The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1284 – จักรพรรดิอสูรรุ่นแรก

  ซือหยูมองมเหสีหยุนเซี่ยด้วยใบหน้าสงบนิ่ง

   ไม่คิดเลยว่าสตรีที่ท่านเทียนจี่จื้อเฝ้าคิดถึงจะเป็นคนอย่างเจ้า! 

  ซือหยูส่ายหน้าแม้จะไม่เต็มใจ ซือหยูก็บอกสิ่งที่เทียนจี่จื้อต้องการกับนาง

   เทียนจี่จื้อขอให้ข้ามาบอกคำสั่งเสียว่ายังไม่เคยลืมเจ้า…เมฆากุหลาบ 

  ความรู้สึกเล็กๆ แสดงผ่านใบหน้าของนาง ก่อนมันจะหายไปและแทนที่ด้วยความไม่ใยดี

  ซือหยูรู้สึกว่านางไม่คู่ควรสำหรับความรู้สึกของเทียนจี่จื้อ

  ซือหยูบอกนางตามที่เทียนจี่จื้อขอเขาคิดว่ามันจะเป็นความรักอันลึกซึ้งระหว่างบุรุษและสตรี แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมามีเพียงความไม่สนใจ  ถึงจะอย่างนั้นซือหยูก็มาบอกคำสั่งเสียแล้ว เขาคลายมือ สัมผัสราวกับว่าทรายดาราทางช้างเผือกได้กลายเป็นเถ้าถ่าน

  มันคือสิ่งสุดท้ายที่ฉุดรั้งทรายดาราเอาไว้ทรายดาราทางช้างเผือกกลายเป็นของซือหยูโดยสมบูรณ์แล้ว

   ท่านพ่อคือยักษ์ทะเลขม?มันเป็นไปได้ยังไง? 

  เมื่อมเหสีหยุนเซี่ยสารภาพองค์ชายหนึ่ง องค์หญิงสอง และองค์หญิงหกตกใจจนพูดไม่ออก

  ตั้งแต่เริ่มต้นการมีอยู่ของโลกอสูรยักษ์ทะเลขมก็มีอยู่มาก่อนแล้ว

  แต่จักรพรรดิอสูรยุคปัจจุบันเพิ่งจะถือกำเนิดเมื่อไม่กี่ร้อยปีเขาไม่น่าจะเป็นยักษ์ทะเลขมที่มีตัวตนมานานหลายล้านปี ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!

  มเหสีหยุนเซี่ยมองด้วยความเวทนา

   ความทะเยอทะยานของจักรพรรดิอสูรมีอยู่เป็นนิรันดร์มดปลวกอย่างพวกเจ้าไม่มีวันเข้าใจ! 

   เจ้าคิดว่าเป็นข้าที่หวังครองบัลลังก์และทำลายโลกอสูรคิดร้ายต่อพวกเจ้า แต่ข้าเพียงทำตามคำสั่งของพ่อเจ้า ซึ่งก็เป็นความปรารถนาของยักษ์ทะเลขม การส่งตัวพวกเจ้าไปสังเวยก็คือความต้องการของพ่อเจ้า! 

   เป็นไปไม่ได้! 

  องค์หญิงสองกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวนางมิอาจเชื่อเรื่องลักลั่นเช่นนี้

  มเหสีหยุนเซี่ยมองนางด้วยใบหน้านิ่ง

   ข้าถึงได้บอกเจ้ามดปลวกอย่างพวกเจ้าไม่มีวันเข้าใจความฝันของสิ่งที่อยู่สูงกว่า 

  เมื่อนางพูดจบนางหลับตาช้า ๆ อย่างเงียบเชียบที่บนแท่นบูชา

  เทพฝั่งนางก้าวมาข้างหน้าทีละคนปิดทางเข้าแท่นบูชาเอาไว้

  เทพตำรายืนอยู่ภายในก้มลงมองซือหยูอย่างไร้อารมณ์   มันคงจะถึงจุดจบแล้วซือหยู 

  ความบาดหมางระหว่างทั้งสองลากยาวตั้งแต่พันธมิตรบูรพามาจนถึงโลกอสูรทั้งสองต่อสู้กันอย่างเปิดเผยนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายมันก็จะถึงจุดจบแล้ว

  ซือหยูจ้องเทพตำรา

   ไอ้ผีเฮี้ยนเอ้ย! 

  องค์หญิงหกปล่อยจิตสังหาร

   ฮื่ม!เจ้าไปอยู่ฝั่งมเหสีหยุนเซี่ยจริง ๆ! 

   ผู้คนย่อมต้องใช้ปัญญาอยู่ข้างอำนาจเจ้าไม่เข้าใจรึ ฝ่าบาท? 

  เทพตำราตอบกลับ

  คลื่นแสงเทพเปล่งประกายเข้ามาทัพกบฏที่ถูกไล่ต้อนจนมุมเริ่มต่อสู้กับศาลอสูร

  เมื่อศาลอสูรยื่นมือเข้ามาพวกเขาก็ไม่มีหวังอีกแล้ว

  องค์ชายหนึ่งมองซือหยูด้วยแววตาลึกล้ำและความสงสัย  ถ้ารู้อยู่แล้วว่ายักษ์ทะเลขมคือจักรพรรดิอสูรแล้วทำไมซือหยูถึงไม่บอกพวกเขาเร็วกว่านี้เล่า? ถึงกับพาพวกเขามาที่นี่อีก!

   ยึดแท่นบูชากลับมาคือทางเดียวที่เราจะหนีไปจากโลกอสูร 

  องค์ชายหนึ่งเหลือบมองทุกคน

  ฝ่ายองค์ชายหนึ่งมีเทพเก้าคนนั่นก็คือเขา องค์หญิงสอง องค์หญิงหก เช่นเดียวกับเจ้าเมืองหกคนที่ยังภักดีต่อพวกเขา

  ส่วนอีกฝ่ายคือมเหสีหยุนเซี่ยเทพตำรา แม่ทัพศาลอสูร และเทพอีกสี่คน รวมถึงเมฆาอสูร

  หากต่อสู้กันพวกเขาอาจจะมีโอกาสชิงแท่นบูชากลับมาได้

  แต่ซือหยูส่ายหน้า

   ไม่ต้องเสียเวลาพวกมันได้แท่นบูชาไปแล้ว มันไม่มีวันปล่อยให้เจ้าได้กลับไปอีก! พวกมันจะต้องวางกับดักไว้ที่แท่นบูชา การที่เจ้าต่อสู้กับพวกมันคือสิ่งที่พวกมันต้องการ    มเหสีหยุนเซี่ยปล่อยจิตสังหารออกมาเมื่อได้ยินซือหยู

  แม้จิตสังหารจะหายไปในพริบตาองค์ชายหนึ่งและคนอื่น ๆ ก็มองเห็น!

  ซือหยูพูดถูกที่แท่นบูชามีกับดักรอพวกเขาอยู่

   ย้ายตำแหน่งเดี๋ยวนี้พวกมันกำลังยื้อเราและรอให้ศาลอสูรมาเสริมกำลัง 

  ซือหยูแตะลูกปัดรอบข้อมือ

  ลูกหนึ่งเปล่งแสงสีม่วงเทพอสูรเนตรม่วงปรากฏตัวออกมาโดยที่ไม่มีใครคาดคิด

  เทพอสูรเนตรม่วงมองดูสถานการณ์ตรงหน้า

   สุดท้ายมันก็ต้องเป็นเช่นนี้สินะ? 

  เมื่อพูดจบเขาคว้าตัวซือหยูและปี้หวังชิงด้วยมือแต่ละข้างและก้าวพริบตาหนีไป

  ทิศทางที่มุ่งหน้าไปก็คือทะเลขม!

  องค์ชายหนึ่งองค์หญิงสอง และองค์หญิงหกลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองทัพกบฏที่อ่อนแอทุกขณะ ทั้งสามร้องคำรามเบา ๆ และไล่ตามเทพอสูรเนตรม่วงไป

  มเหสีหยุนเซี่ยมีแววตาชั่วร้ายใบหน้านางเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง

   ท่านมเหสีเราควรจะทำอย่างไร? 

  แม่ทัพศาลอสูรจ้องแผ่นหลังซือหยูเขายิ้มอย่างชั่วร้าย

  ตอนที่ถูกไค่หลินขวางครั้งที่แล้วซือหยูรอดไปได้ แต่ตอนนี้น่ะหรือ หึหึ!

   ช้าก่อน 

  มเหสีหยุนเซี่ยน้ำเสียงมั่นคง

   แท่นบูชาคือทางออกเดียวของโลกอสูรตราบเท่าที่เราป้องกันที่นี่ มันก็ไม่ต่างจากเต่าในกระดอง พวกศาลอสูรมาถึงเมื่อใด นั่นก็เป็นเวลาตายของพวกมัน 

  เทพตำรายิ้มชื่นชม

   ท่านมเหสีพูดถูกต่อให้มีปีก พวกมันก็หนีไม่รอด    …

  องค์หญิงหกและคนที่เหลือตามซือหยูทันในไม่นาน

   ซือหยูบอกมาให้ชัด เรื่องท่านพ่อคือยักษ์ทะเลขมคืออะไรกันแน่? 

  องค์หญิงหกแววตาเยือกเย็นจิตสังหารอยู่ในตาคู่นั้น

  องค์ชายหนึ่งและองค์หญิงสองเองก็ไม่พอใจเช่นกันซือหยูปิดบังเรื่องสำคัญนี้กับพวกเขาได้ยังไง?

   มันหมายความตามที่พูดนั่นแหละ 

  ซือหยูที่มีเทพอสูรเนตรม่วงคุ้มกันไม่กลัวว่าทั้งสามจะทำร้าย

   จักรพรรดิอสูรคือยักษ์ทะเลขม 

   ข้าถามเจ้าอยู่เจ้ารู้ได้ยังไง แล้วทำไมถึงไม่บอกพวกข้า? 

  ซือหยูตอบด้วยความใจเย็น

   ตอนที่ข้าฝ่าวิบัติเทพข้าได้พบกับสามคนในเวลาเดียวกัน จักรพรรดิอสูรในอดีต จักรพรรดิอสูรในปัจจุบัน และเทพแห่งความตาย 

   แต่จากที่ข้าสืบมามีเพียงจักรพรรดิอสูรในอดีตเท่านั้นที่จะปรากฏตัวในโลกอสูร หากทั้งสามปรากฏตัวพร้อมกัน มันมิได้มีความเกี่ยวข้องกันหรอกรึ? 

  ซือหยูหรี่ตา

  องค์หญิงหกคิดได้

   เจ้าหมายความว่าทั้งสามคือคนเดียวกันงั้นเรอะ! 

   พูดให้ถูกก็คือทั้งสามแปลงร่างมาจากคนเดียวกัน! ไม่มีคำอธิบายอื่นแล้ว อดีตจักรพรรดิอสูรควรจะมาเท่านั้น แต่มีสามคนปรากฏตัวออกมาพร้อมกัน! ถ้าข้าไม่เข้าใจผิด ทั้งสามคือร่างแปลงจากคนคนเดียว 

  องค์หญิงสองโต้แย้ง

   เหลวไหล!อดีตจักรพรรดิอสูรของเผ่าอสูรมีอยู่หนึ่งเดียว จะมีจักพรรดิอสูรที่แตกต่างกันมาจากคนเดียวกันได้ยังไง? ไม่ต้องพูดถึงเทพแห่งความตายที่ไม่ใช่อสูรเลย! 

  ซือหยูยักไหล่เขาไม่คิดจะอธิบายอีกแล้ว

  องค์หญิงสองกำลังจะพูดอีกครั้งแต่องค์ชายหนึ่งพูดออกมาเบา ๆ หลังจากครุ่นคิด

   เขาอาจพูดถูกจักรพรรดิอสูรสองคนอาจจะเป็นคนเดียวกันก็ได้ 

   ความลับของราชวงศ์มีอยู่หนึ่งเรื่องที่ไม่เคยมีใครรู้ นั่นคือ…คำสาปอวตาลพันอสูร! 

  องค์หญิงสองและองค์หญิงหกไม่เข้าใจ

   ทำไมพวกเราถึงไม่รู้? 

   มันคือตำราต้องห้ามที่มีเพียงผู้สืบทอดเท่านั้นที่จะอ่านได้ 

  องค์ชายหนึ่งกล่าวอย่างไม่รีบร้อน

  เขาคือผู้สืบทอด!

   ตำราต้องห้ามบันทึกวิชาต้องห้ามที่ส่งต่อจากจักรพรรดิอสูรรุ่นแรก!เมื่อบ่มเพาะสำเร็จจะสร้างร่างแยกได้นับร้อยนับพันที่มีสติสัมปชัญญะเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะเข้าสู่วงจรอื่นและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่ 

   สิ่งที่แยกร่างออกมาสามารถบ่มเพาะพลังได้เองเมื่อบ่มเพาะได้ถึงระดับหนึ่งจะถูกร่างต้นกลืนกิน ร่างต้นจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก 

   หากซือหยูพูดถูกจักรพรรดิอสูรคนปัจจุบันอาจจะเป็นร่างแยกของอดีตจักพรรดิอสูรก็ได้! ทั้งสองอาจจะเป็นคนคนเดียวกัน! 

  องค์หญิงสองและองค์หญิงหกตัวแข็งทื่อจนพูดอะไรไม่ออก

  จักรพรรดิอสูรรุ่นแรกทิ้งวิชาต้องห้ามที่น่ากลัวขนาดนี้เอาไว้รึ?

  สร้างร่างแยกนับไม่ถ้วนเพื่อสร้างการเกิดใหม่ของตัวเองและกลืนกินกันเอง

   เดี๋ยวก่อน!ต่อให้ท่านพ่อเป็นร่างแยกจากจักรพรรดิอสูรรุ่นแรก ท่านพ่อก็ไม่น่าจะเป็นยักษ์ทะเลขม เพราะจักรพรรดิอสูรคนก่อนเกิดเมื่อหมื่นปีก่อน มันห่างไกลจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของยุคสมัยที่ยักษ์ทะเลขมปรากฏตัวขึ้นมา 

  องค์หญิงหกเป็นคนแรกที่คิดได้

  องค์ชายหนึ่งส่ายหน้าเบาๆ

   นั่นก็เป็นสิ่งที่ข้าสงสัยอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน! 

  เขามองซือหยูรอคอยคำอธิบาย

  ซือหยูยิ้มออกมา

   ถ้าเจ้ายอมรับได้แล้วว่าจักรพรรดิอสูรคนนี้คือร่างแยกของจักรพรรดิอสูรคนก่อนเจ้าคิดต่อไปอีกสักหน่อย ใครกันที่เป็นร่างแยกของจักรพรรดิอสูรคนก่อน? 

   และคนก่อนหน้าใครกันที่ร่างอวตาลที่กลับมาเกิดใหม่…คนแรกสุดก็คือจักรพรรดิอสูรรุ่นแรก! 

   ส่วนเรื่องคำสาปอวตาลพันอสูรนั่นไม่ใช่สิ่งที่จักรพรรดิอสูรรุ่นแรกสร้างขึ้นมาหรอกหรือ? 

  อะไรนะ?ทั้งสามตกตะลึงจากความคาดการณ์ของซือหยู  แม้แต่องค์ชายหนึ่งก็มิอาจเชื่อ

   เจ้าจะบอกว่าจักรพรรดิอสูรในโลกอสูรของเราทุกคนล้วนเป็นร่างอวตาลของจักรพรรดิอสูรรุ่นแรกงั้นเรอะ? 

  ซือหยูพยักหน้า

   ใช่แล้วนั่นคือจักรพรรดิอสูรรุ่นแรก! 

   ข้าสงสัยตั้งแต่มาถึงโลกอสูรโลกอสูรถูกสร้างโดยจักรพรรดิอสูรรุ่นแรก แล้วทำไมถึงได้มีสิ่งที่น่ากลัวและเป็นภัยต่อโลกอสูรอยู่ด้วย? 

   ในโลกทุกใบจะมีตัวตนสูงสุดเพียงคนเดียวและนั่นก็คือเทพรุ่นแรกที่สร้างโลกใบนั้นขึ้นมา! 

   และในเวลาต่อมาตอนที่ข้าฝ่าวิบัติเทพและได้เจอกับจักรพรรดิอสูรสองคนพร้อมกัน ข้าก็คิดได้! 

   ยักษ์ทะเลขมคือจักรพรรดิอสูรยุคแรก!คำสาปอวตาลพันอสูรบอกว่าร่างต้นได้สร้างอวตาลในทุกยุคสมัย ถ้าหากจักรพรรดิอสูรทุกคนเป็นร่างที่แยกออกมา แล้วร่างต้นจะมาจากที่ใดเล่า? จักรพรรดิอสูรมีชีวิตมาหลายแสนปีแล้ว! 

   ในโลกอสูรแห่งนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่มีชีวิตได้ยาวนานหลายล้านปี นั่นก็คือยักษ์ทะเลขม! 

  องค์ชายหนึ่งองค์หญิงสอง และองค์หญิงหกสะพรึงกลัวและพูดไม่ออกเป็นเวลานาน

  ทั้งสองแทบไม่อยากจะเชื่อบทสรุปของซือหยูแต่ทั้งสามไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับ เพราะมันคือคำอธิบายที่มีเหตุผลและมีความเป็นไปได้สูงสุด

  การถือกำเนิดของยักษ์ทะเลขมกระจ่างชัดเพราะมันก็คือจักรพรรดิอสูรรุ่นแรก!

  มันยังอธิบายเหตุผลที่ยักษ์ทะเลขมต้องการกลืนกินตระกูลราชวงศ์ก็เพราะว่าลูกหลานทุกคนในราชวงศ์เป็นเพียงร่างแยกของอวตาลเท่านั้น

  ทั้งสามรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาดทั้งสามที่ก้าวพริบตาตามซือหยูมาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าซือหยูมุ่งหน้ามาที่ทะเลขม

  ที่นี่เงียบกริบไม่มีแม้แต่เทพเดินทางผ่าน

  ปี้หวังชิงที่เคยอวดดีรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่เช่นกันบทสรุปของซือหยูสรุปประวัติศาสตร์ล้านปีของโลกอสูร มันก้าวเหนือกาลเวลา วิถีเทพที่นางได้รับสืบทอดมาไม่มีทางทำได้ถึงเพียงนี้

  นางมองซือหยูเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

  เขาคือยอดคนที่น่ากลัวไม่มีผิดเพี้ยนไม่มีสิ่งใดบนโลกที่ถูกปิดบังจากเขาได้!

  เทพอสูรเนตรม่วงมิได้หัวเราะรัชทายาททั้งสามที่ตัวแข็งทื่อเพราะซือหยูเคยบอกเขาในเรื่องนี้มาก่อนแล้ว

  จนถึงวันนี้มเหสีหยุนเซี่ยยอมรับกับปากตัวเองว่าจักรพรรดิอสูรคนปัจจุบันคือยักษ์ทะเลขม ซือหยูจึงได้ยืนยันความคิดของตัวเอง

  ความลับล้านปีได้ถูกขุดค้นขึ้นมา!   เงาดำที่หลอกหลอนโลกอสูรมาล้านปีได้ปรากฏกาย!

  จักรพรรดิอสูรรุ่นแรก!

  ยักษ์ทะเลขม!

  เขาใช้เวลาหลายล้านปีเพื่อบ่มเพาะคำสาปอวตาพันอสูร…อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มพลังของตัวเอง

  เทพอสูรเนตรม่วงมองปี้หวังชิงที่นิ่งราวกับหินด้วยความโล่งใจมีเพียงบุรุษที่ฉลาดเหนือใครอย่างซือหยูที่จะมองเห็นผ่านทั้งมิติและเวลาชั่วกัปชั่วกัลป์ และควบคุมศิษย์ของเขาได้

  ผ่านไปนานมากกว่าที่รัชทายาททั้งสามจะได้สติกลับมาจากความตกตะลึงที่ได้ยินความลับล้านปี

  ใบหน้าแต่ละคนหม่นหมอง

  องค์หญิงหกหน้าดำมืดราวกับในน้ำลึก

   ถ้าเจ้ารู้เรื่องทั้งหมดนี่ทำไมเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านี้? 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset