ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 514 กลุ่มทวยเทพเปิดโหมดฉุกเฉิน!

โกดังหมายเลข 19 เก็บของทุกอย่างที่ส่งมาจากโกดังเก็บของชั่วคราว กล่องทุกกล่องถูกตั้งเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ นอกจากศิลาวิญญาณแล้ว หลี่ว์ซู่ก็วางแผนว่าจะโกยทุกอย่างกลับไปด้วยเหมือนกัน

ส่วนรถบรรทุกสินค้ามนุษย์สี่คันนั้นถูกส่งไปที่อื่น คุริยามะเป็นคนจัดการเรื่องนี้ เขาเก็บเรื่องไว้นี้เป็นความลับสุดยอดภายในกลุ่มทวยเทพ

ซึ่งก็มีเหตุผลแหละ ปู่เสียนอีคงอัดพวกนี้ไม่เหลือซากถ้าปู่รู้เรื่องพิธีบูชายัญมนุษย์

ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ผิดศีลธรรมมากด้วย ถ้าเกิดเรื่องแพร่งพรายออกไปข้างนอกละก็ ภาพลักษณ์องค์กรในสายตาชาวโลกคงป่นปี้ไม่มีชิ้นดี หลี่ว์ซู่เดาว่าพวกทวยเทพคงคิดจะขยายแผนชั่วของพวกมันไปยังหมู่ผู้มีพลังในต่างประเทศด้วย

หลี่ว์ซู่ปิดประตู ความมืดเข้าครอบงำทั้งโกดัง จากนั้นเขาก็ใช้ของธารน้ำศักดิ์สิทธิ์เป็นแสงสว่างนำทาง เขาเปิดดูในกล่องที่มีศิลาวิญญาณบรรจุอยู่ ศิลาเหล่านี้หายวับไปกับตาเมื่อมือของเขาสัมผัสพวกมัน เร็วอะไรแบบนี้!

ด้วยอานุภาพของตราแผ่นดิน การฉกศิลาจึงกลายเป็นเรื่องกล้วยๆ

หลี่ว์ซู่ดูดทุกอย่างลงตราแผ่นดินราวกับหลุมดำ เหลือไว้แค่กล่องเปล่าๆ เท่านั้น การฉกของจากโกดังนี่คุ้มสุดแล้วในการมาเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้

หลี่ว์ซู่รู้สึกอุ่นใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเมื่อของทุกอย่างอยู่ในตราแผ่นดินเรียบร้อยแล้ว

บนกล่องพวกนั้นมีป้ายติดอยู่ มันเขียนเอาไว้ว่ามีศิลาอยู่หนึ่งพันเม็ดในหนึ่งกล่อง และกล่องทั้งหมดที่นี่มีจำนวนเก้าสิบสองกล่อง พูดง่ายๆ ก็คือ หลี่ว์ซู่เก็บศิลาวิญญาณไปทั้งหมดเก้าหมื่นสองพันกล่องภายในพริบตาเดียว

หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้อยากจะเวอร์หรอกนะ แต่ตอนนี้เขารวยเทียบเท่ากับประเทศประเทศหนึ่งเลย!

แต่เป็นประเทศเล็กๆ นะ

หลังจากนั้นหลี่ว์ซู่เก็บกล่องเข้าที่เดิมเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอย

แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนดังมาจากที่ไกลๆ จนฝุ่นฟุ้งตลบลงมาจากเพดาน

แผ่นดินไหวงั้นเหรอ แต่ดูแล้วไม่น่าใช่ เสียงเหมือนกับตัวอะไรใหญ่ๆ เดินย่ำจนพื้นสะเทือนมากกว่า

เมื่อเขาเก็บกล่องเข้าที่เรียบร้อยดีแล้ว เขาก็รีบออกจากโกดังทันที หลี่ว์ซู่พบว่าข้างนอกวุ่นวายมาก โทโมซากะรุดเข้ามาหาเขาและถามเขาอย่างกังวล “ท่านยามาดะ มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ!”

“ไม่รู้เหมือนกัน” หลี่ว์ซู่ตอบ “นายอยู่ข้างนอกตลอดนี่ ไม่ได้ยินอะไรเลยเหรอ”

โทโมซากะกลัวจนตัวสั่น “ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับท่าน ผมได้ยินว่ามีนักรบระดับ B สองคนมุ่งตรงมาที่เรา พวกนั้นต้องเป็นยักษ์แน่เลยครับ!”

หลี่ว์ซู่ไม่เคยได้ยินเรื่องนักรบยักษ์ระดับ B มาก่อน เขาหันไปหาโทโมซากะ “ตามมานี่ ฉันมีอะไรจะบอก”

หลี่ว์ซู่ดึงตัวโทโมซากะเข้าไปในโกดัง “นายเคยได้ยินเสียง ‘กร๊อบ’ มาก่อนปะ”

“อะไรนะครับ ‘กร๊อบ’ อะไรกันครับท่าน” ไม่ทันที่โทโมซากะจะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ คอของเขาก็ถูกสับดัง ‘กร๊อบ’ ไปเรียบร้อย

[ได้แต้มจากโทโมซากะ +1000!]

ทีนี้คนที่รู้ว่าหลี่ว์ซู่เข้ามาในโกดังหมายเลข 19 ก็ถูกกำจัดไปเรียบร้อย ถ้าใครยากจะสืบเรื่องนี้ก็ต้องเข้าไปดูประวัติการแตะบัตรปลดล็อกประตูในห้องควบคุมเท่านั้นแหละ

จะอย่างไรก็แล้วแต่ หลี่ว์ซู่ต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ในเมื่อเขามีใบอนุญาตจากคุริยามะแล้ว เขาก็ออกจากที่นี่ได้อย่างกล้วยๆ

ในขณะนั้นเอง เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าพวกมันจะตรงไปที่ฐาน เสียงไซเรนแหลมบาดแก้วหูดังมาจากนอกกำแพง ผู้คนในฐานต่างวิ่งวุ่นกันจ้าล่ะหวั่น “ฉุกเฉิน! ฉุกเฉิน! ศัตรูบุก! ที่พักถูกโจมตีแล้ว!”

หลี่ว์ซู่อึ้งไป เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ที่พักของพวกทวยเทพถูกทำลายเนี่ยนะ หรือนี่จะเป็นการบุกถล่มกลุ่มทวยเทพอย่างเต็มกำลัง

แม้ช่วงนี้จะเกิดเหตุชุลมุนวุ่นวายในโลกของผู้บำเพ็ญก็จริง แต่ก็ไม่น่ามีใครเริ่มสงครามโลกผู้บำเพ็ญแบบเป็นจริงเป็นจัง ใครกันที่กล้ามาบุกกลุ่มทวยเทพซึ่งๆ หน้าแบบนี้

หลังจากเหตุการณ์ที่โบราณสถานเกาะช้าง ระบบภายในของกลุ่มทวยเทพก็เสียสมดุลไปมากเนื่องจากสูญเสียกำลังผู้บำเพ็ญระดับสูงไปเยอะ

ยิ่งไปกว่านั้นสมาชิกของกลุ่มทวยเทพก็ยุ่งกันอยู่ที่นิชิโนะเกียว พวกเขาต่างกระจายตัวกันไปตามจุดต่างๆ ทั่วประเทศ

ข้อมูลที่หลี่ว์ซู่ได้มาจากเครือข่ายฟ้าดินแจ้งว่ามีพวกทวยเทพอยู่ในนิชิโนะเกียวราวสามพันคน รวมถึงพวกตัวท็อปอย่างทาคาชิมะ ทาอิรัตสึและคิตะมุระ คิจิโทริด้วย

จู่ๆ ไฟในฐานก็ดับไปทีละดวง แล้วก็ตามมาด้วยเสียงระเบิดที่ไหนสักแห่งในนิชิโนะเกียว

ความมืดเข้าปกคลุมทั่วทั้งฐาน ไม่ต้องพูดก็รู้ได้ทันทีว่าไฟฟ้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเมือง เดินหมากได้ชาญฉลาดเสียจริงที่ตัดไฟฟ้าก่อน

ความตระหนกและความหวาดกลัวเข้าครอบงำฐานของพวกทวยเทพ ทว่าไม่ถึงนาที ไฟฉุกเฉินก็ทำงานทำให้แสงสว่างกลับมาเหมือนเดิม

หลี่ว์ซู่โผไปคว้าคอเสื้อของคนที่เพิ่งวิ่งลงมาจากกำแพงรอบๆ เขาเอ่ยถาม “นายจะไปไหนน่ะ”

[ได้แต้มจากมาเอดะ โทโมซากิ +199!]

“ผมจะไปขอความช่วยเหลือครับท่าน ศัตรูบุกฐานเราแล้ว!” หลี่ว์ซู่ยกคอเสื้อของผู้ชายเขาขึ้นมาจนเท้าลอยจากพื้น เขากำลังจะไปรายงานสถานการณ์สินะ แต่ตอนนี้เขาหนีไม่พ้นเงื้อมมือหลี่ว์ซู่หรอก…

“ศัตรูเป็นใคร” หลี่ว์ซู่ถาม

“ยังไม่แน่ใจครับ แต่พวกมันน่ากลัวมาก! พวกที่หนีรอดออกมาจากที่พักได้รายงานว่าคฤหาสน์แตกแล้ว ท่านคิตะมูระ คิจิโทริกำลังสู้กับพวกมันอยู่” เขาละล่ำละลักอธิบาย “ที่ผมรู้มีแค่พวกมันมากันไม่เยอะ แต่แข็งแกร่งสุดๆ!”

ในขณะนั้นเอง แท่นขนาดใหญ่ถูกยกขึ้นมาตรงกลางของฐาน แล้วสมาชิกของทวยเทพก็โผล่มาจากใต้ดิน กะจากสายตาแล้วน่าจะเป็นลูกน้องของทาคาชิมะ กลุ่มทวยเทพเปิดโหมดฉุกเฉินเต็มขั้น!

ราวกับเครื่องจักรสู้รบ ทวยเทพทุกคนเข้าโหมดพร้อมสู้เต็มที่ ศัตรูเป็นยังไงกันแน่ถึงทำให้พวกเขาตื่นตัวกันขนาดนี้ หรือว่าจะเป็นเนี่ยถิง ถ้างั้นก็แจ๋วไปเลยน่ะสิ!

แต่หลี่ว์ซู่ก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขาสงสัยว่ายักษ์สองตัวนั่นน่าจะเป็นวิญญาณในตำนานโบราณที่ถูกเฉินไป่หลี่อัญเชิญมามากกว่า พวกมันน่าจะทุบหลี่อีเสี้ยว ราชันฟ้าร่างอ้วนปลิวเข้าส้วมได้สบายๆ แต่วิญญาณพวกนี้ไม่น่าจะอยู่คงร่างไว้ได้นานนี่

เวลาผ่านไปสักพัก หลี่ว์ซู่ก็ได้ข้อสรุปว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายฟ้าดินแน่ๆ เพราะนักรบทั้งสองนั้นสวมชุดเกราะสไตล์ยุโรป

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset