the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์ – ตอนที่ 188 ตัวทดลองในท่อระบายน้ำ

ใต้ท่อระบายน้ำอันมืดมิดมีอันตรายแฝงอยู่ทุกหย่อมหญ้า ตอนที่เริ่นเสี่ยวซู่กับหยางเสียวจิ่นหนีอยู่นั้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงเปิดฝาท่ออยู่เนืองๆ และมีตัวทดลองรุดลงมาไม่หยุด จากนั้นตัวทดลองพวกนั้นก็จะรวมกลุ่มกันล่าพวกเขาต่อ

ร่างแยกเงาที่มีดาบทมิฬพลังทำลายอันน่าตกตะลึง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถแสดงฝีมือได้เต็มที่อยู่ดี ร่างแยกเงาสู้กับตัวทดลองพร้อมกันนั้นค่อยๆ ถอยไปด้วย เพราะยิ่งอยู่ที่เดิม ก็จะยิ่งมีตัวทดลองลงมามากขึ้น

หยางเสียวจิ่นแบกเริ่นเสี่ยวซู่และวิ่งไปตามท่อน้ำ ทุกฝีเท้าย่ำน้ำสกปรกจนกระจาย เริ่นเสี่ยวซู่ได้ยินเสียงหยางเสียวจิ่นหอบหายใจหนัก เขารู้ดีว่าหยางเสียวจิ่นก็คงถึงขีดจำกัดไม่ต่างกัน แบกคนขึ้นหลังวิ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เริ่นเสี่ยวซู่พูด “ทำไมไม่วางฉันลง…”

“ไม่!” หยางเสียวจิ่นตัดบทอย่างดื้อรั้น ก็เหมือนอย่างในเขาจิ้งซาน นิสัยของเธอกล้าแข็งยิ่งกว่าผู้ชาย

ร่างแยกเงาตัวชิดผนังท่อระบายอยู่ตลอด ไม่เปิดช่องว่างให้ตัวทดลองคว้าร่างไว้ได้ ถ้ามีตัวทดลองกระโจนเข้ามาจากด้านหลัง ร่างแยกเงาก็จะใช้หลังกระแทกบดขยี้ตัวทดลองให้แหลก

เพียงพริบตา ร่างแยกเงาก็กำลังรั้งตัวทดลองห้าหกตัวที่คลานมาจากด้านหลัง ส่วนเริ่นเสี่ยวซู่กับหยางเสียวจิ่นยิ่งห่างออกไปเรื่อยๆ

แต่เมื่อจำนวนตัวทดลองที่ถูกเสียงดึงดูดมานั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เริ่นเสี่ยวซู่ไม่รู้ว่าร่างแยกเงาจะรับมือได้อีกนานแค่ไหน

“ถ้าพวกเราตายที่นี่ก็ออกจะไม่ยุติธรรมไปหน่อย” เริ่นเสี่ยวซู่ถอนหายใจ

หยางเสียวจิ่นว่า “ไม่ตายหรอก ยังไงฉันก็จะพานายออกไปจากที่นี่ให้ได้”

ทันใดนั้นข้างหน้าก็มีเสียงดังกระหึ่ม “ฮ่าๆ เจ้าพวกตัวทดลองหน้าโง่คงไม่ทันคิดแน่ว่าลุงหลัวซ่อนอยู่ใต้จมูกพวกมัน”

จากนั้นถังโจวก็พูดด้วยน้ำเสียงโมโนโทน “ใช่แล้ว เจ้านายถูกที่สุดเลยครับ”

จู่ๆ หลัวหลานก็รู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมานิดหน่อย “เอ่อ…พวกนายได้ยินเสียงนั่นไหม!”

หยางเสียวจิ่นเลี้ยวซ้ายตรงทางแยกหนึ่ง และวิ่งตรงไปหากลุ่มหลัวหลานที่กำลังตะลึงอยู่

หลัวหลาน ถังโจว และทหารทุกนายยกปืนระวังตัวแจ แต่พอพวกเขาส่องไฟฉายไปที่เริ่นเสี่ยวซู่กับหยางเสียวจิ่น หลัวหลานก็หัวเราะ “เริ่นเสี่ยวซู่ นายเองก็มีวันเป็นแบบนี้ด้วยเหรอ”

เริ่นเสี่ยวซู่คร้านจะสนใจเขา พร้อมพูดอย่างอ่อนแรงว่า “วิ่ง!”

หลัวหลานนิ่งไป ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ “วิ่งเหรอ วิ่งทำไม”

จากนั้นเสียงคำรามของตัวทดลองก็ดังก้องไล่หลังเริ่นเสี่ยวซู่กับหยางเสียวจิ่นมา หลัวหลานสีหน้าเปลี่ยนพุ่งตัวหนี “เชี่ย ทำไมเจอพวกนายแล้วมีแต่เรื่องวะ!”

หยางเสียวจิ่นพลันเอ่ย “หลัวหลาน นายน่าจะรู้จักเส้นทางท่อระบายน้ำดี พาพวกเราไปที่บ้านล้อมสวนที่พวกฉันเช่าไว้!”

ระหว่างที่วิ่ง หลัวหลานก็พูดอย่างรู้สึกผิดว่า “อย่างกับฉันรู้งั้นแหละว่าเธอเช่าบ้านที่ไหน ฉันไม่ได้เฝ้าจับตาพวกเธอเสียหน่อย!”

พอหยางเสียวจิ่นเห็นหลัวหลานยังตีหน้าซื่อในเวลาแบบนี้ เธอก็แค่นเสียง “อยากจะอยู่ต่อหรืออยากตาย”

หลัวหลานหันไปมองและเห็นตัวทดลองเข้ามาใกล้เรื่อยๆ “เลี้ยวซ้าย!”

ตอนที่พวกเขาหนีเอาตัวรอดอยู่ในท่อระบายน้ำนั้น กองกำลังของสมาคมตระกูลชิ่งที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีก็วิ่งปิดท้ายกลุ่ม พวกเขาจะหยุดและตั้งแถวยิงยื้อเวลาให้หลัวหลานหนีเป็นพักๆ แต่ว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจเล็ง ร่างแยกเงาจึงโดนกระสุนด้วยเช่นกัน

ไม่ใช่ว่าพวกเขาตั้งใจหรืออะไร เริ่นเสี่ยวซู่รู้ดีว่าเวลานี้พวกเขาไม่เสียเวลามาค่อยๆ เล็งยิงเป้าหมายหรอก แต่ที่สำคัญคือเขาสัมผัสได้ถึงกระสุนที่ยิงใส่ร่างแยกเงา! การโดนยิงรัวๆ เช่นนี้ทำให้เริ่นเสี่ยวซู่เจ็บปวดมาก ตอนนี้เขาเหงื่อไหลท่วมตัว แต่กระนั้นก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

ตอนที่หลัวหลานหันไปและเห็นร่างแยกเงานั้น เขาก็วิ่งไปพึมพำกับตัวเองไป “นึกว่าสูเสี่ยนฉู่ออกจากป้อมไปแล้วซะอีก ตัวจริงเขาอยู่ไหนกันนะ เห็นว่าร่างแยกเงาไม่กลัวกระสุนไม่ใช่เหรอ แต่ฉันว่าไม่น่าเป็นแบบนั้นนะ”

เริ่นเสี่ยวซู่มองร่างตุ้ยนุ้ยของหลัวหลานที่วิ่งนำอยู่ข้างหน้า พร้อมกับจดสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ไว้ในใจ

ตอนนั้นเองหลัวหลานก็กวาดตามองรอบๆ และร้องก้อง “ถึงแล้ว ปืนขึ้นเลย!”

จากนั้นทั้งกลุ่มก็ปีนบันไดสนิมเขรอะที่ทอดลงมาในท่อระบายน้ำ ส่วนทหารจากสมาคมตระกูลชิ่งร้อยกว่านายยังคงรออยู่ด้านล่างพร้อมตั้งแนวยิงปิดกั้นพื้นที่แบบง่ายๆ

พวกเขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้นสกปรกและผลัดกันยิงปืน ถ้าทหารแถวแรกกระสุนหมด แถวที่สองก็จะขึ้นมาแทนที่แนวยิง ต้องทำแบบนี้พวกเขาถึงจะสกัดพวกตัวทดลองในท่อระบายน้ำได้ ต่อให้เป็นสัตว์ประหลาดที่ไม่กลัวกระสุนปืน ก็ไม่กล้าพุ่งเข้ามาในดงกระสุนเช่นกัน

เริ่นเสี่ยวซู่ควบคุมร่างแยกเงาให้หลบไปด้านข้าง ความเจ็บปวดจากการโดนยิงแทบทำให้เขาสลบอยู่รอมร่อ ตอนนี้หน้าที่ของร่างแยกเงาไม่ใช่การถ่วงรั้งพวกตัวทดลองอีกต่อไป เขาจึงสั่งให้มันแบกเขากับหยางเสียวจิ่นขึ้นไหล่อีกครั้ง เริ่นเสี่ยวซู่รู้ดีว่าหยางเสียวจิ่นใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว ที่แบกเริ่นเสี่ยวซู่มาถึงที่นี่ได้ล้วนเป็นพลังใจล้วนๆ

พวกเขาผลัดกันปีนขึ้นไป ส่วนตัวทดลองยังคงโดนแนวยิงจากสมาคมตระกูลชิ่งกดไว้อยู่ แต่ทุกครั้งที่มีคนขึ้นไป จำนวนคนที่ยิงปืนก็ลดน้อยลงไปเช่นกัน สุดท้ายคงต้องมีคนเหลือไว้อยู่ในท่อคอยสะกัดพวกตัวทดลองไม่ให้ไปล่าคนอื่นๆ และก็จำเป็นต้องมีคนทำหน้าที่นี้ด้วย

พวกตัวทดลองสัมผัสได้ถึงห่ากระสุนที่เบาบางลง พวกมันจึงเตรียมจะกระโจนขึ้นหน้ามาอีกครั้ง!

หลัวหลานตะโกนลงไป “รีบขึ้นมาเร็ว!”

แต่ทหารที่เหลืออีกห้านายควักระเบิดออกมาจากเครื่องแบบพร้อมพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เจ้านายครับ มันสายไปแล้ว หลังจากหนีรอดไปแล้วอย่าลืมดื่มแทนพวกเราด้วยล่ะ”

“เลิกพูดอะไรไร้สาระ อยากให้ฉันดื่มจนพุงแตกเลยหรือไง” หลัวหลานก่นด่าลงไปในท่อน้ำ

พูดแล้วก็ทำท่าจะพุ่งตัวลงไป แต่ว่าก็โดนถังโจวคว้าตัวไว้แน่นก่อน “เจ้านายครับ ถ้ากลับลงไปเจ้านายไม่รอดแน่!”

“จะมีอะไรให้กลัว อย่างมากก็ตายกันหมดนี่แหละ” หลัวหลานกระฟัดกระเฟียด “ปล่อยฉันนะโว้ย!”

หลังจากแยกเงาของเริ่นเสี่ยวซู่วางทั้งสองคนที่แบกอยู่ไว้บนพื้นแล้ว มันก็กระโดดกลับลงไปในท่อทันที ร่างแยกเงากุมดาบทมิฬยืนอยู่หน้าทหารแห่งสมาคมตระกูลชิ่งทั้งห้านาย ที่ข้างหน้ามันคือคลื่นตัวทดลองที่ทะลักมา

ร่างแยกเงาหันไปส่งสัญญาณให้ทหารของสมาคมทั้งห้านาย ‘ไป’

ทหารของสมาคมตระกูลชิ่งมองหน้ากัน พวกเขาไม่ทันคิดเลยว่าเรื่องจะพลิกผันแบบนี้ กล่าวขอบคุณเสียงค่อยและรีบร้อนปีนขึ้นบันไดไปข้างบน ขณะเดียวกันร่างแยกเงาก็โดนคลื่นตัวทดลองโถมมา!

ตัวทดลองคลานดั่งแมงมุนกระโจนขึ้นมาเต็มตัวของร่างแยกเงา ต่อให้ร่างแยกเงามีเรี่ยวแรงมหาศาลก็ยากจะทานทนไหว

เริ่นเสี่ยวซู่พูดอย่างดุร้าย “ระเบิดพวกมันทิ้งเลย!”

หลัวหลานตะลึงไป “แต่ร่างแยกเงาของสูเสี่ยนฉู่ยังอยู่ข้างล่างนะ”

ทว่าแม้เขาจะลังเล หยางเสียวจิ่นกลับไม่ เธอรู้ดีว่าเริ่นเสี่ยวซู่พูดเช่นนี้ย่อมมีเหตุผล ส่วนเหตุผลที่ว่าคืออะไรนั้น ยังคิดไม่ทันหรอก

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์

the first order สู่รุ่งอรุณเเห่งมวลมนุษย์
Status: Ongoing
ในความมืดมิดอันปั่นป่วนโกลาหล หนุ่มน้อยเริ่นเสี่ยวซู่ผงะตื่นขึ้นพร้อมกับปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก จากนั้นก็หันไปมองเด็กชายอายุราวสิบสี่ปีที่ยืนอยู่ตรงประตู “ลิ่วหยวน มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” เริ่นเสี่ยวซู่ถาม แม้จะเรียกเด็กชายว่าลิ่วหยวน แต่ความจริงแล้วชื่อเขาคือเหยียนลิ่วหยวน มองแวบแรก เหยียนลิ่วหยวนดูราวกับคนใสซื่อไม่มีพิษภัยอะไร ทว่าในมือเขานั้นกลับกำมีดกระดูกแน่น ยืนเฝ้าอยู่ตรงประตู ตอนนี้ดึกดื่นค่อนคืน แม้ว่าเขาจะดูง่วงงุนเพียงไร ก็ไม่หลับตาลงแม้แต่น้อยเพราะว่าจำเป็นต้องเฝ้ายามตอนกลางคืน

Comment

Options

not work with dark mode
Reset