ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 707 ไม่รับค่ะ

ข้างนอกโบสถ์เซนต์พอลมีเลือดนองอยู่เต็มไปหมด แต่ความป่าเถื่อนและความรุนแรงทั้งหลายนั้นไม่มีผลกระทบเข้ามาในโบสถ์เลย

 

 

“คุณหลี่ว์ซู่ คุณยอมรับคุณคอรัล จอห์นสันเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณ จะมีกันและกัน จากวันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าชีวิตจะดีขึ้น แย่ลง ร่ำรวยขึ้น หรือยากจนลง ไม่ว่าจะเจ็บป่วย หรือสุขภาพดี เพื่อที่จะรัก และยกย่องกันและกัน จากวันนี้จนกว่าความตายจะแยกคุณทั้งสองออกจากกันหรือไม่”

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบไปนาน เขาเคยดูฉากนี้ในหนังมาแล้ว แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะมาเป็นตัวเอกเสียเอง

 

 

“รับครับ”

 

 

คอรัลกอดคอหลี่ว์ซู่แน่นด้วยพลังทั้งหมดที่เธอเหลืออยู่ เหมือนกับว่าเธอกำลังกอดความอบอุ่นเดียวในโลกที่เหลืออยู่

 

 

“คุณคอรัล จอห์นสัน คุณยอมรับคุณหลี่ว์ซู่เป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณ จะมีกันและกัน จากวันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าชีวิตจะดีขึ้น แย่ลง ร่ำรวยขึ้น หรือยากจนลง ไม่ว่าจะเจ็บป่วย หรือสุขภาพดี เพื่อที่จะรัก และยกย่องกันและกัน จากวันนี้จนกว่าความตายจะแยกคุณทั้งสองออกจากกันหรือไม่”

 

 

เธอเงียบ

 

 

“ขอโทษด้วยนะหลี่ว์ซู่” คอรัลพูดด้วยน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม “ไม่รับค่ะ” น้ำตาหยดนั้นไหลลงมาจากตาเธอเหมือนกับว่ามันกำลังไหลลงเหว คอรัลยิ้มทั้งน้ำตา

 

 

“ฉันเคยพูดไปแน่ะ แต่ว่านายคงจะไม่ได้ยิน เดี๋ยวจะพูดอีกรอบนะ หลี่ว์ซู่ ได้โปรดอยู่กับฉันไปตลอดชีวิตเถอะนะ ถ้าเธอบอกว่าไม่ ฉันก็จะรอจนกว่าที่เธอจะยอมตกลง แต่ถ้าเธอไม่พูดอะไร ฉันก็จะคิดไปอีกอย่างนะ”

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกเหมือนกับว่ามีมือขนาดยักษ์กำลังบีบหัวใจเขาอยู่ เลือดของเขาที่กำลังหล่อเลี้ยงร่างกายเกือบหยุดเดินด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส

 

 

“จริงๆ แล้วฉันได้ยินแล้วล่ะ”

 

 

“จริงๆ แล้วฉันก็รู้ว่านายได้ยินแล้ว” คอรัลยังยิ้มต่อไป “ฉันรู้นะว่าฉันพยายามมากกว่านาย แต่ก็ไม่สำคัญแล้วล่ะ ฉันแค่หวังว่าจะมีสักวันที่นายจะชอบฉันตอบบ้าง แล้วตอนนี้ความหวังนั้นก็ได้ถูกเติมเต็มแล้ว” หลี่ว์ซู่พูดไม่ออก คอรัลตบหน้าอกหลี่ว์ซู่เบาๆ แล้วพูดออกมา

 

 

“ในที่สุดฉันก็มีตัวตนในนี้แล้ว ฉันเห็นแก่ตัวเหลือเกินที่ให้นายมาอยู่ด้วยจนวาระสุดท้ายอย่างนี้ แต่ฉันไม่อยากให้นายใช้ชีวิตอยู่ใต้การตายของฉันตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปหรอก งั้นก็ขอโทษนะหลี่ว์ซู่ที่ฉันไม่เห็นด้วย ฉันเห็นด้วยไม่ได้จริงๆ ที่จริงแล้วฉันมีความลับน่ะ ฉันคิดมาตลอดว่าฉันคงจะไม่รักนายขนาดนี้ถ้ากุงเนียร์ฉันไม่แตกหรอก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันไม่อยากจะยอมรับมันเลย ให้อภัยฉันด้วยนะ ตอนนี้ก็คงเป็นจุดจบที่ดีที่สุดของฉันแล้วล่ะ ดีใจที่มีนายอยู่บนโลกนี้” คอรัลใช้นิ้วของเธอลูบไล้ไปตามหน้าของหลี่ว์ซู่ “ลาก่อนนะที่รักของฉัน”

 

 

จากนั้นก็มีเสียงแตกร้าวที่เหมือนกับว่าคอรัลกำลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หลี่ว์ซู่รู้สึกได้ถึงพลังที่กำลังจางหายออกไปจากตัวเธออย่างรวดเร็ว จนพลังของเธออ่อนแอจนจับไม่ได้อีกต่อไป ตาของคอรัลปิดลง และขนตาที่น่ารักน่าชังของเธอจะไม่ขยับอีกต่อไปแล้ว มือที่มองไม่เห็นกำลังหยิบหัวใจของหลี่ว์ซู่ขึ้นมาอย่างทรงพลังและโหดร้าย ความเจ็บปวดนี้มันทำให้เขาหายใจไม่ออก บาทหลวงคนนั้นถอนใจออกมาอย่างหนัก เขาตบไหล่หลี่ว์ซู่แล้วเดินออกไปจากประตูและทิ้งให้โลกทั้งใบเงียบงันสำหรับเขา

 

 

ทันใดนั้นเองรอยสีขาวบนมือของหลี่ว์ซู่ก็สว่างวาบขึ้นมา กุงเนียร์แตกๆ ของคอรัลเปลี่ยนเป็นดาวส่องแสงเจิดจรัสบนมือของเขา จากนั้นหลี่ว์ซู่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขาได้เข้าไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งซึ่งดูเหมือนจะซ่อนเร้นความประสงค์อันยิ่งใหญ่และเป็นนิรันดร์

 

 

“ในที่สุดยุคใหม่ก็มาถึงแล้ว” มีเสียงคนคนหนึ่งพูดกับโลกนี้ขึ้นมา เสียงนั้นดูเหมือนจะส่งผ่านมาที่หัวของหลี่ว์ซู่อย่างตรงๆ หลี่ว์ซู่เงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ที่สูงตระหง่านด้วยความเงียบงัน มีต้นไม้โผล่ขึ้นเหนือท้องฟ้าและมีสิ่งมีชีวิตใช้ชีวิตอยู่บนต้นไม้ในแต่ละกิ่งอย่างที่คอรัลเคยอธิบายไว้เลย รากเป็นหมื่นๆ รากโผล่ขึ้นมาจากใต้ดินและชอนไชไปทั่ว

 

 

“คุณเป็นใครกัน” หลี่ว์ซู่ถาม

 

 

“ข้าเป็นต้นไม้แห่งโลกอย่างที่เจ้าเห็นอยู่นี่แหละ เจ้ามาที่นี่พร้อมกับกุญแจ และข้าก็รอเจ้ามาตลอด”

 

 

“อ๋อครับ” หลี่ว์ซู่ตอบ แล้วเขาก็เงียบไป เขาไม่รู้สึกอะไรเลย เหมือนว่าหัวใจของเขาได้ตายไปแล้ว จากนั้นเสียงนั้นก็เย้าแหย่

 

 

“ความรู้สึกของเด็กผู้หญิงที่มีต่อเจ้าเกิดขึ้นมาได้จากลำต้นใหญ่ เดี๋ยวความเจ็บปวดของเจ้าก็หายไปเองถ้าเจ้าจำสิ่งนี้ได้”

 

 

“บ้าไปแล้วน่ะสิ!” หลี่ว์ซู่มองต้นไม้แห่งโลกกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

 

แต่เสียงนั้นไม่ได้โกรธเกรี้ยวกลับมา และมันยังคงวิเคราะห์ต่อไป “ที่จริงแล้วยังมีทางจะช่วยชีวิตเธออยู่นะ แต่เจ้าต้องแลกกับการยกต้นไม้แห่งโลกนี้ให้เธอไป รู้บ้างหรือไม่ว่าทำไมเธอถึงตกหลุมรักเจ้าทั้งที่เจ้าเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น สายเลือดของเธอนั้นบริสุทธิ์อย่างหาใดมาเปรียบไม่ได้เหมือนกับบรรพบุรุษของเธอ คงจะพูดไม่ผิดนักว่าเธอเป็นถึงเทพีของโลกของเจ้า แล้วเทพีจะมาตกหลุมรักมนุษย์ได้อย่างไร”

 

 

“ข้าน่ะเป็นของเจ้ามาเนิ่นนาน และความรู้สึกของเธอก็ฝังลึกอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับกุงเนียร์และข้าเอง เมื่อเป็นแบบนี้เจ้าจะยอมช่วยชีวิตเธอไหมล่ะ”

 

 

เสียงนั้นดังขึ้นมาอีก ดูเหมือนว่าหลี่ว์ซู่จะมีความเกี่ยวข้องกับสายเลือดแห่งต้นไม้แห่งโลกนี้จริงๆ

 

 

มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดเหลือเกิน ตอนนี้หลี่ว์ซู่เข้าใจแล้วว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้านี้เป็นของเขาจริงๆ

 

 

และมันกำลังบอกความจริงกับหลี่ว์ซู่โดยไม่ต้องสงสัยเลย

 

 

หลี่ว์ซู่นั่งคิดอยู่บนรากไม้อย่างเงียบๆ อย่างที่คิดไว้เลยว่าโชคชะตากำลังเล่นตลกกับเขาแล้ว

 

 

และคนที่เหงาที่สุดในโลกก็คงเป็นเขาเองนี่แหละ

 

 

จากนั้นเขาเลยเริ่มที่จะเยาะเย้ยตัวเอง “นั่นก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงที่วิเศษอย่างนั้นถึงได้มาชอบฉันสินะ ฉันมันก็เป็นแค่ไอ้ตัวตลกห่วยๆ ที่สุดแล้วฉันก็ไม่เหมาะสมกับความรักเลย”

 

 

หลี่ว์ซู่ยังคงพูดกับตัวเองต่อไป “รู้ไหมว่าเมื่อก่อนก็มีผู้หญิงมาสารภาพเหมือนกัน แต่สุดท้ายแล้วเธอก็แค่อยากจะขอให้ฉันช่วยทำการบ้านก็เท่านั้น น่าตลกสิ้นดีเลยใช่ไหม จะตายไหมล่ะถ้าต้องทำการบ้านเอง ทำไมความรู้สึกและการโกหกพวกนี้ถึงไม่มีความหมายเลยนะ”

 

 

“แล้วเจ้าอยากจะช่วยชีวิตเธอหรือเปล่า” เสียงนั้นถามมาอีก

 

 

แล้วหลี่ว์ซู่ก็เริ่มหัวเราะออกมา “บางทีฉันก็เกลียดคำว่าโชคชะตาเหมือนกัน ไม่ว่าจะไปไกลแค่ไหนก็เป็นได้แค่การหลอกลวงเท่านั้น ขนาดความฝันยังจะดีกว่านี้เลยมั้ง แต่แล้วไงล่ะ ฉันก็ยังอยากจะช่วยเธออยู่ดี ฉันอยากจะขอบคุณโชคชะตาที่ยังอุตส่าห์จะเห็นใจกันสักครั้ง เอาล่ะ ช่างเรื่องอื่นๆ เถอะ ฉันไม่อยากเห็นเธอตายไป แล้วฉันเป็นอะไรไปกันล่ะเนี่ย ปกติไม่ได้เป็นคนอ่อนไหวขนาดนี้นะ”

 

 

แล้วเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมา “ฉันอยากจะช่วยชีวิตเธอ”

 

 

นี่เหมือนกับเป็นวันที่เขาได้ธนบัตรปลอมห้าสิบหยวนนั้นมาเลย ไม่ว่าเขาอยากจะเอาคืนโลกนี้มากเท่าไหร่เพราะว่าโดนปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แต่เขาจะแบกรับความทุกข์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไว้กับตัวเอง

 

 

ครั้งนี้เขาโดนโชคชะตาเล่นงาน แต่เขาก็รู้ว่าสิ่งที่เขาเจอและรู้สึกตอนนี้เป็นเรื่องจริง และมันมีตัวตนอยู่จริงๆ

 

 

ตอนนี้ต้นไม้แห่งโลกนี้ก็ถอนความเชื่อมโยงกับหลี่ว์ซู่ออกไปแล้ว และมีเสียงดังออกมาจากที่ไกล ๆ

 

 

“ยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึงนั้นน่าสนใจกว่าที่ผ่านมาเยอะ ข้าจะรอดูต่อไปนะ”

 

 

แล้วทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็กลับมามีสติอีกครั้งที่โบสถ์ รอยต้นไม้สีขาวที่มือของเขาค่อยๆ ลอยขึ้นมาและส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ

 

 

และราวกับว่ามีชีวิต มันก็ตกลงไปบนหน้าอกของคอรัล

 

 

ตึกตัก!

 

 

เสียงหัวใจเต้นของคอรัลดังขึ้นมานั่นเอง

 

 

พลังชีวิตของเธอได้กลับมาแล้ว คอรัลเกิดใหม่ขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เธอได้รับต้นไม้แห่งโลกไปทั้งหมดและมันจะเป็นของเธอตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

 

 

หลี่ว์ซู่ค่อยๆ ก้มตัวลงเอาร่างของเธอลงไปวางบนพรมสีแดง เขาเอามือที่สวมแผ่นเหล็กนั้นดันประตูโบสถ์ออกไป ข้างนอกนั่นยังมีการต่อสู้ที่เขาต้องสู้อยู่ ร่างของเขาดูเจ็บปวด โดดเดี่ยว แต่ก็ดูเด็ดขาดในเวลาเดียวกัน

 

 

“ลาก่อนที่รักของฉัน”

 

 

 

 

คอรัลตื่นขึ้นมาเหมือนกับว่าเธอฝันไปเป็นเวลานาน

 

 

ในฝันนั้นเธอเป็นแค่เด็กสาวที่อ่อนแอวิ่งอยู่ในความมืดมิด เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอได้สูญเสียอะไรบางอย่างไปตลอดกาลและทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวดมาก

 

 

เธอวิ่งไปประมาณสองถึงสามวัน จนกระทั่งไปเจอปราสาทสีเทาในโลกแห่งความมืดมิดนั้นอยู่ตรงหน้า

 

 

คอรัลต่อยกำแพงข้างหน้าปราสาทและร้องไห้ไม่หยุด กำปั้นของเธอมีเลือดออกและกระดูกของเธอแทบแตกจากแรงนั้น

 

 

แต่เธอก็ไม่อยากหยุดเลยเพราะมันเหมือนกับว่าเธอสูญเสียสิ่งที่เธอรักที่สุดในชีวิตไป และเธอก็จะเอาชีวิตเข้าแลกกับสิ่งสิ่งนั้น

 

 

ปราสาทสีเทาจำนนพร้อมกับเสียงแตกร้าวที่ดังขึ้นมา เสียงนั้นดังขึ้นกึกก้องในโลกที่เงียบสงบนี้

 

 

แต่รอยแยกนั้นยังเล็กเกินไป และปราสาทสีเทาจะไม่ยอมแตกสลายถ้าไม่มีพลังที่แท้จริงมาทำลาย

 

 

คอรัลนอนลงบนพรมแดงเหมือนเป็นเจ้าหญิงในงานพิธีอันยิ่งใหญ่ ความงามของเธอเกินที่จะบรรยายได้

 

 

ทันใดนั้นเมื่อมีรอยแตกปรากฏขึ้นมา น้ำตาก็ไหลนองแก้มของเธอทั้งสองข้าง เหมือนเป็นแสงแรกของเช้าตรู่

 

 

เจ้าหญิงพูดออกมาไม่ได้ศัพท์เหมือนละเมอ “หลี่ว์ซู่อย่าไปนะ”

 

 

เสียงของเธอเบาเหมือนกับหมอก และไม่มีใครรู้ว่าเธอได้พูดคำนั้นออกไป

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset