ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 634 บทลงโทษ

เสียงของเนี่ยถิงในสายเงียบไป หลี่ว์ซู่รู้ได้ทันทีว่าแผนของเขาฟังแล้วไม่สมเหตุสมผลเลย เขารู้แหละว่าหัวหน้าของเครือข่ายฟ้าดินอย่างเนี่ยถิงคงไม่เข้าไปเผชิญหน้ากับปรมาจารย์หุ่นเชิดตรงๆ หรอก เธอมีพลังระดับ A อีกทั้งยังอยู่ใกล้เมืองมากเกินไป ต้องคิดถึงผลที่จะตามมาว่ากระทบต่อส่วนรวมมากแค่ไหน  

 

 

ไม่ใช่ว่าเนี่ยถิงกลัวหรอก แต่เป็นเพราะเขาไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะปรมาจารย์หุ่นเชิดได้จริงๆ หรือเปล่า แถมชีวิตของผู้บริสุทธิ์จะต้องเสียไปอีกเท่าไหร่ในการต่อสู้ของพวกคนระดับ A  

 

 

เครือข่ายฟ้าดินและองค์กรผู้บำเพ็ญอื่นๆ ต่างกันเพราะองค์กรอื่นๆ นั้นมีวัตถุประสงค์หลักในการดูแลธุระระหว่างประเทศและทรัพยากรการบำเพ็ญ ในขณะที่เครือข่ายฟ้าดินนั้นวางตัวเหมือนเป็นผู้คอยปกป้องคนอื่นมากกว่า  

 

 

เนี่ยถิงมองว่าตนไม่คู่ควรที่จะเป็นหัวหน้าของเครือข่ายฟ้าดิน หากเขาดึงดันไปประจันหน้ากับปรมาจารย์หุ่นเชิดในเมืองลั่วโดยมีเมืองทั้งเมืองเป็นเดิมพัน  

 

 

หลี่ว์ซู่เลยเข้าใจสถานการณ์ของตัวเอง ถ้ามีคนที่มีพลังระดับ A อยู่ในเมือง แล้วมีระเบิดปรมาณูอยู่หนึ่งลูก เขาจะกล้ากดสั่งยิงระเบิดไปที่เมืองนั้นจริงๆ เหรอ  

 

 

เพราะฉะนั้นเครือข่ายฟ้าดินก็ต้องมีทางเลือกใหม่ ตอนนี้คนจากเครือข่ายฟ้าดินมาที่โรงแรมที่เพิ่งสร้างใหม่ของหลี่ว์ซู่เต็มไปหมด แต่ไม่มีใครกล้าไปที่โรงแรมของหลี่อีเสี้ยวเลย เอ่อ… ว่าแต่ชื่อโรงแรมชื่ออะไรนะ  

 

 

ก่อนหน้านี้เครือข่ายฟ้าดินไม่ได้จับตามองหลี่อีเสี้ยวมาก เพราะยอดฝีมือคนนี้ไม่ค่อยชอบใจนักที่ตัวเองถูกจับตามอง ราวกับว่าเขามีสัมผัสที่หก รับรู้ได้ถึงลางบางอย่างหลังจากเชื่อมจิตกับสวรรค์และโลกได้ เพราะฉะนั้นหากปรมาจารย์หุ่นเชิดรู้ตัวว่าโดนจับตาดูอยู่ เธอก็อาจออกไปเข่นฆ่าสังหารคนไปทั่วได้ เครือข่ายฟ้าดินนั้นรอบคอบและระมัดระวังในการจัดการศัตรูมาก พวกเขาจะลอบสังเกตการณ์ศัตรูเพื่อประเมินพลังอยู่ไกลๆ และไม่เคยประมาทพลังของศัตรูเลย และคนอย่างปรมาจารย์หุ่นเชิดที่ได้แสดงออกมาแล้วว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์มากแค่ไหนก็คงจะไม่รอโดนจับตาด้วยเหมือนกัน  

 

 

ในอีกแง่หนึ่ง เครือข่ายฟ้าดินอยากเห็นว่าศัตรูจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางไหน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมโรงแรมของหลี่ว์ซู่จึงถูกเลือก สมาชิกเครือข่ายฟ้าดินซ่อนตัวอยู่ในโรงแรมและสื่อสารกันด้วยการเขียนลงกระดาษ ขนาดกล้องวงจรปิดยังถูกตั้งให้แสดงผลช้าไปสิบห้าวินาทีอีกด้วยเพราะกลัวว่าปรมาจารย์หุ่นเชิดจะเห็นความผิดปกติได้หากตั้งไว้ตรงเวลา  

 

 

ในตอนบ่ายของวันเดียวกันนั้น เฉินไป่หลี่รีบรุดมาที่เมืองลั่ว เขาพักอยู่ที่วิทยาลัยลั่วเฉิงแบบเงียบๆ  

 

 

ถึงการไปดูแลชายแดนจะสำคัญเหมือนกัน แต่เดี๋ยวนี้การจัดการบริเวณแถบชายแดนก็ดีขึ้นมากแล้ว แถม อันเชิง ที่เพิ่งเลื่อนระดับเป็นระดับ B ก็สามารถช่วยเฉินไป่หลี่ตรวจดูแถวชายแดนทิเบตตอนใต้ชั่วคราวให้เขาได้แล้ว  

 

 

นี่แสดงให้เห็นว่าเครือข่ายฟ้ามีคนที่มีความสามารถมากขนาดไหน และทางเครือข่ายฟ้าดินเองก็ไม่สามารถหาคนมาแทนได้ทัน ถ้าไม่เร่งการฝึกฝนบำเพ็ญให้เร็วมากพอ  

 

 

เมื่อเนี่ยถิงเห็นว่าอวิ๋นอี่มาถึงที่นี่ เขาก็ตัดสินใจที่จะส่งหลี่ว์ซู่ออกนอกประเทศทันที แทนที่จะเป็นอีกสามวันให้หลังอย่างที่วางแผนไว้ตอนแรก พอหลี่ว์ซู่ไม่อยู่ในประเทศแล้ว ปรมาจารย์หุ่นเชิดอาจจะไม่อยากสร้างศัตรูเพิ่มหลังจากที่ไปเผชิญหน้ากับนักบุญมาแล้วก็ได้  

 

 

พวกเขาคงไม่อยากบุ่มบ่ามเข้าหาเป้าหมายหากหลี่ว์ซู่ไม่อยู่ในประเทศแล้ว  

 

 

เอาจริงๆ หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรนักหรอก เขาควรจะไปต่างประเทศเพื่อไปกวนประสาทคนอื่นๆ สิ แต่นี่ดูเหมือนเขาต้องหนีไปต่างประเทศเพราะลี้ภัยมากกว่า  

 

 

เขาสงสัยว่าอวิ๋นอี่จะอยู่ในประเทศจีนต่อไปอีกนานแค่ไหน ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มาพักแค่ระยะเวลาสั้นๆ เลยนะ แต่เธอมาทำอะไรกันล่ะ เธอเป็นถึงระดับ A แล้ว ซึ่งแปลว่าเธอไม่จำเป็นต้องรับคำสั่งจากใครในโลกนี้ก็ได้ แต่ทำไมเธอถึงดูท่าทางเหมือนกำลังรับใช้ใครสักคนอยู่  

 

 

แถมตอนนั้นเองเธอยังอยากฆ่าปลาเล็กสีขาวตอนรู้ว่าโดนหักหลังด้วย ดูเหมือนว่าเป้าหมายที่พวกเขากำลังทำกันอยู่คือการตามล่าหาพวกลูกน้องเก่าให้มารับใช้นาย  

 

 

แต่ทำไมพวกลูกน้องเก่าๆ ถึงไปอยู่ในโบราณสถานได้ล่ะ หลี่ว์ซู่เริ่มคิดไปถึงกลุ่มโบราณอี และอีกกลุ่มหนึ่ง… ที่อาจเกี่ยวกับที่มาของการฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณก็ได้  

 

 

พอหลี่ว์ซู่เก็บของเสร็จ เขาก็รีบไปที่สถานีรถไฟเมืองลั่วเพื่อไปพบกับกลุ่มนักบำเพ็ญลับ เขาเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวเองเป็นหลี่เถิงแล้วเรียบร้อย ถ้าตามแผนก็คือพวกเขาจะบินเข้าประเทศรัสเซียก่อน จากนั้นก็จะปฏิบัติารกิจภายใต้ชื่อว่ากลุ่มแลกเปลี่ยนทางการแพทย์  

 

 

องค์กรผู้บำเพ็ญของรัสเซียนั้นแผ่ขยายอำจาจไปถึงในยุโรปเลย แล้วที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาจะต้องหลีกเลี่ยงอาณาเขตของฝ่ายศรัทธาด้วย ปัจจุบันกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีความทะเยอทะยานที่จะแผ่อำนาจขยายอาณาเขตมาก เครือข่ายฟ้าดินหวังว่าจะสามารถผูกพันธมิตรจากฝั่งยุโรปได้ และจะขัดขวางการขยายอำนาจของพวกเขาด้วย  

 

 

แล้วในที่สุดกลุ่มแลกเปลี่ยนทางการแพทย์ก็เดินทางมาถึงสวีเดนแล้ว และพวกเขาก็เข้าร่วมกับกลุ่มเทพเจ้าทันที…  

 

 

พอหลี่ว์ซู่ได้ยินดังนั้น เขาก็รู้ว่าเนี่ยถิงโกหกเรื่องหน้าที่ของเขาในภารกิจนี้มาโดยตลอด เนี่ยถิงอยากให้เขาใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ที่มีกับคอรัลในภารกิจครั้งนี้ ไม่ใช่ให้มาปกป้องกลุ่มอะไรหรอก  

 

 

ปรมาจารย์หุ่นเชิดออกไปจากโรงแรมก่อนที่หลี่ว์ซู่จะออกเมืองไปเสียอีก ทุกคนประหลาดใจมากที่ครั้งนี้เธอไปที่กลางใจเมืองเพื่อไปซื้อของใช้ในซูเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นค่อยไปดูหนังแล้วไปกินหม้อไฟจีนในร้านอาหารเฉวียนโจว…  

 

 

สมาชิกทุกคนในเครือข่ายฟ้าดินรวมถึงหลี่ว์ซู่ถึงกับพูดไม่ออก เธอดูเหมือนมนุษย์ทั่วๆ ไปเท่านั้น  

 

 

ตอนนั้นหลี่ว์ซู่ออกไปเดินเล่นแถวๆ สวนสตรอว์เบอร์รีของหัวหน้าหมู่บ้านก่อนที่เขาจะไป เขาได้เด็ดขโมยสตรอว์เบอร์รีมาเพื่อเป็นขนมไว้กินระหว่างทาง น่าหลานเชวี่ยบอกว่าหัวหน้าหมู่บ้านได้ทิ้งเศษขยะจากการก่อสร้างไว้ที่หน้าประตูโรงแรมของพวกเขาตอนเที่ยงคืน ร้ายกาจอะไรแบบนี้!  

 

 

จากนั้นหลี่ว์ซู่เลยเอาสีแดงที่ได้มาจากกลุ่มทวยเทพออกมา และเขียนลงบนกำแพงโรงแรมที่เพิ่งสร้างใหม่ตัวใหญ่เป้งว่า ‘เอาออกไป’  

 

 

พอหัวหน้าหมู่บ้านกลับมาตรวจดูความคืบหน้าในการก่อสร้างต่อ เขาก็อึ้งจนพูดไม่ออก คนบ้าที่ไหนมาทำอะไรแบบนี้เนี่ย!  

 

 

แล้วภรรยาของเขาก็รีบออกมารายงานเขาว่าสตอรว์เบอร์รีหายไปหมดแล้ว…  

 

 

ในตอนนี้เอง หัวหน้าหมู่บ้านก็รู้ได้ทันทีเลยว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เขาได้นำคนจำนวนหนึ่งไปยังโรงแรมของหลี่ว์ซู่ แต่ละคนต่างถือท่อเหล็กที่ได้จากสถานที่ก่อสร้างมาในมือ นี่เป็นบทเรียนที่เขาได้รับ ไม่มีนักเรียนห้องเต้าหยวนคนไหนหรอกที่จะหนีรอดลอยนวลไปได้หลังจากมาหาเรื่องพวกชาวบ้านแบบนี้ วิธีก็คือส่งคนไปแอบถ่ายวิดิโอเอาไว้และอัปโหลดออนไลน์ซะหากพวกนักเรียนกล้าใช้ความรุนแรง จากนั้นเดี๋ยวนักเรียนพวกนี้ก็จะถูกรุมสั่งสอนจากบรรดาคอมเมนต์ออนไลน์จนหลาบจำและไม่กล้าทำอีก!  

 

 

กลุ่มชาวบ้านรีบมุ่งหน้าไปที่โรงแรมอย่างอุกอาจ แต่พอไปถึงก็พบว่าประตูหน้าปิดสนิทและข้างในเงียบมาก ลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านเลยถีบประตูเข้าไปด้วยความโมโห  

 

 

ทันใดนั้นก็มีเสียง แกร๊ง! ดังตัดความเงียบขึ้นมา พวกเขาเห็นกลุ่มพวกเครือข่ายฟ้าดินอยู่ในโรงแรม แต่ละคนถือดาบอยู่ในมือและเตรียมตัวพร้อมสู้  

 

 

สมาชิกเครือข่ายฟ้าเห็นแล้วก็พูดไม่ออก พวกเขาคิดว่านั่นเป็นปรมาจารย์หุ่นเชิดที่กลับมาจากร้านหม้อไฟเสียอีก!  

 

 

หัวหน้าสมาชิกเครือข่ายฟ้าดินถามด้วยสีหน้าน่ากลัว “ยกพวกมาทำอะไรกันที่นี่!”  

 

 

ลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านมองไปที่ท่อเหล็กในมือของตัวเองแล้วเลยถามออกไป  

 

 

“พี่ชาย อยากดูโชว์เต้นรูดเสาหรือเปล่า”  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากหลิวเหว่ยต้ง +999!]  

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จาก…]  

 

 

ทันใดนั้นหัวหน้าหมู่บ้านก็เข้าใจในทันทีว่าลูกชายของเขาจะเปลี่ยนเรื่อง ก็สมาชิกเครือข่ายฟ้ามาอยู่ที่นี่กันแทนนี่นา! โอ๊ย!  

 

 

ช่างน่ารังเกียจอะไรแบบนี้!  

 

 

ในขณะนั้นหลี่ว์ซู่ก็ไปถึงสถานีรถไฟแล้ว ดูจากเวลาแล้วป่านนี้หัวหน้าหมู่บ้านน่าจะโดนลงโทษเรียบร้อยแล้วล่ะ และปรมาจารย์หุ่นเชิดก็กำลังกินหม้อไฟอยู่ที่ร้านอาหารและยังไม่กลับมาที่โรงแรมเลย งั้นครั้งนี้ครอบครัวหัวหน้าหมู่บ้านก็คงจะได้รับบทเรียนแล้วละนะ…  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset