The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1305 – เลี้ยงแกะในกรง

ตอนที่ 1305 – เลี้ยงแกะในกรง

   ไม่แปลกหรอกเจ้าอยู่ฝ่ายเจ้าพันธมิตร ตระกูลฉีเหมินจะไม่เล็งเจ้าได้ยังไง? แล้วเจ้าพันธมิตรก็เต็มใจให้ความขัดแย้งเพิ่มขึ้นด้วย 

  ซือหยูกล่าว

   มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เจ้าคิดเจ้าพันธมิตรทำให้ความบาดหมางระหว่างตระกูลฉีเหมินกับข้ารุนแรงขึ้น จะต้องมีเบื้องหลังแน่! 

   เบื้องหลังอะไรกัน? 

   มันต้องการใช้ข้ากำจัดตระกูลฉีเหมิน 

   หา!ต่อให้เป็นเจ้า เจ้าก็ทำลายตระกูลฉีเหมินไม่ได้ใช่ไหม? ตระกูลปราบอสูรอันดับต้นย่อมไม่ได้อันดับมาโดยบังเอิญ เจ้าลองเทียบกับเทพกงซุนที่เจ้าเคยเจอมาก่อนสิ 

   ข้าหมายถึงเจ้าพันธมิตรจะลอบฆ่าฉีเหมินเจี้ยน แต่ข้าเป็นคนที่มีเรื่องกับเขา ข้าจะไม่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรกรึ?    เทพไม้เพิ่งคิดได้นางพูดต่อ

   เจ้าพันธมิตรจะใช้เจ้าเป็นแพะรับบาปนี่เอง!เจ้าพันธมิตรจะได้กำจัดคู่ปรับโดยไม่ต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัย! 

   นั่นแหละ! 

  ซือหยูรู้สึกว่าเขาเข้าใจแผนของเจ้าพันธมิตรอย่างทะลุปรุโปร่ง

   เจ้ารีบหาทางก็แล้วกันนั่งรอเฉย ๆ น่ะไม่ใช่เจ้าหรอกนะ 

  ซือหยูตอบ

   ข้าจะส่งเจ้าไปทำบางอย่างให้ข้า 

   ให้เงินข้าแล้วข้าจะทำทุกอย่างให้เจ้า 

  เทพไม้แบมือ

  ซือหยูกลอกตา

   ถ้าเจ้าทำได้ดีมันก็จะดีกับตัวเจ้าด้วย! 

   มันต้องดีอยู่แล้ว 

  เทพไม้เอนหน้ามาใกล้ปากซือหยูเพื่อฟังงานลับ  นางเบิกตากว้าง

   ฟังดูน่าสนุกนี่ก็ได้ ข้าจะทำ 

  วันคืนผ่านไป

  ในยามบ่ายของอีกวันตระกูลจรัสแสงมาเพื่อเชิญซือหยูไปรับประทานมื้อค่ำ

  มื้อค่ำยังไม่ทันเริ่มซือหยูก็ถูกพาไปยังห้องตำราของเทพจรัสแสงแล้วนี่เป็นการรับรองแขกพิเศษที่รับได้

   เทพจรัสแสงกำลังรับเทพท่านอื่นโปรดรอสักครู่ 

  สาวใช้แต่งตัวดีที่รินชาให้ซือหยูกล่าวจากนั้นนางจึงไปรอที่ด้านหลังซือหยู

  ซือหยูมองรอบห้องตำราจากตำราที่เห็นก็บอกได้ว่าเทพจรัสแสงเป็นคนเช่นใด

  เขาเป็นคนรักสงบที่มีคุณธรรม

  พ่อลูกตระกูลกงซุนถูกกลั่นแกล้งมาโดยตลอดมีเทพจรัสแสงเพียงคนเดียวที่ออกปากปกป้องแต่ก็ถูกเจ้าพันธมิตรและเทพกงซุนขวาง ทั้งสองอ้างว่าเรื่องภายในเป็นเรื่องที่เทพจรัสแสงไม่ควรยุ่งเกี่ยว

  ซือหยูมองเทพจรัสแสงในแง่ดี

  ในตอนนั้นเองซือหยูเห็นภาพเขียนบนกำแพง มันเป็นภาพอันเก่าแก่ของอดีตอันรุ่งเรือง

  เป็นภาพเขียนของหน้าผา

  หญิงสาวอายุราวสิบแปดสวมชุดแดงคุกเข่าลงหนึ่งข้างให้กับชายชรา

  ชายชราหันหลังให้นางชี้ไปยังสวรรค์และอธิบายบางอย่างกับนาง

  มันดูเหมือนภาพธรรมดาแต่เมื่อเขามองชายชราอย่างละเอียดเขาก็ตกตะลึง ชายชราคือหยุนหยาซือ!

   นี่ภาพอะไร? 

  ซือหยูถามสาวใช้

  สาวใช้ดูเขินอายแต่เมื่อนางคิดถึงคำสั่งเจ้านายว่าห้ามปฏิเสธทุกคำขอ นางก็ตอบอย่างระมัดระวัง   เป็นภาพบรรพบุรุษตระกูลปราบอสูรหลินหลางเมิ่ง กำลังรับคำชี้แนะจากผู้อาวุโส 

   หลินหลางเมิ่งคือผู้ใดกัน? 

  สาวใช้ตอบ

   นานมาแล้วเขาทรยศตระกูลจรัสแสงและกลายเป็นเทพอสูร! 

  หรือว่าจะเป็นเซียนมณี?ซือหยูเข้าใจแล้ว

  หญิงสาวผู้นี้อาจเป็นเทพอสูรมณีก็ได้

   แล้วชายชราผู้นี้คือใครล่ะ? 

  ซือหยูถามเขาจำได้ว่าหยุนหยาซือเคยกล่าวว่าเขาเคยชี้แนะการฝึกฝนให้กับเทพอสูรมณี

  ภาพนี้น่าจะบันทึกเรื่องราวในครั้งนั้น

   ข้าไม่รู้ว่าเขาคือใครข้ารู้แต่ว่าเขาแข็งแกร่งมาก และเรียกตัวเองว่าเทพตำรา… 

  สาวใช้ตอบ

  อะไรนะ?ซือหยูผงะ

   เขาเรียกตัวเองว่าอะไรนะ?     เขาไม่ใช่เทพตำราหรอกหรือ?มันเขียนในบันทึกตระกูลจรัสแสง ข้าจำได้ดี 

  เป็นไปได้ยังไง?ซือหยูตกตะลึง

  หยุนหยาซือคือเทพตำรางั้นรึ?

  ความสัมพันธ์ของเทพตำรากับโลกอสูรเป็นอย่างไรกัน?

  ซือหยูจำได้ว่าเคยถามหยุนหยาซือว่าพลังเทพของเขาคืออะไรฃ

  หยุนหยาซือไม่ได้ตอบคำถามนั้น

  ใยต้องปิดบังเขาด้วยล่ะ?

   ฮ่าๆขออภัย ข้าทำเทพสีเงินผิดหวังเสียแล้ว! 

  เสียงเทพจรัสแสงดังมาจากนอกประตู

  ซือหยูหันไปมองและสงบใจลง

   โอ้ไม่มีปัญหาเลย 

   เทพทุกคนมาถึงแล้วทุกคนกำลังรอเทพสีเงินอยู่ 

   ไปกันเถอะเรื่องในโลกอสูรคือสิ่งที่พวกเจ้าต้องเข้าใจให้ดี 

  เขาไปยังห้องกว้างอันว่างเปล่ามีเทพเก้าคนรวมตัวกันยกเว้นแต่ตระกูลฉีเหมิน

  ส่วนเจ้าพันธมิตรกับเทพกงซุนเองก็อยู่ที่นี่และกำลังรอฟังข่าวจากเขา

  เมื่อทุกคนนั่งลงแล้วซือหยูอธิบายประสบการณ์ในโลกอสูร รวมถึงเรื่องความเป็นอยู่ของอสูร

  ซือหยูไม่ปิดบังอะไรมากนักเว้นแต่เรื่องที่เป็นความลับสำคัญ

  ข้อมูลที่เขาแบ่งปันนั้นมีประโยชน์ต่อเทพทุกคนที่นี่

   สิ่งที่อยู่ในแดนอสูรไม่ต่างจากธารดาราสินะ… 

  เทพจรัสแสงแปลกใจ

  ในความทรงจำของเขาสิ่งที่อยู่แดนอสูรนั้นโหดเหี้ยมอำมหิต และเป็นดินแดนแห่งความชั่วร้าย

   ข้าไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้เลย!อสูรในโลกอสูรก็แบ่งเป็นอสูรทั่วไปกับเทพอสูร ขณะที่พวกเขาได้เจอแต่เทพอสูร 

  ทุกคนตกใจและมีคำถามมากมาย

   มีเทพอสูรกี่คนในศาลอสูรล่ะ?แล้วพวกมันแข็งแกร่งเพียงใด? 

  เทพจรัสแสงถามคำถามสำคัญที่สุดที่ทุกคนอยากรู้

  จากคำพูดซือหยูศาลอสูรคือกำลังหลักของโลกอสูรที่มีอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดรวมตัวกันอยู่

  ในอนาคตหากเกิดสงครามกับโลกอสูร พวกเขาจะต้องปะทะกับศาลอสูรแน่นอน

  ซือหยูใบหน้าจริงจังขึ้น

   จากที่ข้ารู้พวกมันมีไม่ต่ำกว่าร้อยคน! พลังแบ่งเป็นสามระดับ เป็นขุนพลสูงสุง ชั้นกลาง และชั้นต้น แทบจะเหมือนกับเทพของเรา ขุนพลชั้นกลางมีพลังเทียบเท่าทุกท่านที่นี่ ส่วนขุนพลสูงสุดใหญ่นั้น…มีเพียงเจ้าพันธมิตรที่ต่อสู้ด้วยได้!    เหล่าเทพกลั้นหายใจ

  พวกเขาที่เป็นเจ้าตระกูลปราบอสูรชั้นแนวหน้ามีพลังเพียงชั้นกลางของพวกศาลอสูรเท่านั้น!

   พวกมันมีกันกี่คน? 

   ระดับขุนพลสูงสุดสามคนชั้นกลางสิบคน ที่เหลือเป็นขุนพลชั้นต้น 

  มีอสูรอยู่สามคนที่แข็งแกร่งเท่ากับเจ้าพันธมิตร…

  เหล่าเทพตัวสั่นหากอสูรเหล่านั้นออกจากรัง พันธมิตรประจิมจะถูกทำลาย

   แต่เหนือกว่าพวกมันยังมีสิ่งที่น่ากลัวกว่า!มันคือแม่ทัพศาลอสูร เทพอสูรหกวิถี… 

  ซือหยูพูดอย่างจริงจัง

   มันคือศิษย์จักรพรรดิอสูรอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกอสูร รัชทายาททุกคนล้วนมีมันเป็นอาจารย์! 

  ซือหยูกล่าว   หากมันมายังธารดาราจะไม่มีเทพคนใดที่ต่อสู้กับมันได้! 

   มีอสูรที่แข็งแกร่งขนาดนั้นอยู่ด้วยรึ? 

  เทพจรัสแสงถาม

   ถ้าเห็นกับตา! 

  บรรยากาศเริ่มหนักอึ้ง

  ไม่แปลกเลยที่ซือหยูจะไม่เต็มใจพูดเรื่องแดนอสูรกับทุกคนนอกจากเทพเจ้าตระกูลถ้าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป กำลังใจของกองทัพจะเสื่อมถอยตั้งแต่สงครามยังไม่เริ่ม กำลังรบอาจจะกระจัดกระจายหนีกันไปก่อนที่การปะทะจะเริ่มขึ้นด้วยซ้ำ

   โลกอสูรน่ากลัวยิ่งนัก! 

  เหงื่อเย็นๆ ผุดออกจากหน้าผากเหล่าเทพ

  พวกเขาคิดว่าหากพวกเขาต่อสู้กับอสูรมาได้เป็นหมื่นปีแล้วกำลังของพวกเขาจะมากพอที่จะเทียบได้กับพวกอสูร ใครจะไปคิดว่าพวกอสูรจะ…   หากเป็นเช่นนั้นใยแดนอสูรถึงไม่ส่งกำลังเหล่านั้นมาและเลือกที่จะต่อสู้กับพวกเราสงครามเล็ก ๆ ล่ะ? 

  ซือหยูคิดครู่หนึ่ง

   ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเคยได้ยินเรื่องหมาป่ามาก่อนหรือไม่… 

   หมาป่าเลี้ยงฝูงแกะในกรงขังหมาป่าไม่ได้กินแกะทุกตัวแต่กินทีละตัว ให้แกะอื่นได้ขยายพันธุ์ เมื่อมีแกะเกิดขึ้นสักตัว อีกตัวจะถูกกินต่อไป จะมีอาหารให้กินไม่รู้จบ 

  เหล่าเทพลำคอแห้งเป็นผง

   เจ้าจะบอกว่าจักรวาลแห่งนี้คือกรงขังอาหารให้โลกอสูรงั้นรึ? 

  เทพจรัสแสงพูดเบาๆ

   จากมุมมองของโลกอสูรที่เจ้าพูดคือความจริง พวกมันกำจัดดวงวิญญาณทั้งหมดในธารดารา แต่ก็ไม่มีทัพถูกส่งมาทำสงคราม พวกมันเก็บเกี่ยวทีละเล็กทีละน้อยมาเป็นสิบล้านปี     ไม่แปลกเลยที่ธารดาราจะตกเป็นอาหารของพวกมันอยู่เสมอ!พูดให้ชัดก็คืออาหารสำหรับยักษ์ทะเลขม! 

  ซือหยูทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ

   ช้าก่อน!ผู้ใดคือยักษ์ทะเลขม? 

  เทพจรัสแสงถาม

   คนที่สร้างโลกอสูรขึ้นมามันคือจักรพรรดิอสูรรุ่นแรก มันมีชีวิตมาหลายล้านปีแล้ว!! 

  เกิดความเงียบจากความสะพรึงกลัว

   เป็นไปได้ยังไง?มีสิ่งที่อยู่ได้เกินหลายล้านปีด้วยรึ? 

  เทพจรัสแสงหวาดผวา

   เป็นไปไม่ได้จะมีสิ่งที่อยู่ได้นานถึงเพียงนั้นได้ยังไง? มันขัดต่อกฎสวรรค์ 

   เจ้าแน่ใจนะว่าเข้าใจถูกต้อง? 

  ซือหยูถามกลับ

   งั้นให้ข้าถามเจ้าเจ้าคิดว่าเงายักษ์ในโลกอสูรอยู่มานานแค่ไหน? มันก็คือจักรพรรดิอสูรคนแรกนั่นแหละ! 

  เหล่าเทพเงียบ

   พลังมิอาจวัดได้เทพอสูรหกวิถีเป็นเพียงมดปลวกต่อหน้ามัน 

  ซือหยูกล่าว

   เทพมากมายจากศาลอสูรกลืนกินธารดาราแล้วพวกมันก็ถูกยักษ์ทะเลขมกินอีกครั้ง ยักษ์ก็เหมือนหมาป่าที่เลี้ยงพวกเราฝูงแกะไว้กินนั่นแหละ! 

   หากหมาป่าจับฝูงแกะได้เมื่อใดมันจะกินแกะทุกตัว! 

   จากที่ข้ารู้จักแดนอสูรอีกไม่นานศาลอสูรจะออกจากรัง พวกเราจะกลายเป็นอาหารให้กับมัน! 

  เหล่าเทพโศกเศร้า

  ต่อสู้ไปก็ไร้ผลไม่ใช่หรือ?

  หากพวกเขาคิดหนีพวกเขาจะไปที่ใดกัน?   แม้ธารดาราจะกว้างใหญ่มันก็ยังคงเป็นกรงสำหรับฝูงแกะ

   พวกเจ้าเข้าใจรึยัง?หากทุกคนในธารดาราร่วมมือกัน เราจะยังมีความหวังอันน้อยนิดอยู่ ถ้าไม่อย่างนั้นเราจะตายกันหมด! 

  เมื่อซือหยูพูดจบเหล่าเทพหน้าซีดราวกับวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว

  คำพูดของซือหยูไม่ต่างจากยาแรงสำหรับพวกเขา

   เทพสีเงินขอบคุณเจ้ามาก 

   พวกเราล้วนอยู่ในธารดารานี่คือหน้าที่ข้า 

   ถ้าหากมีเรื่องลำบากในพันธมิตรประจิมให้ข้าได้… 

  ทันใดนั้นเองก็มีพลังเทพอันน่ากลัวแล่นผ่านเมืองพันธมิตร

  เหล่าเทพที่กำลังจะแยกย้ายกลับได้กลับมา

  ฟึ่บ…  ชายชราใบหน้าเย็นชาได้ปรากฏตัวหน้าซือหยู

  เทพจรัสแสงตกตะลึง

   ฉีเหมินเจี้ยน?เจ้าเพิ่งจะมาถึง แต่งานชุมนุมจบแล้ว ถ้าเจ้าอยากจะรู้เรื่อง ข้าจะบอกเจ้าภายหลัง… 

   ไม่!ข้าไม่อยากรู้ ข้าแค่อยากจะรู้ว่าทำไมมันถึงฆ่าลูกข้า! 

  ฉีเหมินเจี้ยนปลดปล่อยจิตสังหารราวกับคนคลั่งและชี้ตรงไปยังซือหยู

  นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!ฉีเหมินเฉินตายแล้วรึ?

  ฉีเหมินเฉินคือหนึ่งในไม่กี่คนที่จะได้เป็นเทพด้วยความพยายามของตนเองแต่เพียงผู้เดียวและไม่ได้สืบทอดตำแหน่งเทพจากบิดาจู่ ๆ เขามาตายได้อย่างไร?

  ซือหยุเลิกคิ้วเจ้าพันธมิตรเล่นตามแผนแล้ว!

  มันเป็นเวลาลงมือที่ดีโดยแท้

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

นิยาย The Divine Nine Dragon Cauldron
Status: Ongoing Author:
หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset