The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1304 – ความตกใจของทุกคน

ตอนที่ 1304 – ความตกใจของทุกคน

   เจ้าเป็นใคร? 

  ซือหยูถามฉีเหมินเจี้ยนอย่างไม่แยแส

  เนตรสีอำพันของฉีเหมินเจี้ยนเปล่งประกายเขาตอบด้วยเสียงนุ่มลึก

   ข้ามาจากตระกูลปราบอสูรอันดับหนึ่งมีนามว่าฉีเหมินเจี้ยน เจ้าไม่เห็นด้วยกับคำชี้แนะของข้าหรือ? 

   โอ้เจ้าคือเจ้าตระกูลฉีเหมินนี่เอง 

  ซือหยูทำท่าราวกับเพิ่งรู้

  ฉีเหมินเจี้ยนตอบอย่างเย็นชา

   เจ้ารู้ก็ดีแล้วถ้าหากรู้แล้ว ทำไมเจ้ายังไม่รีบไปให้พ้นอีก? 

  แต่เขากลับได้รับคำตอบอื่นจากซือหยูแทน

   ข้าคิดว่าเจ้าเป็นเจ้าพันธมิตรอื่นเสียอีกเจ้าตระกูลในพันธมิตรมาคัดค้านการตัดสินใจของเจ้าพันธมิตรได้ตั้งแต่ตอนไหนกัน? คนที่ไม่รู้จะคิดว่าเจ้าเป็นผู้นำแทนเอานะ 

   ข้าเพิ่งจะได้เป็นตัวแทนเทพแห่งพันธมิตรข้าไม่รู้โครงสร้างอำนาจของพันธมิตรประจิมเลย 

  ฉีเหมินเจี้ยนเย็นชาขึ้น

   ข้าคือผู้นำตระกูลปราบอสูรแน่นอนว่าข้ารับฟังคำสั่งเจ้าพันธมิตร แต่ถ้าหากเจ้าพันธมิตรทำผิด เราก็มีสิทธิ์ในการชี้แนะ 

   เช่นนั้นเจ้าก็มีสิทธิ์ไล่ข้าออกไปงั้นรึ? 

  ฉีเหมินเจี้ยนตอบ

   ข้ามีอำนาจในการแนะนำ… 

   เจ้าแก่จนหูเพี้ยนไปแล้วรึ?ข้ากำลังถามเจ้าว่าเจ้ามีคุณสมบัติในการไล่ข้ารึ? 

   โอหัง!เจ้าพูดกับเทพแบบนี้ได้ยังไง? 

  ฉีเหมินเจี้ยนตบโต๊ะด้วยความโมโห

  ซือหยูกล่าวด้วยความใจเย็น

   ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ไม่มีอำนาจสินะ?หากเจ้าไม่มีอำนาจ ข้าก็ขอให้ท่านผู้เฒ่าหุบปากได้หรือไม่? 

   นี่เป็นงานต้อนรับข้าหากไม่ชอบจะอยู่ที่นี่ก็ออกไปเสีย เจ้าจะอยู่ให้ตัวเองลำบากใจไปทำไมกัน แปลกจริง ๆ 

  เหล่าเทพแอบตกตะลึงตัวแทนเทพผู้นี้ไม่ไว้หน้าผู้ใดเลย!

  เขาที่เผชิญหน้ากับฉีเหมินเจี้ยนแห่งพันธมิตรประจิมกลับกล้าพูดราวกับคนเสียสติ

   ฮ่าฮ่าฮ่า! 

  ฉีเหมินเจี้ยนหัวเราะอย่างคุ้มคลั่ง

   นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นคนไม่รู้เรื่องรู้ราวอย่างเจ้า! 

   เจ้าหนูจะมาไล่ข้า เจ้ามีคุณสมบัติอะไรกัน? 

  ฉีเหมินเจี้ยนถามย้อน

   ตอนที่ข้าสู้กับอสูรเจ้ายังไม่ทันได้เกิดเลย!    ซือหยูเหลือบมองเขาและตอบ

   เจ้าไม่เห็นก็เพราะว่าเจ้ามีชีวิตเยี่ยงสุนัขในกรงน่ะสิ! 

  เขาไม่รอให้ฉีเหมินเจี้ยนตอบและพูดต่อ

   ส่วนเรื่องที่เจ้าสู้กับอสูรอืม…เจ้าบอกว่าข้าไม่รู้เรื่องรู้ราว…บอกข้าหน่อยสิว่าเจ้าทำอะไรมาบ้าง? 

  เหล่าเทพแอบส่ายหน้านี่ไม่ต่างกับไข่ไก่ที่พยายามจะสอนแม่ไก่

  ในด้านอื่นตระกูลฉีเหมินอาจมีข้อบกพร่อง

  แต่ในด้านการต่อสู้กับอสูรตระกูลฉีเหมินเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง ไม่มีตระกูลใดใกล้เคียงเลย

   หึหึโง่เง่า! เฉิน บอกมันว่าตระกูลเราทำอะไรมาบ้าง! 

  ด้านหลังเขามีชายวัยกลางคนที่ใบหน้าคล้ายกัน

   ขอรับท่านพ่อ    ชายวัยกลางคนมองซือหยูพลางส่ายหน้า

   ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่ข้าต้องมาอธิบายผลงานของท่านพ่อให้กับคนนอก 

  ใครกันที่ไม่รู้ผลงานฉีเหมินเจี้ยน?จะต้องมีการแนะนำให้รู้ด้วยหรือ?

  ฉีเหมินเฉินกล่าว

   ท่านพ่อสังหารเทพอสูรสี่คนว่าที่เทพมากกว่าสามสิบ ส่วนอสูรระดับต่ำกว่านั้นฆ่าไปนับไม่ถ้วน ท่านพ่อช่วยชีวิตในพันธมิตรประจิมเหลือคณานับ! เจ้าเข้าใจหรือยังว่ากำลังพูดอยู่กับใคร? 

   อย่างนี้นี่เอง… 

  ซือหยูตอบ

  ฉีเหมินเฉินพูดต่อ

   ถ้าอย่างนั้นก็แสดงความนับถือออกมาบ้าง!อย่าทำตัวเองให้ขายหน้า! 

  ซือหยูยักไหล่   ข้ารู้แล้วแต่แค่เทพอสูรสี่คนที่ตายไปนานแล้ว เลิกเอาเรื่องเก่ามาทำให้พ่อเจ้าดูดีเถอะ 

   ถ้าเรื่องนี้คือสิ่งที่พวกเจ้าเคารพนับถือกันนักเช่นนั้นข้าผู้นี้ที่สังหารอสูรนับไม่ถ้วนระหว่างทางหนีจากโลกอสูรคงจะให้คนตระกูลเจ้าทั้งตระกูลมาคุกเข่าต่อหน้าข้าได้สินะ! 

  อะไรนะ?ดวงตาทุกคนแทบหลุดออกจากเบ้า!

  แม้แต่เจ้าพันธมิตรที่เย็นชาก็ตกใจ

   เทพสีเงินเจ้าพูดเรื่องอะไรกัน? เจ้าต่อสู้ออกมาจากโลกอสูรรึ? 

  ตระกูลจรัสแสงมองซือหยูหัวจรดเท้า

   เป็นเรื่องจริงหรือ? 

  เรื่องคนที่หนีจากแดนอสูรและทำให้ยักษ์แห่งแดนอสูรเคลื่อนไหวนั้นเป็นเรื่องที่หารือกันครั้งก่อน

  ทั้งพันธมิตรประจิมกำลังตามหาคนที่หนีออกมาแต่ใครจะไปคิดว่าเขากลับอยู่ต่อหน้าต่อตา!

  ที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเขาเชื่อว่าสิ่งที่หนีออกมาจากแดนอสูรก็คืออสูร

  ใครจะไปคิดเล่าว่าเป็นมนุษย์ที่หนีออกมาได้?

   กล้าพูดแบบนั้นงั้นเรอะ!ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าได้ข่าวมาได้ยังไง อย่างน้อยก็ต้องมีหลักฐาน เจ้าจะมาแอบอ้างเป็นคนที่หนีออกมาเฉย ๆ ไม่ได้! เจ้าแค่มาพูดแล้วคิดให้พวกข้าเชื่อเจ้างั้นรึ? 

  ฉีเหมินเจี้ยนย่อมไม่เชื่อซือหยูอยู่แล้ว

  กลุก…

  ซือหยูถอดแหวนโยนขึ้นโต๊ะ

   นี่มัน… 

  เหล่าเทพตัวแข็งทื่อและตรวจสอบแหวน

  แต่เพียงเหลือบมองครั้งเดียวพวกเขาทุกคนก็ตกตะลึง   โลหิตเทพอสูร! 

   ไม่สิโลหิตเทพอสูรมากกว่าห้าคน! 

   อะไรนะ!มีโลหิตอสูรมากกว่านั้นอีก! 

   เทพสีเงินเจ้าได้มันมาจากไหน? 

  การได้เห็นโลหิตเทพอสูรจำนวนมากทำให้พวกเขาตกใจ

  ซือหยูพูดเบาๆ

   เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ? 

   เจ้าหนีมาจากแดนอสูร…เรื่องจริงรึ? 

  สุดท้ายก็มีเทพคนหนึ่งเชื่อซือหยู

  ในธารดาราแห่งนี้ไม่เคยมีเทพอสูรหลายคนมาก่อน คำตอบเดียวที่เป็นไปได้ก็คือซือหยูนั้นไปยังโลกอสูรและสังหารอสูรมามากมาย

  ทุกคนหันมามองซือหยูในทันที

  คนที่หนีออกมาจากโลกอสูรยังมีชีวิตอยู่!

  ฉีเหมินเจี้ยนย่อมไม่เชื่ออยู่แล้วแต่เมื่อเห็นโลหิตเทพอสูรในแหวน เขาก็สูดหายใจเข้าลึก  ถึงอย่างนั้นเขายังคงไม่เชื่อ

   เจ้าอาจจะบังเอิญเจอโลหิตก็ได้มีเทพอสูรที่ตายแล้วหลายคนในธารดารา รวบรวมโลหิตเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้! 

  เมื่อเห็นว่าฉีเหมินเจี้ยนยังคงไม่เชื่อซือหยูหยิบตะขาบเลือดมาวางบนโต๊ะ

   อ๊ะ!สัตว์โลกอสูร! 

   ไม่สิมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตทั่วไป มีโลหิตพิเศษอยู่ในตัวมันด้วย! 

  เจ้าพันธมิตรฉีเหมินเจี้ยน และเทพจรัสแสงมองมันด้วยความสะพรึงกลัว

   นี่มัน… 

  ทั้งสามรับรู้ถึงบางอย่าง

  ซือหยูพูดเสียงเบา

   เลือดยักษ์ทะเลขมหรือที่พวกเจ้าเรียกว่ายักษ์แดนอสูร 

  หา!

  ถึงตอนนี้ไม่มีใครสงสัยอีกแล้ว  ซือหยูคือคนที่พวกเขากำลังตามหาคนที่หนีออกมาจากแดนอสูร

  เทพจรัสแสงตาลุกวาว

   เทพสีเงินข้าเป็นผู้รับผิดชอบการสืบเรื่องที่เกิดขึ้น หลังงานเลี้ยงนี้ ได้โปรดไปเยี่ยมเรือนตระกูลจรัสแสงของข้า 

  ซือหยูพยักหน้า

   ข้าเองก็อยากจะไปบอกเรื่องในโลกอสูรกับเจ้า 

  มีเทพมากมายจากหลายตระกูลปราบอสูรไปจนถึงคนรับใช้ที่ให้ความสนใจเรื่องที่เกิดขึ้น!

  พวกเขาชิงชังโลกอสูรมาหลายยุคสมัยแต่ความรู้ในโลกอสูรนั้นมีจำกัด

  พวกเขาคิดถึงการส่งสายลับไปยังโลกอสูรแต่ไม่ว่าจะส่งใครไปก็ไร้ผล ไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาแม้แต่คนเดียว

  ถ้าหากพวกเขารู้เรื่องในแดนอสูรพวกเขาเชื่อว่าจะมั่นใจในการต่อสู้กับเผ่าอสูรมากขึ้น

  ดังนั้นพวกเขาจึงอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับที่นั่น

  ตระกูลปราบอสูรตระกูลอื่นเองก็เช่นกัน

   เทพจรัสแสงเจ้าพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหน่วยปราบอสูรทั้งหมด ใยคิดเก็บข้อมูลสำคัญไว้คนเดียวเล่า? พูดตอนที่พวกเราอยู่พร้อมหน้าไม่ดีกว่าหรือ? 

  พวกเขาอยากจะฟังเรื่องจากปากซือหยู

  ซือหยูตอบ

   ขออภัยแบบนั้นคงไม่ถูกต้อง! 

   นี่เป็นงานเลี้ยงเพื่อข้ามิใช่งานชุมนุมหารือเรื่องใหญ่ 

  ซือหยูปฏิเสธและทำหน้าหาเรื่อง

   บางเรื่องน่าตกใจเกินไปข้ามิอาจพูดต่อหน้าคนจำนวนมากได้ ข้าไม่อยากทำให้คนตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น ข้าจะบอกกับเจ้าตระกูลปราบอสูรไม่กี่คนเท่านั้น หากข้อมูลนี้แพร่งพรายออกไป คงไม่มีผู้ใดที่นี่ที่จะควบคุมผลที่ตามมาได้ 

  เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงไม่มีใครกดดันให้ซือหยูพูดอีก

  เทพจรัสแสงยิ้ม

   ถ้าเจ้ารอไม่ได้ก็มาเรือนตระกูลข้าเพื่อฟังข่าวจากเทพสีเงินเถอะ 

   ฮ่าฮ่าถ้าหากเทพจรัสแสงพูดเช่นนั้น ข้าคงต้องไปด้วย! 

   โฮ่โฮ่โลกอสูร…มันเป็นที่แบบใดกัน? ข้าเองก็อยากรู้ ข้าจะต้องไปด้วยแน่ ๆ 

  เทพจรัสแสงพอใจเมื่อตระกูลปราบอสูรอื่นให้ความสนใจ

  ตำแหน่งของตระกูลจรัสแสงนั้นกำลังตกที่นั่งลำบากนี่ก็เพราะการหักหลังของคนในตระกูลเมื่อหมื่นปีก่อน มันทั้งจงใจและไม่จงใจแบ่งแยกตระกูลจรัสแสงไม่ให้เป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน

  แต่ในวันนี้แทบจะทุกตระกูลจะมุ่งหน้าไปยังเรือนตระกูลจรัสแสง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

  ต้นเหตุทั้งหมดมาจากซือหยู!

  เทพจรัสแสงรู้สึกขอบคุณซือหยูเขายิ้ม

   มาเถอะทุกท่านดื่มแด่เทพสีเงิน แม้จะเพิ่งเข้าร่วมพันธมิตรก็นำของขวัญชิ้นสำคัญมาให้ข้าแล้ว! 

   ฮ่าฮ่า!ดื่ม! 

   เทพสีเงินยังอ่อนเยาว์น่าให้ความหวังตระกูลปราบอสูรของข้าไร้ค่าเสียแล้ว! 

   นี่เป็นเรื่องใหญ่พันธมิตรประจิมได้ขุนพลสุดยอดมาเพิ่มอีกคน เราจะได้ฆ่าล้างบางอสูรอย่างไม่ยากเย็น แค่คิดก็ทำข้าเลือดร้อนเสียแล้ว! 

  งานเลี้ยงที่เรียบง่ายน่าเบื่อจึงมีชีวิตชีวาขึ้นมา

  แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ชอบใจ

  ตั้งแต่ต้นจนจบงานเลี้ยงเทพตระกูลฉีเหมินนิ่งเงียบ   กลับ! 

  ฉีเหมินเจี้ยนพูดอย่างเย็นชาเมื่องานเลี้ยงกำลังจะจบ

  เจ้าตระกูลอื่นแสร้งเป็นรั้งเขาเล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้เขากลับไปในที่สุด

  แม้แต่คนตาบอดยังมองเห็นความโกรธแค้นในใจฉีเหมินเจี้ยนเขาอับอายต่อหน้าทุกตระกูล เขาจะอดทนได้หรือ?

  แต่อนิจจาไร้ผู้เห็นใจฉีเหมินเจี้ยน

  ตั้งแต่แรกใยฉีเหมินเจี้ยนต้องเกรี้ยวกราดเมื่อเทพสีเงินมาถึงเล่า? เขาหาเรื่องเองไม่ใช่หรือ?

  หลังจบงานเลี้ยงพวกเขาแยกย้ายกลับ พวกเขาจะไปที่งานเลี้ยงเรือนตระกูลจรัสแสงในวันถัดไป

  เรือนจรัสแสงต้อนรับซือหยูเหล่าเทพหวังจะได้ฟังข่าวเรื่องโลกอสูร

  กลับมาที่ตำหนัก…

  รอยยิ้มบนใบหน้าซือหยูหายไปแทนที่ด้วยความเศร้าหมอง

   เกิดอะไรขึ้น?มีคนขโมยลูกเจ้าไปรึ? 

  เทพไม้ไม่รู้ว่ากลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างซือหยูมาจากที่ใด

  ซือหยูขมวดคิ้ว

   ถ้ามีคนขโมยลูกข้าข้าคงจะรู้สึกดีกว่านี้ 

   โอ้?เจ้ากังวลเรื่องอะไรกัน? 

   ข้าห่วงว่าจะทำให้สำเร็จได้ยังไงเจ้าพันธมิตรเผยธาตุแท้จิ้งจอกของมันแล้ว แต่การแก้ปัญหาคืออีกปัญหาหนึ่ง 

   เจ้าพันธมิตรไม่ได้หวังดีสินะเจ้าได้อะไรจากที่งานเลี้ยงล่ะ? 

  ซือหยูส่ายหน้า

   มีบางอย่างผิดปกติตระกูลฉีเหมินจงใจหาเรื่องข้า แต่เจ้าพันธมิตรกลับไม่สนใจ มันอาจจะจงใจปล่อยให้ข้าขัดแย้งอย่างรุนแรงกับตระกูลฉีเหมิน 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset