This Star is a bit Salty – ตอนที่ 6 ระบบที่ยากจะเข้าใจ

หลังจากที่ซูอวี่ฉิงไม่ได้ส่งข้อความมาอีก

 

หลี่หานคลิกไปที่เพลงที่ซูอวี่ฉิงเพิ่งส่งมา

 

เขาฟังมันอีกครั้งและก็รู้สึกว่ามันดีกว่าตัวอย่างเดโมที่ได้ยินครั้งที่แล้ว

 

เพลงจะไม่ถูกปล่อยจนกว่าภาพยนตร์เรื่อง “ความทุกข์ของภูติจิ้งจอก ” จะออกฉาย

 

นี่คือสิ่งที่ซูอวี่ฉิงเคยคุยกับหลี่หานก่อนแล้ว

 

“ไอ้หนุ่ม มีแตงกวาไหม”

 

ธุรกิจมาแล้ว

 

……

 

ในอพาร์ตเมนต์ระดับไฮเอนด์ไม่ไกลจากเหิงเตี้ยน

 

ซูอวี่ฉิงมีบ้านอยู่ที่นี่และเธออาศัยอยู่ที่นี่ทุกครั้งที่มาที่เหิงเตี้ยน

 

ในเวลานี้ ซูอวี่ฉิงนอนอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้านและขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

“ เขาวางแผนจะเปิดร้านในบ้านเกิดจริงๆตั้ งแผงขายผักขายแตงกวา…เขาคิดอะไรกัน?”

 

 

ซูอวี่ฉิงไม่เข้าใจความคิดของหลี่หาน

 

เธอไม่ได้จะสื่อออกมามาเป็นแบบไหน เธอแค่รู้สึกว่ามันน่าเสียดายก็เท่านั้น

 

เธอไม่รู้ว่าหลี่หานมีความสามารถด้านดนตรีมากแค่ไหน แต่หลี่หานสามารถเขียนเพลงอย่าง “จิ้งจอกขาวกับบัณฑิต” ได้ ความสามารถทางดนตรีของเขาก็ไม่น่าจะแย่

 

เพิ่งเรียนจบ ยังเด็กอยู่เลย ทำไมถึงตัดสินใจกลับบ้านเกิดไปขายแตงกวาล่ะ?

 

ยังบอกด้วยว่าเขาอาจจะไม่เขียนเพลงอีกในอนาคต ชายหนุ่มที่เพิ่งจบการศึกษาจากมหาลัย ไม่มีความสามารถด้านดนตรีอย่างนั้นหรือ?

 

ภายใต้สถานการณ์ปกติ หลี่หานควรจะเร่งรีบสร้างชื่อให้ตนเองไม่ใช่เหรอ?

 

ขายแตงกวา…

 

ไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ

 

ช่างน่าเสียดาย!

 

……

 

เฉินยู่รุ่ยอายุ 23 ปี เป็นนักร้องหน้าใหม่ที่เพิ่งเดบิวต์ เธอมีใบหน้าที่สวยงามและรูปร่างที่สมส่วน

 

เธอไม่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทบันเทิงใดเพราะเธอไม่ชอบที่จะถูกผูกมัดกับกฎและข้อบังคับเหล่านั้น และเธอไม่ต้องการที่จะโดนบังคับ

 

 

เธอแค่อยากเป็นนักร้องอิสระ

 

การร้องเพลงเป็นงานอดิเรกของเธอ มีการเปิดตัวเพลงหลายเพลงก่อนหน้านี้และการตอบรับก็อยู่ในระดับปานกลาง

 

เธอรู้สึกหดหู่เล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เธอก็รู้ดีว่าเพลงดีๆนั้นหาได้ยาก โดยเฉพาะสำหรับนักร้องอิสระเช่นเธอ

 

แต่ตอนนี้ เธอไม่หดหู่อีกต่อไป

 

เพราะในที่สุด เธอก็มีเพลงดีๆกับเขาสักที

 

“จิ้งจอกขาวกับบัณฑิต” เพลงที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงไปมา

 

“ อวี่ฉิง ผู้แต่งเพลงนี้เป็นนักศึกษาที่เพิ่งจบการศึกษาจริงๆเหรอ?”

 

เธอและซูอวี่ฉิงรู้จักกัน

 

ยู่รุ่ย เธอถามคำถามนี้หลายครั้งแล้วนะ มันถูกเขียนโดยนักศึกษาที่เพิ่งจบการศึกษา ตอนนั้นเขามาหาทีมของเราพร้อมโน้ตเพลงและฉันคิดว่ามันแปลก ๆ นิดหน่อย”

 

“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย เพิ่งเรียนจบก็สามารถเขียนเพลงได้แล้ว”

 

“มันก็ไม่แน่ แม้ว่าจะมีอัจฉริยะไม่มากนัก แต่มันก็มีจริงๆ”

 

อวี่ฉิง เธอยังติดต่อกับเขาอยู่หรือเปล่า เขาจะเขียนเพลงใหม่เมื่อไหร่?”

 

“ฉันเพิ่งส่งเพลงนั้นให้เขา แต่เขาบอกว่าเขาอาจจะไม่เขียนเพลงต่อไปแล้ว”

 

“เชาจะไม่เขียนเพลงอีกต่อไปแล้วเหรอ? นั่นเป็นไปไม่ได้ เขาเพิ่งเรียนจบไม่ใช่เหรอ? เขาเป็นอัจฉริยะด้านดนตรีแล้วทำไมเขาไม่เขียนเพลงเพิ่มล่ะ?”

 

“ฉันไม่รู้ แต่เขาพูดไว้อย่างนั้น”

 

“เขาไม่เขียนเพลงอีกแล้วเขาจะทำอะไร”

 

เขาบอกว่าจะกลับไปบ้านเกิดเพื่อเปิดร้านขายของหรือเปิดฟาร์มหรืออะไรสักอย่างน่ะ”

 

“ นี่…เขาต้องล้อเล่นแน่ๆ”

 

“ ไม่หรอก เหมือนเขาจะกลับบ้านเกิดไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขากำลังขายแตงกวาอยู่ที่แผงลอย”

 

“ขาย…ขายแตงกวาเหรอ?”

 

“อืม นั่นคือสิ่งที่เขาพูด”

 

“อะไรของเขากันเนี่ย?”

 

“ใครจะไปรู้ล่ะ น่าเสียดายจริงๆ”

 

“……”

 

……

 

ธุรกิจของหลี่หานในวันนี้ไม่เลว พอถึง 10 โมงเช้า แตงกวาทั้งตะกร้าก็ขายได้เกือบหมด

 

ราคามีการเปลี่ยนแปลงและขายในราคาหนึ่งปอนด์ต่อแคตตี้

 

ใช้เวลาไม่นานก่อนที่เขาจะขายหมด

 

นับเงินที่ขายได้ 112 หยวน ซึ่งเป็นรายได้ที่ดี

 

อย่างไรก็ตาม ระบบก็ยังไม่มีการตอบสนอง

 

ระหว่างนั้น หลี่หานพยายามเรียกระบบหลายครั้งในใจ

 

แต่ก็ไร้ประโยชน์!

 

ช่างมันเถอะ ลองอีกครั้งกัน

 

ไม่ต้องรีบร้อน

 

แม้ว่าระบบจะเปิดไม่สำเร็จ แต่อารมณ์ที่แตงกวาทั้งตะกร้าถูกขายออกไปหมดก็ยังดีมากอยู่ดี

 

 

การเก็บเกี่ยวไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ก็ทำให้มีความสุขเสมอ

 

ขี่มอเตอร์ไซค์และกลับบ้าน

 

พรุ่งนี้ค่อยมามขายต่อ แบบแผงลอยเหมือนเดิม

 

บางทีหลังจากระยะเวลานานขึ้น ระบบอาจจะรีสตาร์ทได้อีกครั้ง

 

นอกจากนี้ ยังเป็นการช่วยพ่อทำในสิ่งที่เขาทำได้

 

พอดีว่าพรุ่งนี้เมืองเขตชวงหลงไม่เปิดตลาด ดังนั้นเขาจึงต้องเข้าไปขายในเมือง

 

แม้ว่าระยะทางจะไกลกว่ามาก แต่ก็สะดวกเมื่อมีมอเตอร์ไซค์

 

เมื่อถึงบ้าน

 

แม่ที่เห็นว่าตะกร้าไม้ไผ่บนชั้นวางมอเตอร์ไซค์ว่างเปล่า เธอก็พอใจมากจึงพูดว่า “ขายหมดแล้วเหรอ?”

 

หลี่หานพยักหน้าและกล่าวว่า “ขายหมดแล้ว รวม 112 หยวน”

 

หลังจากนั้นก็ส่งเงินให้แม่

 

แม่รับเงินแล้วกล่าวว่า “ปม่ไม่คิดเลยว่าลูกจะขายมันได้”

 

หลี่หานทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยและกล่าวว่า “ไม่เห็นยากตรงไหนเลย ผมจะไปขายต่อในวันพรุ่งนี้”

 

แม่บอกว่า: “แต่พรุ่งนี้ตลาดเมืองเขตชวงหลงไม่เปิดนะ”

 

หลี่หานกล่าว: “ผมจะขายในเมือง ไม่ไกลมากนัก”

 

แม่คิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “โอเคงั้ นพรุ่งนี้ไปเก็บถั่วพุ่ม มะระ พริกและนำมันไปขายด้วย”

 

หลี่หานเห็นด้วย

 

ตอนนั้นเอง พ่อก็กล่าวว่า “คราวนี้ลูกจะอยู่บ้านนานแค่ไหน”

 

หลี่หานกล่าว “ขึ้นอยู่กับสถานการณ์น่ะครับ ผมอาจจะอยู่สักพักหลังจากเรียนจบ ผมไม่ต้องกลับไปมหาลัยแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ส่วนมากพวกเราจะเขียนเพลงกัน และการเขียนก็ทำที่ไหนก็ได้ “

 

พ่อพยักหน้าไม่พูดอะไร

 

แต่เดิม เขาสงสัยมากว่าหลี่หานสามารถสร้างรายได้จากการเขียนเพลงได้จริงเหรอ? แต่หลี่หานกล่าวเมื่อวานนี้ว่าเขาเขียนเพลงประกอบภาพยนตร์และทีมงานก็ให้รางวัลมาม 100,000 หยวน

 

เขาจะพูดอะไรได้อีก?

 

เขาไม่เห็นด้วยกับการที่หลี่หานจะไปเรียนที่มหาลัยการดนตรี แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลี่หานจะตัดสินใจถูก

 

อย่างน้อยก็ตอนนี้

 

มหาวิทยาลัยอื่น ๆ แม้แต่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเหล่านั้นแทบจะไม่สามารถหาเงิน 100,000 หยวนได้เมื่อพึ่งจบใช่ไหม?

 

……

 

วันถัดมา

 

หลี่หานยังคงตื่นแต่เช้าตรู่และวันนี้ก็ไปขายผักในเมือง

 

นอกจากแตงกวา มะระ ถั่วพุ่ม พริก ฯลฯ แล้ว เขายังเลือกอีกบางส่วนไปด้วย

 

ตอนนี้มอเตอร์ไซค์เต็มไปด้วยตะกร้าไม้ไผ่สองใบ

 

เขาขึ้นมอเตอร์ไซค์แล้วออกเดินทาง!

 

ใช้เวลาเดินทางเกือบสี่สิบนาทีเพื่อเข้าเมือง

 

เมืองแห่งนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ก็มีชีวิตชีวาและเจริญรุ่งเรืองกว่าเมืองลวงหลงมาก

 

ในเมือง คุณไม่สามารถตั้งแผงขายผักได้ตามต้องการ คุณต้องไปที่ที่จัดไว้เป็นพิเศษเพื่อตั้งแผงขายผัก

 

 

ค่าตั้งแผงครั้งละห้าหยวน

 

เลือกสถานที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ จัดผักที่จะขาย และติดเครื่องหมายแสดงราคา

 

รอเพียงให้ผู้ซื้อมาซื้อก็เท่านั้น

 

จู่ๆ หลี่หานก็พบว่าความรู้สึกของการตั้งแผงขายผักนั้นดีมากทีเดียว!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset