ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 646 คุณไม่คู่ควรหรอก

หลี่ว์ซู่เดินไปตามถนน เขาเก็บของที่ได้มาจากจ้าวหย่งเฉินเข้าไปในตราแผ่นดิน ขณะมองออกไปสุดลูกหูลูกตาตัวเองเขาก็พบว่าแอฟริกานั้นช่างรกร้างและทรุดโทรมเหลือเกิน

 

 

ที่แห่งนี้ผ่านสงครามมาหลายต่อหลายรอบแล้ว พวกชาวบ้านเองก็ไม่ค่อยกล้าหาญกันมากนัก พวกเขาอยากจะเก็บเกี่ยวโดยไม่ต้องหว่านเมล็ดสินะ บุคลิกของคนที่นี่แตกต่างจากผู้คนที่บ้านที่เขาจากมาจริงๆ ที่ดินพวกนี้อุดมสมบูรณ์มาก และมีทรัพยากรมากมายที่ยังไม่มีใครเอื้อมมือมาแตะ

 

 

พอหลี่ว์ซู่เดินผ่านอาคาร เขาก็เห็นว่ามีรูโหว่อยู่ตามตึก กำแพงเองก็มีร่องรอยทรุดโทรมอยู่นับไม่ถ้วน

 

 

พอเขาเดินกลับไปที่วิลล่า ทุกคนอยู่ในห้องนั่งเล่นกันหมด พวกเขากำลังพูดคุยกันว่าจะเอาอย่างไรกันต่อไป หลี่ว์ซู่เพิ่งเห็นว่าพอเขาออกไป พวกผู้บำเพ็ญลับและกลุ่มนักเจรจาทั้งสามคนก็ดูจะสนิทสนมกันมากขึ้น เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมคนสองกลุ่มนี้ถึงได้สนิทกันรวดเร็วขนาดนี้ละ

 

 

อันที่จริงแล้วหลี่ว์ซู่คาดไม่ถึงเลยว่าพวกนักบำเพ็ญลับและกลุ่มนักเจรจาจะรวมกันเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวได้เพราะมีศัตรูคนเดียวกัน และศัตรูคนนั้นก็คือหลี่ว์ซู่นั่นเอง พวกเขาก็เลยเข้ากันได้ดีอย่างที่เห็น…

 

 

พอหลี่ว์ซู่เดินเข้ามาในวิลล่า เขาก็เดินตรงขึ้นไปชั้นบน หลิวฝานก็ตะโกนไล่หลังเขามา “ไปไหนมา แร่พวกนี้สำคัญมากนะ ไม่คิดว่าจะมาช่วยพวกเราหน่อยเหรอ พวกเราทุ่มเทกันมากนะ นายจะยืนดูอยู่เฉยๆ งั้นเหรอ”

 

 

หลี่ว์ซู่ชะงัก “แล้วพวกนายทำอะไรกันไปแล้วบ้างละ”

 

 

พอเขาพูด หลิวฝานและทุกคนต่างก็ปั่นป่วนกันหมด ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนทำได้ก็มีแค่ถกปัญหากันเท่านั้น สำหรับขั้นตอนที่ชัดเจนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น พวกเขาเองก็ยังไม่รู้ อย่าว่าแต่จะเริ่มเจรจาเลย พวกเขายังไม่เห็นคนจาก EO เลยสักคน ถ้าจะมาถามพวกเขาว่าได้ทำอะไรไปแล้วจริงๆ ละก็… หลิวฝานเองก็ยังตอบไม่ได้

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากหลิวฝาน +99!]

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเซี่ยเหรินเซิง…]

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ได้จะว่าใครทั้งนั้น แต่เขาไม่นับว่าการที่ทุกคนช่วยกันถกปัญหานั้นจะช่วยแก้ปัญหาอะไร

 

 

“การเจรจาจะได้เริ่มแน่ๆ ละ พวกเราต้องเตรียมตัวก่อนล่วงหน้าจะได้เจรจาอย่างราบรื่น” หลินกานอวี่พูดเสียงเย็น

 

 

หลี่ว์ซู่พยักหน้ารับรู้แล้วเดินขึ้นไป ถ้าเขาพูดอะไรไปตอนนี้ก็คงไม่มีใครเชื่อเขา… แต่เขาคิดว่าการเจรจาคงไม่เกิดขึ้นหรอก…

 

 

ถ้าจะให้พูดอีกอย่าง… หากเขาลงมือสำเร็จ การเตรียมการทั้งหมดของหลิวฝาน หลินกานอวี่ และทุกๆ คนก็จะไร้ความหมาย แต่หลี่ว์ซู่โทษพวกเขาที่อยากริเริ่มทำอะไรสักอย่างไม่ได้หรอก

 

 

ตอนนี้เครือข่ายฟ้าดินอยากได้ทรัพยากรแร่ทั้งหมดมา หลี่ว์ซู่ประเมินสถานการณ์นี้ไว้แล้ว เขารู้สึกว่าถ้ามีองค์กรใดองค์กรหนึ่งเอาทรัพยากรแร่ทั้งหมดไป องค์กรอื่นๆ ก็คงจู่โจมพวกเขาแน่ๆ เขาไม่รู้ว่าจะเอาแร่มาได้ยังไง แต่ตอนนี้เขาตัดสินใจแล้วว่าต้องสร้างสถานการณ์ป่วนพวกองค์กรอื่นๆ ก่อน

 

 

หลี่ว์ซู่เดินกลับห้องไป จากนั้นเขาก็คว้าเอาของที่จ้าวหย่งเฉินให้เขาออกมา ในนั้นมีชุดทหารและหมวกทหาร

 

 

เขาเปลี่ยนชุดและเปลี่ยนหน้าตาเป็นเบ็นเนตต์ จากนั้นก็กระโดดออกไปจากหน้าต่าง ตอนแรกเขาปาเต้าหู้เหม็นไปใส่พวกองค์กรใหญ่ๆ ให้พวกเขาหยุดเฝ้าระวังตรวจตรา ตอนนี้พืชพรรณต้นไม้ทั้งหลายต่างก็มีกลิ่นเต้าหู้เหม็นเต็มไปหมด ไม่มีใครทนอยู่ในนั้นได้นานหรอก นี่ช่วยให้หลี่ว์ซู่เคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้นเยอะ

 

 

ถ้าเขาไม่ทำแบบนั้น แล้วเกิดมีคนเห็นเขากระโดดออกมาจากหน้าต่าง เขาจะทำยังไงนะ

 

 

เมื่อคิดแบบนั้น หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกว่าตัวเองสายตากว้างไกลเหลือเกิน ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยก็ตาม

 

 

หลี่ว์ซู่เดินไปจนถึงวิลล่าที่กลุ่มฟีนิกซ์อยู่ พวกสมาชิกกลุ่มฟีนิกซ์แบ่งเวรเฝ้ายามบริเวณหน้าประตูไว้ ตอนแรกพวกเขาก็ไม่ได้กะจะทำแบบนี้หรอก แต่ตอนนี้พวกเขาต้องทำเช่นนี้เพื่อหลบกลิ่นของเต้าหู้เหม็น กลิ่นของมันชวนอ้วกและทำให้คลื่นไส้ไปทั้งคืน กระทั่งตอนนี้กลิ่นเหม็นๆ ของมันก็ยังไม่จางไปเลย

 

 

หลี่ว์ซู่ยืนอยู่หน้าประตูด้วยอย่างใจเย็น “ฉันมีเรื่องจะคุยกับฮาเวิร์ด”

 

 

สมาชิกกลุ่มฟีนิกซ์มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร สุดท้ายพวกเขาก็ต้อนรับหลี่ว์ซู่เข้าไปข้างใน ช่วงบ่ายพวกเขายังพูดกันอยู่เลยว่าเบ็นเนตต์จะมาเจรจากับองค์กรที่ตัวคนร้ายเจอก่อน ทีแรกพวกเขากะจะรอกันอย่างใจเย็น แต่ไม่คิดเลยว่าเบ็นเนตต์จะมาหาพวกเขาด้วยตัวเองแบบนี้!

 

 

ดูเหมือนว่าข้อความที่ส่งมาจะเป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นสินะ พวกเขาคงต้องแกล้งทำเป็นเดินไปทางหนึ่งเพื่อที่จะหลบออกไปอีกทางหนึ่งนั่นเอง!

 

 

ฮาเวิร์ดเดินยิ้มออกมา เขาพูดอย่างภูมิใจ “คุณเบ็นเนตต์ คุณตัดสินใจได้ฉลาดมาก กลุ่มฟีนิกซ์ของเราจะเป็นคู่ค้าอย่างดีที่สุดเลย”

 

 

หลี่ว์ซู่เลยตอบอย่างใจเย็น “เจรจากันไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก มาดูของจริงกันเลยดีกว่า สุดท้ายแล้วแต่ละองค์กรก็แข่งขันกันอย่างหนักหน่วงละนะ กลุ่มฟีนิกซ์จะมีอะไรมาเสนอละ”

 

 

“พวกเรามีทุกอย่างที่องค์กรอื่นๆ มี ได้ยินว่าลูกชายของคุณเบ็นเนตต์ยังไม่ปะทุพลังนี่ กลุ่มฟีนิกซ์ของเรามีผลไม้ที่ช่วยให้ปะทุพลังสายธาตุดินได้นะ” ฮาเวิร์ดกล่าว

 

 

หลี่ว์ซู่ผิดหวังนิดหน่อย เขาเอาผลไม้ไปใช้อะไรไม่ได้หรอก เขากินมันไม่ได้ด้วย จะดีแค่ไหนกันถ้าเขาหาอาวุธได้! แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไร ฮาเวิร์ดก็ไม่ให้เขาฟรีๆ หรอก เขาพูดออกไปเสียงเรียบ “อ้าว งั้นจะรออะไรละ…”

 

 

“ฮ่าๆ ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลยคุณเบ็นเนตต์” ฮาเวิร์ดเชิญเบ็นเนตต์ให้นั่งบนโซฟา ตอนนี้หลี่ว์ซู่เห็นแล้วว่าตำแหน่งของฮาเวิร์ดนั้นอยู่สูงกว่า พวกนี้ยืนอยู่บนที่ดินของ EO แท้ๆ แต่กลับทำตัวว่าเป็นเจ้าของของที่นี่ สงสัยนี่จะเป็นสิ่งที่คนมีอำนาจเขาทำกันสินะ

 

 

เอาจริงๆ แล้วการทำลาย EO ในสายตาของผู้มีพลังระดับ A นั้นก็เหมือนการเล่นเกมง่ายๆ ให้ชนะเท่านั้นเอง และนี่ก็เป็นองค์กรที่มีอำนาจล้นมือที่แท้จริง

 

 

แต่ครั้งนี้หลี่ว์ซู่ไม่ได้มาเพื่อรับสินค้าอะไรทั้งนั้น เพราะผู้รับผิดชอบหน้าที่ดูแลงานในต่างประเทศขององค์กรใหญ่ๆ จะต้องไม่เอาตัวเองไปผูกกับอะไรง่ายๆ ถ้าไม่แน่ใจว่าผลจะสำเร็จจริงๆ แล้วไอ้การเสนอจ่ายโดยไม่ดูสินค้าก่อนนี่มันถูกต้องตามตรรกะแล้วหรือ แต่พวกเขาไม่มีอะไรต้องกลัวอยู่แล้วนี่เพราะพวกเขามีพรรคพวกหนุนหลังที่แข็งแกร่ง!

 

 

หลี่ว์ซู่คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามันคงดูไม่น่าเชื่อนักถ้าเขาหวังจะเอาอะไรกลับไปจริงๆ เขาแค่อยากมาลองเชิงเท่านั้น แต่ว่าเขาไม่มีเวลาเหลือแล้ว เขาต้องเข้าประเด็นเดี๋ยวนี้

 

 

หลี่ว์ซู่หยุดคิดครู่หนึ่งก่อนเอ่ย “กลุ่มฟีนิกซ์อยากได้ทรัพยากรแร่ผ่านพวกเราใช่ไหมล่ะ”

 

 

เขาเข้าประเด็นเต็มๆ ทุกคนต่างก็ตั้งใจเช่นนี้ และหลี่ว์ซู่ก็อยากที่จะให้พวกเขาเปิดเผยมันออกมาตรงๆ ฮาเวิร์ดหัวเราะและทำใจให้เย็นลง น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปทันทีหลังหยุดหัวเราะ “ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึงต้องเรียกองค์กรใหญ่มารวมตัวกันที่นี่ด้วย คุณเบ็นเนตต์ คุณพูดมาถึงขนาดนี้แล้ว เราคงต้องเปิดไพ่แล้วละนะ”

 

 

“องค์กรทหารรับจ้าง EO ของเราเติบโตขึ้นมากในแอฟริกา แต่ว่าเรากลับเจอตออันใหญ่ พวกเราอ่อนแอเกินกว่าจะไประดับโลกได้ พวกเราก็เลยวางแผนให้องค์กรใหญ่มาคอยปกป้องพวกเราด้วยการเจรจานี้ พูดกันตามตรงแล้ว มันก็คือการรวมกิจการกันนั่นแหละ” หลี่ว์ซู่ว่า เขาหาเหตุผลมารองรับไปเรื่อย

 

 

ดวงตาของฮาเวิร์ดส่องประกาย นี่สินะคือความตั้งใจของเบ็นเนตต์ กลุ่มฟีนิกซ์ถูกเลือกเป็นกลุ่มแรกก็เพราะอำนาจอันล้นเหลือของพวกเขา!

 

 

สำหรับการรวมกิจการครั้งนี้ กลุ่มฟีนิกซ์จะรอจนกว่าพวกเขาสามารถยึดอำนาจจากเบ็นเนตต์และคนอื่นๆ ได้ ถึงตอนนั้นก็คงไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก!

 

 

ฮาเวิร์ดหัวเราะ “คุณคิดยังไงกับกลุ่มฟีนิกซ์ของเรา คุณเบ็นเนตต์”

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบไปสักพักก่อนตอบ “องค์กรของคุณไม่คู่ควรหรอก”

 

 

ฮาเวิร์ด “…”

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากฮาเวิร์ด มิลเลอร์ +999!]

 

 

ฮาเวิร์ดไม่เข้าใจเบ็นเนตต์เลยสักนิด ปัญหามาถึงขนาดนี้แล้ว เขามาเพื่อพูดแค่นี้เนี่ยนะ! บ้าไปแล้วรึไง!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset