การลงทัณฑ์จากสวรรค์ที่เนี่ยถิงดึงดูดมาทรงพลังมาก ยอดฝีมือระดับ A ทั่วโลกต่างเดินทางมาที่นี่ คอรัลทำไมจะไม่มา
ถึงคอรัลจะเป็นประมุขเทพของกลุ่มเทวาแต่ไม่มีผลประโยชน์กับเครือข่ายฟ้าดินและมูลนิธิแม้แต่น้อย แต่มีผลประโยชน์กับหลี่ว์ซู่
เมื่อคอรัลมาถึงสนามต่อสู้ เธอแสดงจุดยืนทันที ตามที่พี่ชายบอกไว้หลี่เสียนีเคยเป็นเพื่อนบ้านของหลี่ว์ซู่และมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ตอนนี้คอรัลจึงรู้ทันทีว่าควรช่วยใคร
แต่ในตอนที่คอรัลเห็นหัวหน้าบาทหลวง สีหน้าของเธอจึงค่อยๆ เย็นลง หอกกุงเนียร์ในมือของเธอประกายสายฟ้าออกมาและถูกขว้างออกไป กลุ่มเทวาบาดหมางกับกลุ่มแก่นความเชื่อมานานแล้ว ตอนที่คอรัลเร่งเดินทางไปยังเมืองทางใต้ของซาร์ดิเนีย หัวหน้าบาทหลวงได้อพยพออกจากทะเลไปอย่างเงียบๆ พร้อมกับฟรานซิสโกและคนอื่นๆ มิฉะนั้นสงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายคงจะปะทุไปนานแล้ว
หัวหน้าบาทหลวงเห็นหอกกุงเนียร์พุ่งเข้ามาก็กระหยิ่มยิ้มย่องแต่ไม่คิดจะฝืนรับแต่หันหลังบินจากไป!
ความคิดเดิมคือว่าจะมาฉวยโอกาส เผื่อสังหารเนี่ยถิงได้แล้วนำศพกลับไปแต่ก็พบว่าศึกของปรมาจารย์หุ่นเชิดจบแล้วอย่างรวดเร็วและพวกนั้นก็หนีไปแล้ว สถานการณ์จึงเอนเอียงไปทางเนี่ยถิง เขาเห็นว่าอยู่ต่อไปไม่ได้อะไรจึงถอยออกมาดีกว่า
ยอดฝีมือระดับ A ถ้าไม่ได้ถูกล้อมสังหารถ้าคิดจะหนีก็ไม่ใช่เรื่องยาก!
การต่อสู้ระหว่างนักบุญและเฉินไป๋หลี่ทำให้เกิดพลังสั่นสะเทือนนับครั้งไม่ถ้วน เฉินไป๋หลี่ยังฆ่าเขาไม่ได้แต่เขาก็ไม่จะจัดการเฉินไป๋หลี่ในเวลาสั้นๆ
เมื่อเห็นว่าเนี่ยถิงได้บินเข้าไปในเมฆฝนฟ้าคะนองแล้วฟาดฟันจนก้อนเมฆขาดสะบัดไปจนเกือบหมด สถานการณ์ก็ดูคับขันมากขึ้น นักบุญยิ้มเยาะและพุ่งโฉบโจมตีเฉินไป๋หลี่พร้อมกับบินหนีไปทันที แววตาที่บ้าคลั่งก็ค่อยๆ สงบลง
ยอดฝีมือระดับ A ต่างได้เห็นขั้นตอนการปะทุพลังของเนี่ยถิงก็กลัวว่าวิธีที่จะเปิดหนทางที่เข้าสู่วิถีของตนเองนั้นต้องทำอย่างไร!
ท้องฟ้าดูเหมือนจะพังทลายลงมา เฉินไป๋หลี่ ไม่ได้ไล่ล่าไปแต่จ้องมองไปที่เมฆดำมืดที่กำลังจะสลายไป ไม่มีใครคิดว่าเนี่ยถิงสามารถต่อกรกับการลงทัณฑ์จากสวรรค์ได้โดยตรง เฉินไป๋หลี่รู้ว่าถ้าเขาเผชิญกับสายฟ้าเช่นนี้ เขาอาจไม่สามารถต้านไว้ได้
ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งบูรพา ซินถิงโหว เก่งสมชื่อจริงๆ
ฝืนชะตาเปลี่ยนชะตาชีวิตก็เป็นเพียงเช่นนี้สมคำร่ำลือ
ก็แค่…ถ้าเนี่ยถิงฟันดาบออกไปแบบนั้น ท้องฟ้าก็แทบจะพังลงมา!
ทันใดนั้นพวกเขาก็เข้าใจสิ่งที่ปรมาจารย์หุ่นเชิดพูดไว้ว่า โลกนี้ช่างเปราะบางเสียจริง
ตอนนี้เนี่ยถิงปะทุพลังฝ่าคอขวดของระดับ A เพียงแค่เขาเคลื่อนไหวเพียงน้อยนิดก็น่ากลัวยิ่งกว่ายอดเขาพังทลายลงมา แม้แต่ท้องฟ้าก็ต้านไว้ไม่ไหว ยอดเขาพังทลายอย่างน้อยก็มีทลายลงอย่างอิสระซึ่งยังอยู่ภายใต้กฎของธรรมชาติแต่เนี่ยถิงตอนนี้เขาคือกฎธรรมชาติอย่างหนึ่ง
เนี่ยถิงหยุดลง เขารู้ว่าถ้าเขาปล่อยพลังต่อไปจะยิ่งมีอันตรายมากขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าถ้าท้องฟ้าพังทลายลงมาจะเกิดผลเช่นไร พลังระดับนั้น …มาถึงจุดที่ม่สามารถปล่อยได้ตามใจต้องการแล้ว
เขาลงมาอย่างช้าๆ หลี่เสียนอีมองเนี่ยถิงและหัวเราะ “เลือกชื่อสำหรับพลังนี้เถอะ”
ในอดีตพลังของแบ่งออกเป็น A B C D E F เพราะต่างประเทศเสนอใช้เป็นครั้งแรกแต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป เพราะเนี่ยถิงเป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นสู่จุดสุดยอดของพลัง ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้กำหนดคำจำกัดความของพลังนี้
เนี่ยถิงรู้สึกถึงพลังที่หลั่งไหลอยู่ในร่างแต่สามารถควบคุมได้ภายในตัวเอง “เสินฉังจิ้ง! “
เสื้อคลุมดำเสมือนธงชัยสีดำ วันนี้ทุ่งหญ้าถูกพลิกผืนดินขึ้นมา ท้องฟ้าที่เกือบถูกพังทลาย เนี่ยถิงทำลายการลงทัณฑ์จากสวรรค์ นิยามพลังเสินฉังจิ้ง!
…
หลี่ว์ซู่นั่งอยู่บนโซฟาที่บ้านเฝ้าดูข้อมูลที่ได้รับจากโทรศัพท์มือถือของเขาอย่างเงียบๆ ในศึกใหญ่ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเครือข่ายฟ้าดินต่างได้รับข้อมูลโดยละเอียดรวมถึงคำนิยามพลังเสินฉังจิ้งของเนี่ยถิง
และหลี่ว์ซู่ดูเหมือนว่าจะถูกกำหนดให้เป็นเจ้าหน้าที่อันดับต้นๆ ของเครือข่ายฟ้าดิน แม้ว่าเขาจะยังเป็นเพียงนักเรียนของวิทยาลัยเท่านั้น
ที่จริงเรื่องนี้ค่อนข้างแปลก ทั้งๆ ที่มีสถานะเป็นนักเรียนแต่ทุกครั้งทุกคนก็ต้องวนมาหานักเรียนคนนี้ได้ตลอด…
หลี่ว์ซู่กำลังคบคิดอยู่ ที่แท้หลังจากผสานพลังกับพลังธรรมชาติแล้วก็คือการอาศัยพลังของธรรมชาติสร้างจนเป็นพลังของตนเอง เสินฉังจิ้งความหมายคือพลังเทพที่แฝงอยู่ในกายตนเอง ตนเองคือเทพเจ้าของตนเอง
แน่นอนว่าเรื่องนี้จะพูดเกินไปหน่อย อย่างน้อยเนี่ยถิงก็รู้แล้วว่าทางเส้นนี้ยังไม่สิ้นสุด หนทางนี้ยังคงเดินไปไม่ถึงอีกฝั่ง
“มันไม่สมเหตุสมผลเลย” หลี่ว์ซู่รู้สึกเจ็บใจ ที่เขาดันไปช่วยให้เนี่ยถิงปะทุพลัง
อย่างไรก็ตามมีหลายสิ่งในรายงานการต่อสู้ครั้งนี้ที่หลี่ว์ซู่ไม่สามารถเข้าใจได้ หลี่เสียนอีส่งข้อความถึงหลี่ว์ซู่หลังจากเกิดเหตุการณ์และกล่าวแสดงความยินดีกับเขา หลี่ว์ซู่รู้สึกสับสนเล็กน้อยว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้นและเขาถามกลับไปแต่หลี่เสียนอีไม่ได้ตอบกลับ
หลี่ว์ซู่ก็ได้แต่งงไก่ตาแตกต่อไป มายินดีกับเขาทำไม ยินดีที่เขาช่วยเนี่ยถิงปะทุพลังเหรอ
ตามหลักเครือข่ายฟ้าดินมีจุดยืนในโลกแห่งการบำเพ็ญเป็นเรื่องที่น่ายินดีแต่หลี่ว์ซู่ไม่ดีใจแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่ามันเป็นเรื่องดีก็ตามแต่หลี่ว์ซู่กลับไม่มีความสุข
ถ้าเนี่ยถิงไม่ปะทุเพราะตัวเขาเอง อะไรก็ดีหมด
แต่หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ รายงานบอกว่าเหนือระดับ A นั้นเป็นโลกที่สร้างขึ้นจากภายในตัวเอง อันนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่หลี่ว์ซู่กลับพบว่า… แผนที่ดวงดาวของเขาก็เหมือนโลกทั้งใบตั้งแต่แรก
ยังไม่พูดถึงเรื่องแปลกๆ อย่างการยืมพลังธรรมชาติ มาพูดถึงพลังระดับ B คนอื่นสามารถเริ่มสื่อสารกับพลังธรรมชาติแต่หลี่ว์ซู่ไม่รู้สึกว่าเขาสื่อสารกับพลังธรรมชาติอะไรเลย
ตั้งแต่แรกเริ่ม เขาได้รับพลังดวงดาวไว้ในร่างกาย รับเอาโลกของแผนที่ดวงดาวนั้นด้วย
ขนาด…รับพลังจิตวิญญาณเข้ามาแต่กลับถูกแผนที่ดวงดาวขับออก อำนาจบาตรใหญ่จริงๆ
ในตอนแรกหลี่ว์ซู่ไม่สนใจซักเท่าไหร่ เพราะเขาเคยคิดว่าแค่แข็งแกร่งขึ้นก็พอแต่ตอนนี้ปรากฏว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ระดับ A ก้าวสู่ระดับที่สูงขึ้น หลี่ว์ซู่จึงเห็นว่าการบำเพ็ญเดินมาคนละแบบตั้งแต่แรก
ทางสองสายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงและหลี่ว์ซู่ก้าวเข้าสู่คำนิยามที่ลึกซึ้งตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว
ยังไม่ถึงระดับพลังนั้นกลับเริ่มสร้างโลกของตัวเองตั้งแต่แรกเริ่ม
แน่นอนว่าหลี่ว์ซู่ไม่มีเวลาไปคบคิดเรื่องนี้ เขาต้องโทรศัพท์หาเนี่ยถิง!
ในเวลานี้ เนี่ยถิงกำลังยืนอยู่บนซากปรักหักพังของบ้านที่ตรอกหลิวไห่ บ้านทั้งหลังเหลือเพียงต้นวอลนัทที่อยู่ตรงกลางลานบ้าน เนี่ยถิงยืนดูภาพนี้อย่างว่างเปล่า จากนั้นก็ได้ยินเสียงสือเสวจิ้นบ่นอย่างกับชาวบ้านว่า “เจ้านะ เจ้าปะทุพลังก็ปะทุไปซิ ทำไมต้องมาพังบ้านข้าด้วย บ้านหลังนี้มีประวัติมากว่าห้าร้อยปีเชียวนะ”
เนี่ยถิงไม่พูดอะไรสักคำและดูเหมือนจะรู้ว่าเขาก็ผิดอยู่บ้าง สือเสวจิ้นอยากจะบ่นก็ให้เขาบ่นไปเถอะ
ทันใดนั้นโทรศัพท์เขาก็ดังขึ้น เนี่ยถิงหยิบโทรศัพท์ออกมาและเห็นว่าผู้ที่โทรมาก็คือ หลี่ว์ซู่
เนี่ยถิงขมวดคิ้ว ทำไมหลี่ว์ซู่ถึงโทรมาตอนนี้ ยินดีกับเขาเหรอ เนี่ยถิงไม่เชื่อ เขาจึงรับโทรศัพท์
หลี่ว์ซู่หัวเราะเริงร่า “ผมได้ยินมาว่าท่านถูกฟ้าผ่า”
[ได้แต้มจากเนี่ยถิง +666!]
แค้นนี้ ต้องชำระแน่!