ตอนที่ 765 ช็อก! เขาคือพ่อแท้ๆ ของลูก (5)
ถ้ามีความโกหกหลอกลวงอยู่ก็ต้องเป็นที่ผลตรวจดีเอ็นเอนั่นแน่ๆ
ลู่เสวี่ยเฉินไม่เชื่อเธอแล้วยอมตรวจดีเอ็นเอ ต้องเป็นเพราะเขารู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าเด็กนั่นไม่ใช่ลูกของตัวเองแน่ๆ
แต่ตอนนี้คุณหญิงลู่ไม่เชื่อเธออีกแล้ว
หากเธอไปหาคุณหญิงลู่อีกมีแต่จะทำให้ตัวเองน่าแหนงหน่าย
จริงสิ
แววตาของเหวินซินเหมยเป็นประกาย ไปหาคุณหญิงลู่ไม่ได้ แต่เธอสามารถไปหาลู่จิ้งอีได้นี่นา
ลู่จิ้งอีรักน้องชายจะตาย หากบอกให้เธอรู้ว่าหลินจยาอวี่หลอกตระกูลลู่ทั้งตระกูล เธอต้องยอมไม่ได้เด็ดขาด
เธออดใจรอไม่ไหวแล้วจริงๆ
แม้นาทีเดียวก็รอไม่ได้
เพียงแค่เธอสามารถเปิดโปงหลินจยาอวี่ได้ คนในตระกูลู่จะต้องซึ้งในน้ำใจของเธอแน่ พอถึงตอนนั้นก็จะกลายเป็นผู้มีพระคุณต่อตระกูลลู่ พ่อของเธอก็จะไม่ได้ต้องบังคับให้เธอแต่งงานกับไอ้โรคจิตนั่น
หลายวันต่อมา เนื่องจากเรื่องแต่งงานจึงทำให้น้ำหนักของเหวินซินเหมยลดฮวบฮาบ
ลู่จิ้งอีพึ่งกลับมาจากต่างประเทศและยังไม่ทันได้กลับบ้าน คุณหญิงลู่ยังไม่ได้เจอและบ่นเรื่องนี้กับเธอ แน่นอนว่ายังไม่ทราบเรื่องราวที่บ้านกับเหวินซินเหมย
ตอนที่เหวินซินเหมยมาบอกเธอว่าลูกของหลินจยาอวี่ไม่ใช่ลูกของลู่เสวี่ยเฉิน เธอก็ช็อกไปทั้งร่าง
ซึ่งไม่ต่างอะไรกับคุณหญิงลู่ในคราวนั้น สายตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อปนโมโห “เธอกล้าสาบานหรือเปล่าว่าที่พูดมาเป็นเรื่องจริง”
เหวินซินเหมยตอบกลับทันทีแทบจะไร้ความเสแสร้งใดๆ “ฉันกล้าสาบานต่อฟ้าเลยค่ะ ว่าที่พูดมาไม่ใช่เรื่องโกหกแม้แต่คำเดียว ไม่เช่นนั้นขอให้ฉันไม่ตายดี!”
ลู่จิ้งอีขมวดคิ้วมุ่น
น้ำเสียงของเหวินซินเหมยหนักแน่นขนาดนี้และท่าทางยืนหยัดขนาดนี้ นั่นก็หมายความว่าเธอไม่ได้พูดโกหก
ถ้าไม่ได้โกหก เช่นนั้นก็แสดงว่าสิ่งที่หลินจยาอวี่พูดออกมาเป็นเรื่องจริง แต่นี่จะเป็นไปได้ยังไง
วิธีการแก้ไขปัญหาของลู่จิ้งนี้นั้นช่างแตกต่างกับคุณหญิงลู่โดยสิ้นเชิง เธอไม่คิดจะพาเหวินซินเหมยเข้าไปถามหลินจยาอวี่ตามตรง อีกอย่างเธอคิดว่าเค้นถามไปก็ไร้ประโยชน์
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ เธอต้องทำให้เรื่องนี้เป็นที่กระจ่างชัดเจนแน่นอน จะไม่ยอมให้คนในตระกูลลู่เหมือนคนโง่ที่ถูกหลินจยาอวี่ปั่นหัวอย่างเด็ดขาด
ในเมื่ออเหวินซินเหมยบอกว่าหลินจยาอวี่เป็นคนพูดประโยคนั้นกับอวี๋กานกาน
ดังนั้นหมายความว่าอวี๋กานกานเป็นคนที่รับรู้เรื่องนี้
เธอเคยเจออวี๋กานกานอยู่หลายต่อหลายครั้ง ถึงแม้ว่าเธอจะอิจฉาที่อวี๋กานกานคบกับฟังจือหันอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ยอมรับไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ
อาจจะเป็นเพราะโตมากับคุณปู่ตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยความทุ่มเททั้งหมดไปอยู่ทางด้านกานแพทย์แถมยังมีความเย่อหยิ่งฝังในกระดูกอีกด้วย
ถ้าไปถามเธอก่อน หากเธอรู้ความจริงก็คงไม่ช่วยหลินจยาอวี่โกหก ถึงจะไม่ให้คำตอบหรืออาจจะเลือกไม่ตอบก็ได้
แทนที่จะไปถามหลินจยาอวี่หรือไปถามน้องชายเธอที่กำลังหลงลูกหลงเมียนั่น ไม่สู้ไปถามอวี๋กานกานยังจะดีเสียกว่า
ลู่จิ้งอีให้เหวินซินเหมยกลับไปก่อนจากนั้นจึงนัดเจออวี๋กานกาน
อวี๋กานกานเองก็รู้สึกแปลกใจ เธอไม่สนิทกับลู่จิ้งอีจริงๆ แล้วก็คิดไม่ถึงด้วยว่าเธอจะมาถามเรื่องหลินจยาอวี่กับลูก
“ตกลงเด็กคนนั้นใช่ลูกของน้องชายฉันหรือเปล่าคะ”
“ถ้าไม่ใช่ลูกของน้องชายคุณแล้วจะเป็นลูกใครได้ละคะ” อวี๋กานกานถามกลับโดยไม่มีอารมณ์ขุ่นเคืองเลยสักนิด สงสัยเหวินซินเหมยคงยังไม่ยอมจบ ตอนนั้นเธอก็เป็นเหมือนหลินจยาอวี่ที่คิดว่าลู่เสวี่ยเฉินคงปลอมแปลงผลตรวจดีเอ็นเอ แต่ตอนนี้ดูแล้วเขาคงไม่ได้ปลอมแปลงสักนิด
“คุณอวี๋คะ ฉันคิดมาตลอดว่าคุณไม่ใช่คนที่ชอบพูดโกหก…”
อวี๋กานกานเอ่ยขัดคำพูดของเธอ “คุณมองดิฉันดีเกินไปแล้วค่ะ ให้คะแนนดิฉันสูง ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ดีค่ะ ไม่ต้องให้ดิฉันอธิบายซ้ำอีก ดิฉันให้คำตอบคุณไปแล้วจะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของคุณ”
เมื่อทิ้งประโยคนี้เอาไว้ อวี๋กานกานก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที
ลู่จิ้งอีวางกระแทกแก้วกาแฟในมืออย่างแรง นี่เรียกว่าให้คำตอบแล้วเหรอ
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้พูดอะไรสักคำ!
ตอนที่ 766 ช็อก! เขาคือพ่อแท้ๆ ของลูก (6)
ร่างกายของหลินจยาอวี่ฟื้นฟูขึ้นเร็วมาก นอนโรงพยาบาลแค่สองคืนก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว
พวกเขาอยู่ที่บ้านตระกูลลู่หลังออกจากโรงพยาบาล หลินกั๋วเฟิงและภรรยาก็มาเยี่ยมที่บ้านตระกูลลู่เช่นกัน
คุณหญิงลู่ยังรู้สึกผิดในใจเพราะเรื่องตรวจดีเอ็นเอ เธอจึงดีต่อหลินจยาอวี่จนไม่รู้จะดียังไงแล้ว
แต่คนในวัยห้าสิบ จู่ๆ ก็มีหลายชายตัวน้อยนุ่มนิ่มเพิ่มมาหนึ่งคน ผิวของหลานน้อยขาวจั๊วะ ไม่ร้องไห้งอแงและเป็นเด็กที่น่ารักมากๆ
หลินกั๋วเฟิงไม่ได้รักษาความเข้มงวดและเคร่งขรึมสักเท่าไหร่ เขาอุ้มหลานก้มหน้าก้มตาหยอกเล่นกับหลานอย่างอารมณ์ดี
บิดามารดาของหลินจยาอวี่ดีใจมากเมื่อเห็นภาพนี้
ตอนแรกที่หลินจยาอวี่แต่งงานกับลู่เสวี่ยเฉิน พวกเขามองในแง่ร้าย แต่ในเมื่อเด็กคลอดออกมาแล้วจะพวกเขาจะต่อต้านอีกก็ไม่ถูกไม่ควรนัก
เพียงแต่คิดว่าหากลูกมีความสุขที่เจอรักแท้แล้วต้อนรับอนาคตที่สดใส
บิดามารดาของหลินจยาอวี่มาเยี่ยมหลินจยาอวี่กับหลานและพักบ้านลู่ได้สองวันก็กลับไปและคิดว่าครบหนึ่งเดือนค่อยมาเยี่ยมใหม่
ก่อนอื่นคุณหญิงลู่บอกให้เธออยู่เดือน ไม่ว่ายังไงก็ไม่อนุญาตให้อาบน้ำสระผม ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้อกแตกตายสำหรับคนที่รักความสะอาดอย่างหลินจยาวี่
ช่วงนี้หลินจยาอวี่ขัดขืนไม่ให้ลู่เสวี่ยเฉินเข้าใกล้เธอและก็ไม่อยากนอนร่วมเตียงกับเขาด้วย
แต่ไม่ว่ายังไงลู่เสวี่ยเฉินก็ไม่ยอมแถมยังพาดแขนที่เอวเธออีกด้วย “ตอนคุณท้องเราก็นอนเตียงเดียวกันนี่นาตอนนี้คุณคลอดแล้วจะให้ผมไปนอนห้องรับแขกได้ยังไง นะคนดี รีบนอนเถอะครับ”
“ฉันไม่ได้อาบน้ำไงคะคุณ ตอนนี้ฉันมีกลิ่นตุๆ”
หลินจยาอวี่ขืนตัวใช้มือผลักลู่เสวี่ยเฉินให้ออกห่าง
แต่ลู่เสวี่ยเฉินก็ยังคงกอดเอวเธอต่อไป “ตัวคุณหอมจะตาย”
เขาไม่ได้พูดไปเรื่อยเปื่อยนะ เพราะทั้งร่างของเธอมีแต่กลิ่นนมหอมๆ แถมยังมีความหวานน้อยๆ อีกด้วย ดมแล้วชื่นใจสุดๆ
น้ำเสียงลุ่มลึกและลมหายใจอุ่นร้อนยั่วยวนชวนหลงใหลดังขึ้นที่ข้างหูของเธอ หลินจยาอวี่เงยหน้ามองเขา “…คุณทำแบบนี้ดูไม่เนียนเลยรึเปล่า”
“ไม่เนียนเหรอ งั้นให้ผมชิมหน่อยว่าเนียนหรือไม่เนียน” ชายหนุ่มกดแนบริมฝีปากของหญิงสาว หลินจยาอวี่อึ้งไปชั่วขณะแล้วต้องการรีบถอยหลังไป แต่กลับถูกเกี่ยวเอวเอาไว้แล้วบดจูบลงมาแนบแน่นกว่าเดิม
หลินจยาอวี่อดครางเสียงเบาออกมาไม่ได้
ชิมอะไรกันเล่า หอมหรือไม่มันชิมได้ด้วยหรือไง เห็นชัดว่าเขาอยากเอาเปรียบเธอมากกว่า
ตอนนี้คงกินไม่อิ่มแน่ๆ ทำได้เพียงจูบดูดดื่ม
แม้จะคลอดลูกแล้วแต่เธอก็ยังไม่เคยนัวเนียกับใครแบบนี้มาก่อน
เขากดทับแนบสนิทจนเธอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ตอนท้องเธออ้วนขึ้น พอคลอดลูกแล้วก็เริ่มไดเอทเพราะอยากผอมโดยเร็วที่สุด
แต่ว่าคุณแม่ลู่กลับเตรียมอาหารมากมายเพื่อบำรุงเธออยู่ทุกวี่วัน ไม่กินก็ไม่ได้อีกเพราะเสี่ยวเล่อเล่อต้องกินนมจากอกแม่ แต่เมื่อกินแล้วก็ได้รับโภชนาการมากจึงทำให้มีน้ำนมมากเกินไปและเต้านมก็บวมขึ้นอย่างรุนแรง
แม้เสี่ยวเล่อเล่อจะกินจุทุกวันแต่ก็ยังบวมเป่งอยู่ดี
ดังนั้นตอนนี้เธอจึงรู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก หายใจลำบากจึงยื่นมือดันชายหนุ่มเอาไว้ เพราะแรงน้อยชายหนุ่มก็เลยไม่ขยับห่างออกไปสักนิด
ในขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู
ตอนที่ได้ยินเสียงดัง “ปังๆๆ!” มาพร้อมกับเสียงร้องไห้ของเสี่ยวเล่อเล่อที่ดังตามมา
ตาหนูแผดเสียงร้องไห้จ้า แม้ห้องจะเก็บเสียงแค่ไหนก็ยังได้ยินอยู่ดี
ทั้งสองชะงักเล็กน้อย หลินจยาอวี่รีบผลักเขาออกแล้ววินาทีต่อมาประตูห้องก็ถูกคนดันเข้ามา จากนั้นคุณแม่ก็อุ้มเลี่ยวเล่อเล่อเข้ามาในห้อง “จยาอวี่ เล่อเล่อตื่นแล้วเอาแต่ร้องไห้ สงสัยคงจะหิวแล้ว”
หลินจยาอวี่รีบลงจากเตียงด้วยใบหน้าแดงระเรื่อและเขินอายเป็นอย่างมาก