ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 899 จัดระเบียบทหารใหม่

“ไม่มีผู้กอบกู้อันยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นจะต้องมียอดมนุษย์หรือราชา พวกเราจะพึ่งพาตัวเองเพื่อสร้างความสุขในทัพอู่เว่ยนี้”

 

 

ทั้งกลุ่มกำลังร้องเพลงขณะเดินกันอยู่ในป่า มันส่งเสียงก้องกังวานไปทั่วป่าและไล่พวกนกให้กลัวไปหมด

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าการเดินนี้ไม่มีชีวิตชีวากันเลย เขาเลยเอาเนื้อเพลงแองเตอร์นาซิอองนาลหรือเพลงสามัคคีนานาชาติมาแปลง จากนั้นก็สอนทหารทัพอู่เว่ยร้อง ที่จริงแล้วคนพวกนี้เคยเป็นทาสกันมาก่อน พวกเขาเป็นทาสของจริงที่มีตราทาสประทับอยู่บนร่างกาย และพวกเขาก็เข้าถึงเพลงนี้ได้ง่ายๆ

 

 

ตอนแรกทุกคนก็ไม่ชอบการแปลงเนื้อเพลงนี้มาก เพลงที่พวกเขาได้ยินนั้นแตกต่างจากแบบนี้ไปมาก แต่พวกเขาก็ทำใจยอมรับเพลงนี้ในที่สุด

 

 

ยิ่งพวกเขาร้องออกไปก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเพราะดี…

 

 

มีบางครั้งที่ผู้คนก็ต้องการอะไรใหม่ๆ เหมือนกัน หลี่ว์ซู่มีสิทธิ์ที่จะบังคับให้พวกเขาชินกับเพลงนี้ไปซะ…

 

 

ตอนแรกหลี่ว์ซู่ก็ไม่ยอมรับเรื่องนี้หรอก ทำไมราชาแห่งทวยเทพองค์เก่าถึงได้ชอบบทกวีที่เขาลอกมานักนะ แต่พอเขาแปลงเพลงนิดหน่อยกลับไม่มีใครชอบ นี่กำลังพูดอยู่กับใครกันเนี่ย!

 

 

สุดท้ายพอทหารทัพอู่เว่ยร้องเพลงกันมากขึ้นพวกเขาก็ชอบเพลงนี้กันไปเอง พวกเขาอดร้องตามไม่ได้ ยิ่งร้องกันมากก็ยิ่งฟังดูยิ่งใหญ่มาก และการเดินป่าครั้งนี้ก็เริ่มจะผ่อนคลายมากขึ้น…

 

 

ขนาดตอนที่หลี่ว์ซู่บอกให้พวกเขาหยุดร้อง ก็มีคนฮัมเพลงออกมาอย่างช่วยไม่ได้อยู่ดี เหมือนกับว่าพวกเขากำลังเริ่มชีวิตใหม่กันแล้ว

 

 

ที่ตั้งค่ายที่หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋กำลังมุ่งหน้าไปนั้นอยู่ห่างจากหมู่บ้านมังกรฟ้าไป 50 กิโลเมตร พวกเขาต้องเดินเท้ากันสองวันเต็มๆ กว่าจะไปถึง หลี่ว์ซู่ไม่ได้เดินอย่างเต็มกำลังในทั้งวันที่ผ่านมานี่เลย

 

 

ถ้าพวกเขาเจอสัตว์กันตามทาง พวกเขาก็จะไปล่ามันเอาเนื้อ อาหารกำลังหมดลงเรื่อยๆ และอาหารชิ้นเล็กๆ ก็มีความสำคัญทั้งหมด ถ้าเป็นไปได้หลี่ว์ซู่ก็อยากให้ทุกคนจับสัตว์เป็นๆ มาเลี้ยงในอนาคต

 

 

เขาเตรียมตัวที่จะสู้ในสงครามอันยาวนานแล้ว สงครามอาจจะยืดเยื้อกันเป็นปีๆ ก็ได้

 

 

เมื่อพวกเขามาถึงค่ายกันแล้ว หลี่ว์ซู่ก็ขึ้นไปยืนบนเนินสูง หลี่ว์เสี่ยวอวี๋บอกไว้ว่าเนินนั้นไม่ค่อยสูงชันเท่าไหร่ และมีแม่น้ำไหลผ่านที่ตีนเขาด้วย ทางเข้าถ้ำหินปูนอยู่ครึ่งทางของภูเขาและถูกปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์ ถ้าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ได้ไปหาแร่มา พวกเขาก็คงไม่ได้มาเจอสถานที่นี้แน่

 

 

มีร่องรอยการอยู่อาศัยของมนุษย์เพียงเล็กน้อย แต่ไม่มีการตั้งชื่อสถานที่นี้อย่างชัดเจน หลี่ว์ซู่หันไปหาหลี่เฮยทั่นแล้วถาม “เคยมาที่นี่มาก่อนหรือเปล่า”

 

 

หลี่เฮยทั่นตอบอย่างตรงไปตรงมา “มีแต่ท่านผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะมาสถานที่ห่างไกลเช่นนี้ จะไปสนใจทำไมว่าที่นี่เรียกว่าอะไร”

 

 

“งั้นตั้งแต่นี้เป็นต้นไปที่นี่จะมีชื่อว่าภูเขาราชาหลี่ว์!” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ประกาศ เธอดูภูมิใจในตัวเองมาก

 

 

“ไม่นะ เดี๋ยวก่อนสิ!” หลี่ว์ซู่ดึงตัวหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ออกมา

 

 

แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร หลี่เฮยทั่นก็ตะโกนบอกผู้คนด้านหลังไปแล้ว “ได้ยินหรือเปล่า ตั้งแต่วันนี้ไปที่นี่จะเรียกว่าภูเขาราชาหลี่ว์นะ!”

 

 

หลี่ว์ซู่พูดไม่ออกเลย

 

 

[ได้รับแต้มจากหลี่ว์ซู่ +199]

 

 

หลี่ว์ซู่บอกให้หลี่เฮยทั่นไปจุดไฟมาสักสองสามคบเพลิง จากนั้นพวกเขาก็เข้าไปในถ้ำนั่น มันทั้งมืด ชื้น และเย็น พวกเขาถึงกับได้ยินเสียงน้ำหยดลงบนหิน หลี่ว์ซู่ชูคบเพลิงขึ้น ทุกคนเห็นนหินย้อยที่มีรูปร่างเหมือนกระบี่อยู่บนเพดานถ้ำด้วย

 

 

หลิวเชียนจือถามขึ้นมาอย่างระมัดระวัง “ท่านผู้ยิ่งใหญ่ครับ ที่นี่อาจมีปิศาจอาศัยอยู่ก็ได้ ดูน่ากลัวด้วย เราถอยออกไปไม่ดีกว่าเหรอครับ”

 

 

หลี่ว์ซู่ชะงักไป เขาจึงตระหนักได้ว่าหลิวเชียนจือและคนอื่นๆ อาจจะไม่เคยเห็นถ้ำหินปูนกันมาก่อน พอพวกเขาเห็นที่แปลกๆ แล้วจึงคิดว่าเป็นรังปิศาจอย่างนี้…

 

 

“ความเชื่อเรื่องโชคลางและระบบศักดินาฆ่าคนตายนะ” หลี่ว์ซู่ถอนใจ “ถ้ำนี่เกิดจากการกัดกร่อนของหินปูนหลังจากสัมผัสกับน้ำใต้ดินเป็นเวลานาน… เอาเถอะ ถึงฉันจะอธิบายไปก็คงไม่เข้าใจกันหรอก ที่นี่เป็นสิ่งที่ก่อตัวขึ้นตามธรรมชาติ ไม่มีปิศาจอาศัยอยู่หรอก”

 

 

สีหน้าของหลี่เฮยทั่นและหลิวเชียนจือแสดงออกมาหมดแล้ว “ถึงพวกเราจะไม่เข้าใจแต่ก็ดูน่าทึ่งดีนะครับ…”

 

 

แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ที่นี่จะไม่มีปิศาจอาศัยอยู่จริงๆ งั้นเหรอ แต่ถ้าท่านผู้ยิ่งใหญ่บอกด้วยความมั่นใจขนาดนั้นก็คงจะไม่มีปิศาจอยู่อย่างที่ท่านว่านั่นแหละ

 

 

หลี่เฮยทั่นเชื่อทุกสิ่งที่หลี่ว์ซู่บอกเขาอยู่แล้ว หลิวเชียนจือยังต้องใช้เวลาปรับตัวอีกสักหน่อย

 

 

หลี่ว์ซู่พูดกับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ “ถ้ำหินปูนก็เหมือนบ้านที่ธรรมชาติสร้างขึ้นนั่นแหละ แต่คนอยู่กันไม่ได้เพราะชื้นเกินไป แถวนี้ยังมีถ้ำหินปูนอยู่อีกไหม”

 

 

มนุษย์ไม่เพียงแต่ไม่สามารถอาศัยอยู่ในถ้ำได้เท่านั้น แต่พวกเขาจะเก็บของไว้ไม่ได้ และอาหารจะเสียไปภายในครึ่งเดือนอีกด้วย

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จำอะไรได้บางอย่าง “มีถ้ำหินปูนอยู่หลายที่เลย มันยาวออกไปเป็น 10 กิโลเมตร แต่ถ้ำมากกว่า 20 แห่งนี้ไม่ได้เชื่อมต่อกันนะ”

 

 

“’ งั้นเราก็ต่อมันเองเลยสิ” หลี่ว์ซู่พูด “แล้วจากนั้นเราก็สร้างทางเดินลับในที่ที่เหมาะสม อาจอยู่ในลำห้วยบนภูเขาป่าหรือถ้ำก็ได้ ยิ่งหายากยิ่งดียกเว้นแต่ว่าจะเจอโดยบังเอิญ หลังจากที่เราเชื่อมทางแล้วเราก็เดินกลับไปตามทางนั้น พวกทัพเฮยอวี่อาจจะไม่เข้ามาในภูเขา แต่ถ้าพวกเขาเข้ามาเราก็ต้องเตรียมตัวไว้ให้ดี ถ้าเราสู้มันตรงๆ ไม่ได้เราก็หนีไปซะ”

 

 

“เข้าใจแล้ว” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พยักหน้า “ถ้าทำเสร็จแล้วเดี๋ยวจะเขียนแผนที่ให้ จะพยายามปิดทางเข้าไว้อย่างดีที่สุดแล้วกัน”

 

 

เหตุผลที่หลู่ซู่เลือกสถานที่แห่งนี้คือสร้างทางหนีให้กับทัพอู่เว่ยไว้ ถ้าทัพเฮยอวี่เข้ามาอย่างน้อยพวกเขาก็จะได้งงกับถ้ำหินปูนนี้กันหน่อย ถ้ำนี้เป็นสถานที่กำบังโดยธรรมชาติและยังใช้หนีได้อีกด้วย

 

 

ถึงทหารทัพเฮยอวี่เป็นแสนนายกระจายตัวอยู่ทั่วภูเขา แต่พวกเขาก็คงหาทัพอู่เว่ยไม่เจอแน่

 

 

ถ้าพวกเขามีทั้งอาหาร กำลังคน และเส้นทางหลบหนีแล้ว เท่านี้หลี่ว์ซู่ก็สบายใจได้มากขึ้น

 

 

หลู่ว์ซู่เดินออกจากถ้ำหินปูนไปและมองไปที่ใบหน้าของทหารของเขา เขาถอนใจออกมา เขาจะสร้างเครือข่ายฟ้าดินในโลกใหม่นี้ได้ไหมนะ เขาไม่รู้ว่าจะหลอกคนพวกนี้ได้ง่ายๆ หรือเปล่า

 

 

เขาบอกหลิวเชียนจือว่า “แบ่งออกกันเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกไปสร้างบ้าน เดี๋ยวจะเอาแบบให้ดู สร้างบ้านไม้ตามแบบกันเลยนะ อีกกลุ่มหนึ่งไปถางหญ้าเปิดทาง เปลี่ยนเนินเขาให้กลายเป็นไร่ขั้นบันได ฉันขอให้ทุกคนรักษาความสะอาดกันอย่างเคร่งครัด อย่าถ่ายหนักถ่ายเบากันตามใจเด็ดขาด ห้ามใครดื่มน้ำที่ยังไม่ได้ต้มด้วย ทุกคนจะต้องอาบน้ำกันทุกวัน ไปอาบน้ำกันที่แม่น้ำซะ อย่าลืมซักผ้ากันด้วย ใครที่เอาเหาหรือหมัดมาปล่อยในค่ายนี้จะต้องถูกลงโทษ!”

 

 

หลิวเชียนจือรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เมื่อก่อนในค่ายทหารไม่เคยมีใครสนใจเรื่องนี้กันเลย…

 

 

แต่หลี่เฮยทั่นและคนอื่นๆ ชินกันแล้ว เมื่อก่อนตอนที่หลี่ว์ซู่เพิ่งมาเป็นท่านผู้ยิ่งใหญ่แห่งหมู่บ้านมังกรฟ้านั้น เขาก็บังคับให้พวกเขาอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้ากันด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นจะถูกห้ามเข้าใกล้ท่านมากกว่าสิบเมตร…

 

 

เมื่อทหารทัพอู่เว่ยไม่มีอะไรทำ พวกเขาก็เลยกระโดดลงน้ำไปอาบน้ำ

 

 

น้ำที่ไหลมาจากภูเขานั้นใสสะอาดมาก น้ำสะอาดไหลผ่านอยู่ตลอด และน้ำสกปรกก็ไหลออกไปตามกระแสน้ำ

 

 

หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ออกไปสำรวจถ้ำและสร้างทางในถ้ำ เขาพาหลี่เฮยทั่นตามไปด้วย ทุกคนที่อาบน้ำเสร็จแล้วจะต้องยืนรอให้หลี่เฮยทั่นมาตรวจว่าไม่มีเห็บหมัดอยู่บนร่าง เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วพวกเขาก็ไปใส่ชุดสะอาดต่อได้

Related

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset