The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1285 – ทางออกจากทะเลขม

  ซือหยูมองเหล่ารัชทายาทด้วยความเวทนาบอกตามตรง เหล่ารัชทายาทนั้นถูกลิขิตให้ยักษ์ทะเลขมกินตั้งแต่เกิด ชะตาของพวกเขาน่าเศร้านัก

  ซือหยูถอนหายใจเบาๆ

   ข้าไม่ได้แน่ใจมาตั้งแต่แรกถ้าข้าบอกเจ้า เจ้าจะยังคิดก่อกบฏอยู่รึ? 

   ข้า… 

  องค์หญิงหกไม่โต้แย้งเป็นเรื่องจริง หากพวกนางได้รับรู้ความจริงอันน่าสะพรึงกลัวครั้งนี้ พวกนางจะยังกล้าก่อกบฏหรือ?

  เพราะไม่เพียงแต่จะต้องเผชิญหน้ากับมเหสีหยุนเซี่ยแต่พวกนางยังต้องเผชิญหน้ากับยักษ์ทะเลขมอีกด้วย!

  องค์ชายหนึ่งมองไปยังทะเลขมที่ใกล้เข้ามา

   เจ้ามีความตั้งใจอื่นสินะถึงได้เรียกยักษ์ออกมา? 

  ซือหยูพยักหน้า

   ใช่แล้วทะเลขม แท้จริงแล้วคือทางหนีสุดท้ายที่ข้าจะใช้! แท่นบูชาเป็นเพียงทางเลือกเท่านั้น มันคงดีไม่น้อยหากเราหนีผ่านแท่นบูชาได้ แต่ต่อให้หนีไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เรายังมีทะเลขมอยู่ 

  องค์หญิงสองตกใจ

   ทะเลขมคือทางหนีของเรารึ?เจ้าบ้าไปแล้วรึไง? เราบินเหนือทะเลขมไม่ได้นาน ต่อให้เทพมาก้าวพริบตาก็ไปได้ไม่ไกลอยู่ดี เราต้องกลับฝั่งทันที มิเช่นนั้นจะตายกันหมด 

  ทะเลขมเป็นสถานที่อันสิ้นหวังองค์หญิงสองแทบจะเป็นบ้าที่ถูกซือหยูพามาที่นี่

  องค์ชายหนึ่งและองค์หญิงหกเงียบไปดูจากนิสัยของซือหยู เขามักจะเตรียมการล่วงหน้าเสมอ หากเขาพาพวกเขามายังทะเลขม มันจะต้องมีเหตุผลอยู่แน่

  แต่เช่นเดียวกับองค์หญิงสองทั้งสองไม่รู้เลยว่าจะหนีผ่านทะเลขมได้ยังไง

  องค์หญิงหกกระพริบตา

   ไม่มีสิ่งใดข้ามทะเลขมได้ในสิบล้านปีที่ผ่านมาเจ้ามั่นใจรึว่าจะหนีออกไปได้? 

   หึหึ… 

  ซือหยูหัวเราะเบาๆ

   ไม่มีสิ่งใดรึ?ไม่ใช่หรอก เจ้าลืมใครไปรึเปล่า? 

   ใครกัน? 

  รัชทายาททั้งสามผงะมีคนอื่นนอกจากยักษ์ทะเลขมที่ข้ามทะเลขมได้ด้วยหรือ?

   เทพแห่งความตาย! 

  ซือหยูกล่าว

   เทพแห่งความตายปรากฏตัวในวิบัติที่ข้าผ่านนั่นก็มากพอแล้วที่จะบอกว่าเขาเป็นจักรพรรดิอสูรในยุคสมัยหนึ่ง และควรจะอยู่ที่โลกอสูร แต่กลับไปอยู่ในธารดารา เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกรึ?    รัชทายาททั้งสามงุนงงตามวิชาแยกร่าง ร่างอวตาลในอดีตจะถูกยักษ์ทะเลขมกลืนกิน แม้กระนั้นเทพแห่งความตายกลับเป็นข้อยกเว้น เขายังมีชีวิตอยู่ที่จักรวาล

  ซือหยูพยักหน้า

   ในบันทึกโลกอสูรมีจักรพรรดิอสูรหนึ่งคนถูกยักษ์ลากลงสู่ทะเลและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนับตั้งแต่วันนั้น 

  รัชทายาททั้งตามพูดออกมาพร้อมกัน

   จักรพรรดิอสูรรุ่นเก้าจักรพรรดิอสูรมรณะ! 

  พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ามีจักรพรรดิอสูรเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถูกยักษ์ทะเลขมลากตัวไป?

   ใช่แล้วข้าคิดว่าเขาคือเทพแห่งความตายที่หนีไปจากโลกอสูร! 

   ในประวัติศาสตร์โลกอสูรบันทึกประวัติจักรพรรดิอสูรล้วนลงรายละเอียดชัดเจน ทุกคนเกิดในโลกอสูรและตายในโลกอสูร!     แต่ไม่ใช่จักรพรรดิอสูรมรณะที่หายตัวไปและไม่เคยพบที่ไหน!ดังนั้น จักรพรรดิอสูรก็น่าจะเป็นเทพแห่งความตายในจักรวาลข้างนอกนั่น! 

  ตัวตนของเทพแห่งความตายเป็นความลึกลับในจักรวาลอยู่เสมอ

  ไม่มีใครรู้ว่าเทพแห่งความตายมาจากไหนแล้วก็ไม่มีใครรู้ความลึกล้ำของพลังของเขา เขาราวกับปรากฏตัวในข้ามคืน เข้าร่วมโลกเสี้ยววิญญาณและก่อตั้งสำนักนรกขึ้นมา

  นี่คือทั้งหมดที่ธารดารารับรู้

  และบางทีซือหยูอาจจะอธิบายได้ทั้งหมดแล้ว

  เทพแห่งความตายคือจักรพรรดิอสูรที่หนีออกมาจากโลกอสูร

  องค์หญิงหกดวงตาเป็นประกายเมื่อมองทะเลขม

   เจ้าจะบอกว่าทางออกที่สองอยู่ในทะเลขมและจะทำให้เราหนีจากโลกอสูรไปได้งั้นรึ? 

  ซือหยูแววตาเฉียบแหลม

   ใช่แล้ว!เทพแห่งความตายถูกลากลงทะเลและหายตัวไปตั้งแต่ครั้งนั้น กว่าจะปรากฏตัวอีกครั้งก็ไปอยู่ที่จักรวาลแล้ว! 

   คำอธิบายนี้ยังไม่มากพอรึ?ทะเลขมจะต้องเป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับโลกภายนอก จักรพรรดิอสูรมรณะถึงได้หนีจากการถูกยักษ์ทะเลขมกลืนกิน 

  เมื่อฟังจบพวกเขาทั้งไม่เชื่อและสับสน

  ด้วยเบาะแสเพียงเล็กน้อยซือหยูพบเส้นทางที่เชื่อมต่อโลกอสูรกับโลกภายนอกที่ไม่มีใครเคยพบในสิบล้านปีที่ผ่านมา

  ฟึ่บ!

  ทั้งสี่ก้าวพริบตาไปยังริมฝั่งทะเล

  กลุ่มว่าที่เทพขั้นต้นกำลังเตรียมต้นไม้สูงร้อยศอกที่มีเพลิงทองคำส่องสว่างออกมา

  เมื่อรัชทายาทเห็นทุกคนตกใจ นอกเสียจากเทพอสูรเนตรม่วงที่รู้แผนทุกขั้นตอน   นี่มัน… 

  องค์หญิงหกจ้องมองต้นไม้ใหญ่ร้อยศอกอย่างไม่เชื่อสายตา

  กลิ่นอายที่คุ้นเคยเพลิงที่คุ้นตา จะเป็นอะไรไปได้นอกจากไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำ?

  แต่ไม่มีทางที่ไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำจะมีชีวิตรอดในโลกอสูรได้มันสูญพันธุ์ไปนานมากแล้ว แล้วต้นไม้ยักษ์นี่มาจากที่ใดกัน?

  ในตอนนั้นเององค์หญิงหกนึกขึ้นได้ว่าซือหยูเคยขอเมล็ดไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำที่กำลังจะตายไปจากนาง

  หรือว่าเขาปลูกมันขึ้นมาจากเมล็ดนั้น?

  แต่องค์หญิงหกก็สลัดความคิดทิ้งไปอย่างรวดเร็วเขาจะปลูกเมล็ดที่กำลังจะตายต้นเป็นต้นใหญ่โตในเวลาแค่ครึ่งปีได้ยังไง?

  ต่อให้จักรพรรดิอสูรรุ่นแรกปลูกมันจักรพรรดิอสูรก็ทำไม่ได้อยู่ดี

  องค์ชายหนึ่งเบิกตากว้าง

   ไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำรึ?    องค์หญิงสองรีบบินไปดูด้วยความตกใจนางบินรอบต้นไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำด้วยความสันสน

   อะไรกัน!มันเป็นไปได้ยังไง? 

   มีไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำโตเต็มวัยเติบโตในโลกอสูรของเรา!อายุมันเกินห้าร้อยปีมาแล้ว! 

   เจ้าหามันมาจากที่ไหน? 

  องค์หญิงสองตกตะลึง

  ปี้หวังชิงตัวแข็งทื่อนางรู้ว่าไม่มีใครอีกแล้วที่จะทำได้ในโลกอสูรแห่งนี้

  ความเป็นไปได้เดียวของไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำ…นั้นมาจากซือหยู!

  เขาปิดบังนางอยู่มากเพียงใดกัน?

  จนถึงวันนี้ปี้หวังชิงนึกย้อนกลับไปถึงความอวดดีของนางเมื่อได้พบซือหยูครั้งแรกและหน้าแดงด้วยความอับอาย

  ต่อหน้าคนระดับนี้วิถีเทพของนางมีค่าอันใดหรือ?   ไม่แปลกเลยที่อาจารย์นับถือซือหยูมากมายถึงเพียงนี้

  ปี้หวังชิงวางความโอหังของตนและก้มหัวที่เคยเชิดสูง

  กลุ่มว่าที่เทพขั้นต้นเตรียมไม้เต็มกำลังพวกเขาตัดกิ่งก้านและผ่าไม้ออกมาเพื่อสร้างเรือลำเล็ก

   ไปช่วยต่อเรือกันเถอะ 

  ซือหยูกล่าว

  ว่าที่เทพขั้นต้นเหล่านี้คือกลุ่มที่ซือหยูออกคำสั่งก่อนการก่อกบฏพวกเขามาล่วงหน้าเพื่อต่อเรือด้วยไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำ

  ใช่แล้ว!ไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำคือวัตถุดิบเพียงอย่างเดียวที่ทนน้ำทะเลขมได้ เรือที่ต่อจากไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำจะต้องแล่นผ่านทะเลขมได้

  และเมื่อแล่นสู่ทะเลขมได้แล้วไม่ว่าศาลอสูรจะแข็งแกร่งเพียงใด พวกมันก็ไล่ตามมาในทะเลขมไม่ได้!   กว่าศาลอสูรจะมาถึงพวกมันก็ได้แต่ยืนอยู่บนฝั่งมองดูคนบนเรือแล่นบนทะเลขมโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย

  ความโศกเศร้าในจิตใจเหล่ารัชทายาทแทนที่ด้วยความหวังพวกเขากลับมามีกำลังใจอีกครั้ง

  เทพสิบคนและรัชทายาททั้งสามเข้าช่วยต่อเรือ

  แม้ไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำจะแข็งแกร่งและใช้ได้ยากแต่เมื่อมีพลังของเทพสิบคน เรือก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

   เร็วเข้าต่อให้เทพตำรามีอุบายระดับไหน มันก็ไม่มีทางรู้ว่ามีเส้นทางที่สองในการออกจากมิติอสูร 

   ตอนนี้พวกมันจะต้องคุ้มกันแท่นบูชาอยู่ 

  เขามองแผนการของมเหสีหยุนเซี่ยออก

   ฮ่าๆๆๆๆ!นังมเหสีนั่นคิดว่ากำลังได้เปรียบ แต่มันไม่รู้เลยว่าเจ้าหลอกพวกมันอย่างร้ายกาจ! 

  องค์หญิงหกกำลังคิดถึงมเหสีหยุนเซี่ยที่กำลังภูมิใจในแผนการ

  องค์หญิงหกจ้องมองซือหยูด้วยความพอใจมากกว่าเดิม

  นอกจากเรื่องที่เขาปิดบังว่าพ่อของพวกนางคือยักษ์ทะเลขมและให้นางคิดจะฆ่าเขาเรื่องอื่นล้วนเป็นประสบการณ์อันดีที่ได้อยู่กับเขา

  จนถึงตอนนี้หลังจากกำลังจะผ่านทุกอุปสรรคอย่างง่ายดาย นางก็รู้แล้วว่าซือหยูยิ่งใหญ่เพียงใด

  ตลอดมาซือหยูไม่เคยหวังการหนีจากโลกอสูรโดยใช้แท่นบูชา แต่เป็นทะเลขม

  เขาช่วยพวกนางก่อกบฏเพื่อล่อให้ยักษ์ทะเลออกมาโดยใช้แผนการมากมายทั้งหมดก็เพื่อวันนี้

  แน่นอนนางไม่รู้ว่านอกจากเขาจะล่อศาลอสูรไปที่อื่นและคิดแผนกบฏแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดที่เขาทำก็คือการบ่อนทำลายโลกอสูรเพื่อซื้อเวลาให้คนในธารดารา

  ถ้าไม่ใช่อย่างนั้นซือหยูก็มีโอกาสมากมายในการหนีจากโลกอสูร

   แต่… 

  องค์หญิงหกกลอกตา

   พวกข้าต้องต่อเรือแต่เข้ากลับไม่ทำอะไรเนี่ยนะ? 

  ซือหยูตอบอย่างไม่แยแส

   ข้ามีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ 

   สำคัญกว่างั้นรึ? 

  องค์หญิงหกพูดเบาๆ นางมองซือหยูด้วยความเคลือบแคลงก่อนจะไปต่อเรือไม้ต้องห้าม

  ที่เมืองหลวง…

  สงครามระหว่างศาลอสูรและทัพกบฏจบลงแล้ว

  ฝั่งหนึ่งมีเทพอสูรมากกว่าร้อยคนส่วนอีกฝั่งเป็นเทพอสูรทั่ว ๆ ไปเท่านั้นที่ต่อสู้สุดชีวิต

  ความแตกต่างด้านกำลังมากอย่างเห็นได้ชัดจำนวนเองก็เช่นกัน ผลแพ้ชนะย่อมชัดเจน

  เหล่ารัชทายาทและเทพทั้งหมดกลายเป็นอาหารในปากเทพอสูรจากศาลอสูร

   แม่ทัพหกวิถีคารวะท่านมเหสี 

  แม่ทัพศาลอสูรหรือเทพอสูรหกวิถีนำเหล่าเทพอสูรมาด้านหน้าและคารวะต่อนางราวกับผู้นำที่แท้จริงของศาลอสูร

  มเหสีหยุนเซี่ยพยักหน้า

   เจ้าพิสูจน์ความเป็นศาลอสูรที่ข้าสร้างมากับมือได้เป็นอย่างดี! 

  ในระหว่างการต่อสู้ศาลอสูรไม่เสียเทพแม้สักคน มีไม่กี่คนที่บาดเจ็บเท่านั้น

  สำหรับทัพที่แข็งแกร่งเช่นนี้พันธมิตรบูรพาจะต่อกรได้หรือ?

  ไม่ต้องพูดถึงเทพทั่วๆ ไปอีกห้าสิบคนในโลกอสูร  กำลังมหาศาลเช่นนี้มากพอที่จะปกครองทั้งจักรวาล

  มเหสีหยุนเซี่ยรับขวดที่มีของเหลววิญญาณสีเขียวอยู่ข้างใน

   วันนี้เจ้าทำได้ดีมากรับไปซะ 

  เทพอสูรหกวิถีรับขวดด้วยความยินดีบนใบหน้าเย็นชาเทพอสูรอื่นในศาลอสูรดูริษยา

  เมฆาอสูรที่เพิ่งจะเข้าร่วมศาลอสูรทั้งหวาดกลัวและรู้สึกซับซ้อน

  ความเปลี่ยนแปลงของเขามากพอแล้วที่จะบอกได้ถึงที่มาของศาลอสูร

  เทพทุกคนในศาลอสูรแต่เดิมเคยเป็นเทพทั่วๆ ไปที่แปลงกลายเป็นเทพอสูรแดงในภายหลัง

  หลังจากกินของเหลวประหลาดสีเขียวเข้าไปร่างกายจะเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ไม่เพียงแต่พลังจะเพิ่มขึ้น ความรู้สึกยังรุนแรงขึ้นอีกด้วยจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้

  พวกเขาต้องดื่มมันเดือนละครั้ง  มิเช่นนั้นพวกเขาจะเจ็บปวดจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเทพหลายคนในศาลอสูรมิอาจอดทนความเจ็บปวดราวกับอยู่ในนรกนี้ได้และเลือกที่จะฆ่าตัวตาย

  มีเพียงการดื่มมันเท่านั้นที่จะทำให้ความเจ็บปวดทุเลาลง

  แต่ยิ่งดื่มไปมากเท่าใดพวกเขาก็จะยิ่งชั่วร้ายขึ้นเท่านั้น สุดท้ายก็จะเสียตัวของตัวเองไป กลายเป็นเพียงสัตว์ป่าที่รู้จักแต่การเข่นฆ่า

  ที่น่ากลัวกว่านั้นของเหลวสีเขียวนี้ทำให้พวกเขากลายเป็นทาสของมเหสีหยุนเซี่ย ถ้าหากไม่มีมัน จะไม่มีใครอยู่รอดได้เกินหนึ่งเดือน

   ซือหยูเป็นเจ้าที่ทำให้ข้าต้องลงเอยเช่นนี้! 

  เมฆาอสูรแค้นใจเป็นเพราะซือหยูที่ทำให้เขากลายเป็นเทพของศาลอสูร!

  ทัพกบฏแตกพ่ายไปแล้วมเหสีหยุนเซี่ยมองยักษ์ทะเลขมที่ค่อย ๆ เดินกลับไปยังทะเลและเหลือบมองเทพศาลอสูร นางพูดอย่างไร้อารมณ์

   พวกที่กินรัชทายาทไปก้าวมาข้างหน้า 

  ฟึ่บ!

  เทพห้าคนก้าวออกมาพวกเขาคือเทพที่กินองค์ชายสามและรัชทายาทที่เหลือเข้าไป

   มอบร่างกายพวกเจ้าให้กับยักษ์ทะเลขมซะ 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset