งแกร่ง

  จากคำอธิบายของคนที่หนีมาได้เนตรดวงนั้นมีพลังมิติและมีสีแดงฉาน

  แต่สิ่งที่เขาเห็นเนตรสีซีดดวงนี้เปล่งพลังแบบอื่นออกมา

   พวกท่านทั้งสามมีบางอย่างไม่ถูกต้อง 

  จ้าวดินแดนมีดสวรรค์คลายมือที่ผสานกันออกใบหน้าเขาดูสง่างาม

  เขาลังเลว่าจะเตือนให้คนในเขตกลางหนีไปดีหรือไม่พลังเนตรกำลังจะมาถึงแล้ว

  เนตรที่เต็มไปด้วยคลื่นและการหมุนวนนี้สามารถขับดวงวิญญาณออกมาได้

  จู่ๆ คลื่นในเนตรได้หันทิศมาหาพวกเขา พวกมันรวมตัวกันเป็นวงกลมราวกับก้นบึ้งที่กำลังจมลึกลงไป

  ปั้ง!

  ชายแก่ที่เป็นแค่ภูติระดับเก้าล้มลง  สีหน้าของเขาขาดสีสัน

  ไม่นานก็มีภูติระดับเก้าอีกหลายคนที่ล้มลงสู่พื้น

  ต่อมาก็เป็นจ้าวเทวะระดับหนึ่งระดับสอง ระดับสาม ระดับสี่…

  ผู้คนในระยะร้อยศอกล้มลงไปตามระดับพลัง

  อสูรเนรมิตรทั้งสี่ได้แต่มองที่ราบที่มีคนค่อยๆ ล้มลงไป

  ดวงวิญญาณที่มิอาจเห็นได้ด้วยตาเปล่าขัดขืนหวาดกลัว ร้องคำราม พวกมันกำลังถูกเนตรบนท้องนภาดูดกลืนขึ้นไป

  ใบหน้าของทั้งสี่เปลีย่นไปทันที!

  ดวงวิญญาณของทุกคนกำลังถูกเนตรกลืนเข้าไป!

  ในโลกวันนี้ไม่มีพลังวิเศษใดที่สามารถช่วงชิงดวงวิญญาณออกจากร่างกายไปได้นอกจากเจ้าของดวงวิญญาณจะทำด้วยตัวเอง  แต่เนตรแห่งการเวียนว่ายดวงนี้มีพลังที่เหนือกว่าพวกมันสามารถดูดดวงวิญญาณออกจากร่างได้ คนเหล่านั้นเหลือเพียงแต่กายหยาบ!

   ทุกคนออกมาเดี๋ยวนี้! 

  ผู้นำชายแก่ทั้งสามตะโกนเสียงดัง

  อดีตจ้าวดินแดนทั้งสามมิอาจจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็นแต่มันก็เป็นอย่างที่ซือหยูพูด ทุกคนในระยะร้อยศอกตายแล้ว!

  มันน่าขนลุกขนพองยิ่งนักเมื่อเห็นคนรอบกายล้มลงไปทีละคนอย่างมิอาจควบคุมได้และจากนั้นดวงวิญญาณโปร่งใสของพวกเขาก็ต่อต้านด้วยความกลัวขณะที่ถูกเนตรบนท้องนภาดูดกลืนขึ้นไป

  ความกลัวเริ่มบดบังความโลภของพวกเขาราวกับถูกบดบังด้วยเงาทมิฬขนาดยักษ์พวกเขาตัวแข็งทื่อเมื่อพยายามถอย

  แต่มันก็สายไปแล้ว

  พลังของเนตรดวงยักษ์บนท้องนภาค่อยๆแผ่ขยายจนถึงขีดจำกัดและระเบิดออกมา!

  พริบตาเดียวมิเพียงแค่วิญญาณจ้าวเทวะ แต่ดวงวิญญาณของทุกสิ่งได้ถูกดูดขึ้นไป

   อ๊า!ไม่นะ! 

  เหล่าอสูรเนรมิตรลังเลครู่หนึ่งและก็ตกตะลึงเมื่อได้เห็นว่าดวงวิญญาณของอสูรเนรมิตรก็กำลังถูกพลังที่มองไม่เห็นดูดเข้าไปเช่นกัน

  พวกเขากรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกแต่ไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยชีวิตพวกเขาได้อีกต่อไปแล้ว ดวงวิญญาณของพวกเขาออกจากร่าง พวกเขากู่ร้องด้วยความกลัวขณะที่ขัดขืน

  ต่อมาอสูรเนรมิตรสองกลุ่มถูกดูดขึ้นไป

  ถัดไปอสูรเนรมิตรสามกลุ่มถูกดูดขึ้นไป

  ใบหน้าของยอดฝีมือแคระเปลี่ยนไปราวกับคนละคนเขายืนอยู่ที่ขอบระยะพลังและกำลังจะหนี แต่ดวงวิญญาณของเขาก็ถูกพลังดูดกลืนบนท้องนภาเหนี่ยวรั้งเอาไว้จนเกือบจะแยกออกจากร่างกายไปแล้ว  เขายังทำให้ดวงวิญญาณติดอยู่กับร่างได้เพราะจิตมุ่งมั่นของตัวเองมิเช่นนั้นเขาคงจะถูกเนตรกลืนกินดวงวิญญาณไปเหมือนกับคนอื่น

  ในเวลานี้ไม่เหลือความเยือกเย็นอยู่บนหนา้ของเขาอีก เขาสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก

   ปล่อยนะปล่อยข้าไป! 

   เจ้าอยากจะทำผิดอีกครั้งเรอะ? 

  ซือหยูไม่พูดอะไรและเดินตรงไปยังซากหอเคลื่อนย้ายเขาเตะซากปรักหักพังให้กระเด็นหายจนเห็นประตูมิติเทวะ

  ซือหยูย่อตัวลงและวางแก้วพลังเพื่อใช้มันอีกครั้ง

   นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องการรึ? 

   มันคงไม่แปลกกับข้าถ้าคิดว่าข้ามาจากต่างเผาพันธุ์กับเจ้าในฐานะคนต่างเผ่า มันไม่แปลกที่ข้าจะฆ่าคน 

   ข้าผิดเองที่พยายามช่วยชีวิตพวกเจ้าแต่เจ้าตายไปก็ไม่เจ็บปวดหรอก     อ๊าา!!หยุดเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นคนเขตกลางจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่! 

  ยอดฝีมือแคระพูดอย่างดุดันแต่ใบหน้าของเขาไม่มีซึ่งความดุร้ายอีกแล้ว เขากระวนกระวายเพราะดวงวิญญาณกำลังจะหลุดออกจากร่าง

  ซือหยูหลับตาช้าๆ เขาพูดอย่างไร้อารมณ์

   ต่อให้ข้าหยุดเจ้าก็ไม่ปล่อยข้าไปอยู่ดี 

  ฟึ่บ!

  ดวงวิญญาณยอดฝีมือแคระหลุดออกจากร่างเขากรีดร้องเมื่อถูกดูดกลืน

  หอเคลื่อนย้ายว่างเปล่าไร้ซึ่งชีวิตไม่มีใครเหลือรอด และไม่มีใครหนีออกไปได้!

  แม้แต่นักฆ่าเลื่องชื่ออย่างมีดเจ็ดทมิฬก็ไม่เหลือรอด

  มีดเจ็ดทมิฬนั้นแข็งแกร่งไม่ต่างจากจักรพรรดิโลหิตพลังของพวกเขาคล้ายกันมาก  แต่คิดไม่ถึงว่าในวันนี้พวกเขาจะตายอย่างง่ายดาย

  คนเมืองเขตกลางนอกพื้นที่พลังหายใจแรงด้วยความตื่นตระหนกโดยเฉพาะไม่กี่คนที่ระแวงและหนีออกมาก่อน แผ่นหลังของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อไคลเย็นเฉียบ พวกเขาได้แต่ยืนขาสั่น

  ทุกคนในระยะที่ซือหยูกล่าวไว้ตายหมด

  ทุกคนที่อยู่นอกระยะรอดชีวิต

  แล้วใครกันที่จะกล้าก้าวเข้าไปหาเขาอีก?

  แม้แต่อดีตจ้าวดินแดนก็เป็นอสูรเนรมิตรขั้นสี่ก็ซ่อนตัวปะปนกับชาวเมืองไม่มีใครกล้าเสนอหน้าออกมา

  ใต้สายตานับแสนคู่ซือหยูยืนอยู่ท่ามกลางศพไร้วิญญาณและกำลังเปิดประตูมิติ

  เมื่อมิติสั่นไหวอีกครั้งเขาจะสามารถเคลื่อนย้ายไปไกลจากจิวโจวได้ในเวลาเพียงห้าลมหายใจ

  ขณะนี้ทุกคนเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าหยุดเขา

  พวกเขาไม่กล้าหยุดไม่มีใครที่กล้าหยุดซือหยูเลย

   ฆ่าคนของข้าแล้วเจ้าคิดว่าจะหนีไปทั้งอย่างนี้รึ? 

  ใบหน้าของเหล่าอดีตจ้าวดินแดนทั้งสามเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง

  ซือหยูยืดตัวตรงช้าๆ และมองทั้งสามที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชาวเมือง ซือหยูกล่าวอย่างไม่แยแส

   ก็ลองหยุดข้าสิถ้าพวกเจ้าไม่กลัวตาย 

  ทั้งสามคิดต่อให้พวกเขาร่วมมือกัน แม้จะผสานพลังกันอย่างถูกต้อง พวกเขาก็อาจทำไม่สำเร็จ

  ถ้าพวกเจ้ามีความกล้าจะต่อสู้พวกเขาก็คงเริ่มลงมือไปแล้ว พวกเขาจะใช้คำขู่กับซือหยูอยู่เพราะเหตุใดกัน?   แต่พวกเขาจำเป็นต้องพูดเพราะถ้าหากไม่ทำสิ่งใดพวกเขาอาจถูกราชาเขตกลางลงโทษได้

   มันชั่วช้านำัก!เราจะปล่อยมันไปได้ยังไง? 

  แน่นอนว่าพวกเขาได้แต่ตะโกนใส่กันแต่พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้จนเกินไป พวกเขาหวาดกลัวอย่างมากเมื่อมองร่างไร้วิญญาณที่นอนเกลื่อนพื้น

  พวกเขาไม่อยากจะสู้กับซือหยูแต่จำต้องแสร้งทำซึ่งแท้จริงแล้ว พวกเขายิ่งเป็นฝ่ายอยากจะให้ซือหยูรีบหนีไปสักที

  พวกเขาเหลือเวลาอีกสี่ลมหายใจ

  ซือหยูนับเงียบๆ เช่นเดียวกับอดีตจ้าวดินแดนทั้งสาม

  จ้าวดินแดนมีดสวรรค์ตัวแข็งทื่อเขาได้แต่ตะคอก

   ไอ้แก่สามคนอย่าพวกเจ้ายังรักตัวกลัวตายอยู่อีกเรอะ!    อดีตจ้าวดินแดนทั้งสามมีชีวิตมาหลายพันปีทั้งสามย่อมคิดอ่านได้ดีกว่าจ้าวดินแดนมีดสวรรค์ สิ่งใดเล่าจะสำคัญที่สุดในโลกใบนี้ วิชา โอสถ หรือโอกาส?

  ไม่เลยแต่เป็นชีวิต!

  พวกเขาอยู่จุดสูงสุดของอสูรเนรมิตรราชาเขตกลางเองก็เป็นแค่เซียน ราชาเขตกลางมิอาจให้โอกาสพวกเขาเป็นเซียนได้

  แล้วใยพวกเขาต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อแลกกับรางวัลของราชาเขตกลางด้วยเล่า?

  จ้าวดินแดนมีดสวรรค์หงุดหงิดใจอย่างมากเขารู้เรื่องนี้มาก่อน เขาไม่ควรจะบอกความจริง

  ดังนั้นแล้ว…ภาพอันแปลกประหลาดจึงได้เกิดขึ้น

  อดีตจ้าวดินแดนอันยิ่งใหญ่สามคนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าซือหยูและขู่เขาอย่างไร้ยางอายซือหยูยืนนิ่งเหมือนคนหูทวนลม เขาหลับตาและไม่พูดอะไร  เหลือเวลาอีกสามลมหายใจ

  สองลมหายใจ!

  อดีตจ้าวดินแดนทั้งสามตึงเครียดพวกเขาปรารถนาว่าพวกเขาจะมีพลังที่เร่งเวลาให้เร็วขึ้น

  หนึ่งลมหายใจ!

  ทั้งสามแอบโล่งใจพวกเขามองหน้ากันและแอบยิ้ม

  ปั้ง!

  เสียงระเบิดดังขึ้น

  แต่มันไม่ใช่เสียงของการเคลื่อนย้ายที่สำเร็จแต่เป็นเสียงของการถูกทำลาย!

  ทั้งสามหน้านิ่งพวกเขาจ้องซือหยูอย่างไม่เชื่อสายตา

  ซือหยูหลุดจากการเคลื่อนย้าย!

  ดัชนีของเขาชี้ที่ประตูมิติพลังของเขาทำให้มันหยุดทำงาน

   สุดท้ายเจ้าก็มาสินะ    ซือหยูหลับตาเขาลืมตาช้า ๆ และมองท้องนภาเหนือศีรษะ

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset