This Star is a bit Salty – ตอนที่ 7 แก่นแท้พืชผล

ซักพักลูกค้าคนแรกก็เดินเข้ามา

 

หลังจากเลือกของอยู่ซักพักเขาก็ซื้อถั่วพุ่มและพริกอย่างละครึ่งกิโล

 

เขาได้เงินแปดหยวนสำหรับการค้าขายครั้งแรก

 

หลี่หานดีใจมากเขาพบว่าไม่ว่าจะได้เงินมากน้อยแค่ไหนเขาก็ยังมีความสุขอยู่ดี

 

ตอนนี้เขากำลังหวังให้ลูกค้าคนที่สองเข้ามาไว ๆ มันรู้สึกเหมือนตอนเขากำลังลุ้นหวย

 

หลังจากที่รอไม่นานลูกค้าคนที่สองก็ปรากฏขึ้นเธอเป็นลูกค้าที่ยังสาวและสวย

 

การที่เมืองนี้มีสาวสวยมากมายทำให้หลี่หานรู้สึกดีมาก

 

เธอซื้อแตงกวาและถั่วพุ่มอย่างละครึ่งกิโลด้วยเงินทั้งหมดเจ็ดหยวน

 

ในตอนนี้หลี่หานไม่ได้คิดถึงเรื่องของระบบเลย

 

เมื่อวานนี้เขาแค่ต้องการจะทดสอบดูว่าการขายของด้วยแผงลอยจะทำให้ระบบกลับมาใช้งานได้อีกครั้งหรือไม่

 

แต่ตอนนี้เขากับรู้สึกชอบการขายผักที่แผงลอยของเขาไปแล้ว

 

นั่งอยู่ข้างถนนแบบนี้ในทุก ๆ วันและรอลูกค้าเดินเข้ามาหา ซึ่งในระหว่างที่รอ เขาก็ยังชายตามองสาว ๆ ได้อีกด้วย

 

แน่นอนว่านี่เป็นความคิดของหลี่หานเพียงคนเดียวเท่านั้น

 

ในสายตาของคนอื่น หลี่หานที่มาตั้งแผงลอยขายผักตั้งแต่อายุน้อยแบบนี้ คนอื่นคงคิดว่าเขาเป็นแค่พวกไร้ความฝันและไร้จุดมุ่งหมายในชีวิต

 

เช่นเดียวกับสาวสวยคนนั้นในตอนนี้ หลังจากที่เธอจ่ายเงินแล้วก็มีสีหน้าที่น่ารังเกียจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

 

ความหล่อของเขาทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?

 

แน่นอนว่ามันใช้ได้ แต่ก็แค่คนหล่อที่ไร้จุดมุ่งหมายในชีวิตเท่านั้น

 

แถมยังทำให้สาว ๆ รู้สึกรังเกียจได้อีกด้วย

 

แต่ถ้าหากไม่หล่อล่ะก็ จะมีแต่ทำให้สาว ๆ ดูถูกและรังเกียจ

 

ถึงอย่างนั้นหลี่หานก็ไม่ได้แคร์เกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นคิด เขาเป็นคนที่หล่อแต่ไม่มีจุดมุ่งหมายก็แค่นั้นเอง

 

มีคนเข้ามาซื้อของมากมาย วันนี้ธุรกิจของเขากำลังไปได้สวย ตอนนี้ 11 โมงเช้า แต่ผักในตะกร้าไม้ไผ่ทั้งสองใบของเขาเกือบจะขายหมดแล้ว

 

วันนี้หลี่หานไม่ได้คิดเกี่ยวกับระบบอีกแล้ วเขารู้สึกดีออกมาใจจริงของเขาที่ได้ขายผัก

แต่อย่างไรก็ตาม—-

 

[ติ๊ง! ยินดีด้วย โฮสท์ได้รับแก่นแท้พืชผลหนึ่งขวดจากระบบ และได้ทำการเปิดใช้งานกระเป๋ามิติระดับแรก และแก่นแท้พืชผลจะอยู่ในกระเป๋ามิติ โฮสท์สามารถนำออกมาใช้งานได้ตามต้องการ]

 

“หืม?”

 

หลี่หานผงะเล็กน้อย ระบบเปิดใช้งานสำเร็จแล้วเหรอ?

 

หลี่หานไม่ได้ดีใจอยู่ แต่เขากำลังตกตะลึง

 

“ระบบ นายเปิดใช้งานสำเร็จแล้วงั้นเหรอ?” หลี่หานถามระบบในใจ

 

แต่อย่างไรก็ตาม ระบบก็ยังคงไม่ตอบเขา

 

สถานการณ์นี่มันอะไรกัน?

 

หลี่หานรู้สึกงงเล็กน้อย แต่เขาเดาได้แค่ว่าระบบยังคงไม่สามารถเปิดใช้งานได้สำเร็จ

 

บางทีอาจจะเป็นเพราะการที่เขาไม่มีจุดหมายในชีวิต?

 

เลิกสนใจมันแล้วไปดูของที่ระบบให้มาดีกว่า

 

กระเป๋ามิติก็ตามชื่อของมัน เป็นกระเป๋าที่สามารถใส่ของอะไรไปก็ได้

 

ช่องเก็บของนั้นมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ โดยมันมีขนาดสีเหลี่ยมเท่าลูกบาศก์

 

นอกจากนี้ยังมีข้อความเขียนไว้ด้วย

 

ตามข้อความที่เขียนทำให้หลี่หานได้รู้ว่ากระเป๋ามิติระดับแรกจะเก็บได้แค่ของที่ไม่มีชีวิตเท่านั้น

 

ของดี! นี่มันของดี!

 

หลี่หานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ด้วยกระเป๋ามิติอันนี้ เท่ากับว่าเขาก็สามารถเก็บอะไรก็ได้ไว้กับเขางั้นเหรอ?

 

การได้ครอบครองระบบนี่มันดีจริง ๆ เลย

 

ในข้างในของกระเป๋ามิติก็เป็นช่องเก็บของโดยมีสีเหลี่ยมหลายสิบช่อง

 

โดยมีขวดกระเบื้องสีขาวอยู่ในนั้น น่าจะต้องเป็นของขวัญจากระบบอีกชิ้นนึง

 

แก่นแท้พืชผล!

 

และข้อความที่เขียนไว้ : สามารถใช้ได้กับทุกพืชผล หยดสิ่งนี้ลงบนรากของพืช จะทำให้รสชาติของมันดียิ่งขึ้น!

 

หลี่หานรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง ด้วยสิ่งนี้ เขาสามารถทำให้ผักทั้งหมดในบ้านของเขารสชาติดีขึ้นหรือไม่?

 

และถ้าหากเขาขายมันอีกครั้งก็คงจะไม่ยากถ้าเขาต้องการขายมันแพงขึ้น?

 

หึม…เดี๋ยวนะ หลี่หานนึกขึ้นได้ในฉับพลันถึงจุดอีกสำคัญที่สุดว่าทำไมระบบถึงให้แก่นแท้พืชผล?

 

ระบบยอมรับจุดหมายของเขาแล้วงั้นเหรอ? ระบบปล่อยให้เขาใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมายแล้วใช่ไหม?

 

สิ่งนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก

 

ถึงแม้ว่าระบบจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่เหนือความคาดหมาย แต่โฮสท์ก็มีอำนาจมากกว่าอยู่ดี

 

เขาสามารถเปลี่ยนระบบได้ แต่ระบบไม่สามารถเปลี่ยนเขาได้ มันทำได้แค่ช่วยเหลือเขาเท่านั้น

 

เมื่อนึกถึงในจุดนี้ หลี่หานก็รู้สึกดีใจมากกว่าเดิม

 

“หนุ่มน้อย ฉันจะซื้อแตงกวาที่เหลือทั้งหมด นายมีเหลือเท่าไหร่?” ลูกค้าถาม

 

“ผมจะให้เงินคุณ” หลี่หานอยู่ในอารมณ์ที่ดีมาก ๆ

 

เมื่อลูกค้าได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมา “โอเค ถ้างั้นฉันจะซื้อมันทั้งหมดเลย ชั่งน้ำหนักให้หน่อย”

 

แตงกวาทั้งหมดได้ถูกขาย

 

และอีกไม่นาน ถั่วพุ่ม มะระและพริกก็ได้ขายหมดเหมือนกัน

 

เป็นวันที่ดีอีกวันนึง

……

 

ณ เหิงเตี้ยน

 

ทีมงานของ “ความทุกข์ของภูติจิ้งจอก” ได้ถ่ายทำฉากสุดท้ายเสร็จแล้ว

 

ผู้กำกับตู้เมิ่งหุย พูด “ยอดเยี่ยม!” เพื่อให้กำลังใจทีมงาน

 

หลังจากที่ทำงานมานาน ในที่สุดก็ถึงเวลา

 

ทีมงานทุกคนกำลังรอผลจากตู้ขายตั๋วหนัง

 

“ผู้กำกับตู้ฉั นไม่คาดคิดเลยว่าเราจะได้เพลงที่เหมาะสมและสมบูรณ์แบบนี้ฉันอยากจะขอบคุณคุณซูจริง ๆ ถ้าไม่ใช่คำแนะนำของเธอ เราจะได้เพลงธีมแบบนี้มาได้อย่างไร?” รองผู้อำนวยการกงจื่อผิงกล่าว

 

 

ตู้เมิ่งหุยหัวเราะและพูดว่า“ใช่แล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าประหลาดใจจริง ๆ ด้วยธีมเพลงนี้ การขายตั๋วของภาพยนตร์ของเราจะดีมากกว่าก่อนหน้านี้แน่นอน แถมเพลงต้องเป็นเพลงที่มีอิทธิพลต่อคนดูอย่างมากแน่นอน”

 

กงจื่อผิงกล่าวว่า“ถ้าคุณดูแค่เพลงนี้อย่างเดียว มันก็ไม่น่าทึ่งเท่าไหร่ แต่เมื่อรวมกับภาพยนตร์ของเราแล้ว มันก็น่าทึ่งเกินไป นักศึกษาที่ชื่อหลี่หานเป็นนักเล่นดนตรีอย่างแน่นอน ผู้กำกับตู้ เมื่อเราถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องต่อไป เราสามารถเชิญเขาให้มาปรับแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ได้”

 

ตู้เมิ่งหุยพยักหน้าและพูดว่า“ฉันคิดเรื่องนี้มานานแล้วและฉันถามคุณซูโดยเฉพาะเกี่ยวกับสถานการณ์ของเขา อย่างไรก็ตาม คำตอบของคุณซูทำให้ฉันประหลาดใจมาก”

 

“โอ้?” กงจื่อผิงถามต่อ “แล้วคุณซูพูดว่าอย่างไรบ้าง?”

 

ตู้เมิ่งหุยพูด “คุณซูบอกว่าหลี่หานกลับไปที่บ้านเกิดเพื่อขายผักและบางทีเขาอาจจะไม่แต่งเพลงอีกต่อไป”

 

“ตะ..ตั้งแผงลอยขายผัก?” กงจื่อผิงดูตกใจเล็กน้อย

 

ตู้เมิ่งหุยยิ้มเล็กน้อย “คุณซูบอกมาอย่างนั้นน่ะ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า”

 

“เป็นไปไม่ได้”

 

“ไม่รู้สิ บางทีนักปราชญ์ก็ค่อนข้างคิดอะไรแตกต่างจากคนปกติ”

 

“ มันค่อนข้างยากที่จะเข้าใจจริง ๆ น่าจะเป็นคุณซูที่ทำพลาด”

 

“บางทีนะ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก ที่เราต้องทำก็แค่โปรโมทหนัง”

 

“แน่นอน ด้วยเพลง “จิ้งจอกขาวกับบัณฑิต” นี่จะเป็นส่วนที่เด่นที่สุดของเรา”

 

“แน่นอน เนื้อหาในการโปรโมทต้องเน้นไปที่เพลงนี้!”

“……”

……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset