ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 946 ชีวิตเป็นเช่นการเดินหมาก

ขณะที่หลี่ว์ซู่กำลังจะนำกองทัพอู่เว่ยไล่ติดตามกองทัพเฮยอวี่ไปก็มีเหตุการณ์พลิกผันเกิดขึ้น ในคืนนั้น จางเว่ยอวี่ได้มาหาหลี่ว์ซู่และกล่าวอำลา  

 

 

หลี่ว์ซู่ผงะไปชั่วขณะแล้วเอ่ยถามว่า “ทำไมจู่ๆ คุณถึงจะจากไปล่ะ?”  

 

 

“มันไม่ใช่การจากไป” จางเว่ยอวี่ส่ายศีรษะ “แต่แค่จะกลับไปที่ภูเขาราชันหลี่ว์เพื่อรอนาย”  

 

 

ชั่วขณะนั้นหลี่ว์ซู่มองไปยังสีหน้าที่ดูอ่อนล้าของจางเว่ยอวี่แล้วก็ตระหนักว่า จางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ นั้นต่างก็เป็นคนธรรมดา และพวกเขาก็ทนต่อการถูกทรมานจากการเดินทางอันยาวนานของกองทัพอู่เว่ยไม่ได้!  

 

 

แม้หลี่ว์ซู่จะให้ม้าที่ทรงพลังกับจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ เดินทางไปแต่เนิ่นๆ และจัดเตรียมพวกมันไว้ล่วงหน้าก่อนการต่อสู้ใดๆ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาต้องเหนื่อยแล้ว แต่สำหรับจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ ก็ยังเหนื่อยมากในการเดินทางยาวไกล  

 

 

ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ อยากจะจากไป แต่พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะกลายเป็นแค่ตัวถ่วงและทำให้กองทัพที่เหลือต้องเดินทางช้าลง  

 

 

หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “คุณต้องการเกวียนไหม? มันอาจจะช่วยให้คุณเหนื่อยน้อยลง และพวกคุณก็ไม่ต้องขี่ม้าไปตามเส้นทางลูกรัง”  

 

 

อย่างไรก็ตาม จางเว่ยอวี่ยังคงส่ายศีรษะด้วยทีท่าเย่อหยิ่งขณะกล่าวว่า “พวกเรายังไม่ได้อ่อนแอจนถึงกับต้องถูกแบกพาตัวไป เว้นแต่ว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่ต้องห่วง พวกเราจะกลับไปที่ภูเขาราชันหลี่ว์เอง หากนายกลับไป พวกเราก็จะพบกันที่ภูเขาราชันหลี่ว์…แต่หากนายไปที่ดินแดนตะวันตกแล้วไม่กลับไป พวกเราก็จะกลับไปที่เมืองเถียนเกิ่งหลังจากที่สงครามสิ้นสุดลงแล้ว”  

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบงันไปชั่วครู่ เขารู้ว่าจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ ต่างก็เย่อหยิ่งและมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ในตอนแรกนั้น หลี่ว์ซู่ต้องการใช้ประโยชน์จากจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ ช่วยเขาสอนยุทธวิธีการต่อสู้และฝึกทหารอู่เว่ย  

 

 

อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็ค่อยๆ เข้ากันได้และเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์อย่างช้าๆ และหลี่ว์ซู่ก็ไม่ใช่คนเย็นชา  

 

 

และในขณะนี้ จางเว่ยอวี่ก็ยิ้มและกล่าวว่า “ในโลกนี้ ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา พวกเราได้ทำเพื่อกองทัพอู่เว่ยมาเพียงพอแล้ว นายเพียงแค่ปล่อยให้พวกเขาฝึกฝนไปทีละขั้นตอนตามคำแนะนำของพวกเรา ฉันเชื่อว่าพวกเขาจะพัฒนาขึ้นมาอีกครั้งภายในเวลาหกเดือน ซึ่งเป็นความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก!”  

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบไป เขารู้ว่าจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ ตัดสินใจที่จะไปแล้ว ความจริงแล้ว เขาก็ไม่เข้าใจคนเหล่านี้ พวกเขาอยู่ในเมืองเถียนเกิ่งด้วยเหตุผลที่อธิบายไม่ได้ และเนื่องจากพวกเขาต่อสู้ไม่ได้ พวกเขาจึงต้องการใช้ประโยชน์จากกองทัพอู่เว่ยเพื่อรำลึกถึงช่วงเวลาในอดีตของพวกเขา  

 

 

คนกลุ่มนี้มีอุดมการณ์และอารมณ์ที่หลี่ว์ซู่ยากที่จะเข้าใจ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขาคงมีอุดมการณ์เดียวกันเมื่อเขากลายเป็นราชันฟ้าลำดับที่เก้า  

 

 

แล้วหลี่ว์ซู่ก็ถามคำถามเดิมกับจางเว่ยอวี่เป็นครั้งที่สาม “มันคุ้มหรือ?”  

 

 

แต่ก่อนที่จะได้รับคำตอบของจางเว่ยอวี่ในครั้งนี้ หลี่ว์ซู่ก็ยังคงพูดต่อไปอีกว่า “สำหรับข้อตกลงที่คลุมเครือแทบไร้ความหมาย สำหรับการชดใช้ความผิด? พวกคุณจะมีความสุขในเมืองเถียนเกิ่งหรือ? พวกคุณเต็มใจที่จะเป็นแค่เบี้ยเล็กๆ และสูญเสียความหมายในชีวิตของคุณไปทั้งชีวิตบนกระดานหมากรุกของคนอื่นหรือ? แล้วหากพวกคุณรอวันนั้นมาถึงไม่ได้จะเป็นอย่างไรล่ะ?”  

 

 

จางเว่ยอวี่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วจู่ๆ ก็หัวเราะออกมาพลางกล่าวว่า “แล้วมีใครที่ไม่ใช่เบี้ยหมากรุกในโลกนี้เล่า?”   

 

 

หลี่ว์ซู่ส่ายศีรษะแล้วกล่าวตอบว่า “หากผมถูกมองว่าเป็นแค่หมาก ผมจะฆ่าคนเดินหมากแน่นอน และในอนาคต เมื่อนึกถึงความสูญเสียในชีวิต บางทีคุณอาจจะเสียใจ”  

 

 

เวลานี้จางเว่ยอวี่ ตงเยี่ยและคนอื่นๆ ต่างก็ยิ้มให้กันและกันแล้วควบม้าสีดำแข็งแรงมุ่งหน้าตรงไปทางภูเขาราชันหลี่ว์ จางเว่ยอวี่ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ชีวิตก็เป็นเช่นการเดินหมาก เมื่อคุณวางหมากแล้ว คุณก็จะเสียใจไม่ได้”  

 

 

กลุ่มคนจำนวนห้าสิบหกคนที่ควบขี่ม้าไปนั้นเร่งม้าอย่างดุดัน จางเว่ยอวี่รู้สึกราวกับว่าเขาได้กลับไปในอดีตยามเมื่อพวกเขาทรงพลังรุ่งโรจน์ในขณะนั้นเช่นกัน  

 

 

ทันใดนั้นเขาก็กระชับบังเหียนแล้วมองย้อนกลับไปในทิศทางที่กองทัพอู่เว่ยออกเดินทางไป “กองทัพอู่เว่ยนี้ถือว่าสมบูรณ์แล้ว หากพวกเขาสามารถเลื่อนขึ้นสู่ระดับสองได้ในอีกหกเดือนข้างหน้า พวกเขาก็จะไปได้ทุกหนทุกแห่งในโลกใบนี้”  

 

 

“น่าเสียดายที่จะต้องใช้เวลานานเกินไปกว่าจะได้ขึ้นสู่ระดับหนึ่ง” ตงเยี่ยถอนหายใจ “พวกเขายังขาด ‘รากฐาน’ ของทหารมังกรจักรพรรดิ”  

 

 

‘รากฐาน’ ที่ตงเยี่ยกล่าวถึงก็คือจำนวนยอดฝีมือระดับหนึ่ง  

 

 

จะไปถึงระดับสองง่ายดาย แต่การไปถึงระดับหนึ่งนั้นยาก สิ่งจำเป็นในการเลื่อนจากระดับสองขึ้นสู่ระดับหนึ่งนั้น ไม่ใช่มีเพียงแค่ทรัพยากรและทักษะเท่านั้น แต่ยังจำเป็นต้องมีความถนัดและการตระหนักรู้เข้าใจในตนเองด้วยเช่นกัน เหตุผลที่ทหารมังกรจักรพรรดิไร้พ่ายได้นั้นเพียงเพราะมีค่ายกลไร้พ่ายที่สร้างขึ้นโดยทหารมังกรจักรพรรดิจำนวนสามร้อยคน มันเป็นทวนยาวที่แหลมคมที่สุดในโลกซึ่งอยู่ในมือของราชันแห่งทวยเทพ  

 

 

“น่าเสียดาย” ใครบางคนกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างกะทันหัน “ฉันไม่คิดว่าจะอำลากันเร็วขนาดนี้ ฉันชอบเจ้าเด็กโง่ๆ พวกนั้นจริงๆ วิธีที่พวกเขาต่อสู้ทำให้ฉันนึกถึงพวกเราในสมัยนั้น”   

 

 

“ฉันก็ไม่ค่อยอยากไปเหมือนกัน” อีกคนกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม  

 

 

จางเว่ยอวี่มุ่นคิ้ว เขาก็รู้สึกแบบเดียวกัน แต่พวกเขาต่อสู้เคียงข้างกองทัพอู่เว่ยในสงครามเหนือและใต้ใดๆ ไม่ได้อีกต่อไป  

 

 

ชั่วเวลานั้น จู่ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งดังตึงตังมาจากทิศทางของกองทัพอู่เว่ยที่พวกเขาจากมา พวกของจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ ทั้งห้าสิบหกคนต่างก็นิ่งอยู่ตรงจุดนั้นและจ้องมองหน้ากันและกัน  

 

 

แล้วทันใดนั้นเสียงของหลี่เฮยทั่นก็ดังมาจากระยะไกลว่า “จางเว่ยอวี่ รอพวกเราด้วย พวกเราจะกลับไปที่ภูเขาราชันหลี่ว์ด้วยกัน!”   

 

 

จางเว่ยอวี่มองไปที่หลี่ว์ซู่อย่างไม่เข้าใจ “นายรู้ผลที่จะตามมาจากการกลับไปที่ภูเขาราชันหลี่ว์กับพวกเราไหม?”  

 

 

หลี่ว์ซู่ยิ้มและกล่าวว่า “มันก็แค่ถูกกองทัพขุนนางปิดล้อมแล้วปราบปรามไม่ใช่หรือ? และหากกองทัพเฮยอวี่เข้าไปในภูเขาแล้ว พวกเราจะทำอะไรได้อย่างนั้นหรือ?”   

 

 

จางเว่ยอวี่เงียบอยู่นานและทันใดนั้นก็กล่าวขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้น นายรู้หรือเปล่าว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรหากมีคนรู้ว่านายอยู่กับพวกเรา? คงจะดีกว่าหากจะบอกว่าเราอยู่คนเดียวในกองทัพอู่เว่ย แต่หากมีคนพบว่าพวกเราทั้งห้าสิบหกคนมาชุมนุมอยู่ด้วยกัน…”  

 

 

กล่าวกันตามตรงแล้ว หลี่ว์ซู่ไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับจางเว่ยอวี่และคนอื่นๆ มาก่อน แต่หาก พวกเขากลับไปที่ภูเขาราชันหลี่ว์เพียงลำพัง แล้วหากกองทัพขุนนางบุกไปจริงๆ พวกเขาควรทำอย่างไร?  

 

 

และประเด็นที่สำคัญที่สุดนั้นไม่ใช่เรื่องนี้ หลี่ว์ซู่มองดูจางเว่ยอวี่อย่างสงบและกล่าวว่า “พวกคุณนำอาหารมาหรือเปล่า?”  

 

 

จางเว่ยอวี่พูดไม่ออกแล้ว “…”  

 

 

“เสบียงอาหารและข้าวของของภูเขาราชันหลี่ว์หมดไปนานแล้ว หากพวกคุณไม่ได้นำอาหารมา แล้วยังไม่ได้นำเมล็ดพืชไปด้วย เมื่อพวกคุณกลับไปแล้ว พวกคุณคิดจะกินหญ้ากันหรือ?” หลี่ว์ซู่ถามอย่างสงสัย  

 

 

“ได้รับแต้มอารมณ์จากจางเว่ยอวี่+666!”  

 

 

หลี่ว์ซู่แย้มยิ้มเริงร่าและกล่าวว่า “หากพวกเราถูกพบ พวกเราก็หนีไปด้วยกัน ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่เคยทำมาก่อนนี่ วางใจเถอะ!” ขณะกล่าว หลี่ว์ซู่ก็หันศีรษะไปตะโกนใส่กองทัพอู่เว่ยที่อยู่ข้างหลังเขาว่า “พวกเรากลับบ้านกันเถอะ!”   

 

 

หลี่เหลียง ผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่ ใช้เครื่องมือวิเศษเพื่อติดต่อกับสหายร่วมชั้นของเขาในเมืองหลวงอีกครั้ง เขาต้องการหาเงินจากกองทัพอู่เว่ยหลังจากออกจากราชการแล้ว แต่ในท้ายที่สุดกองทัพอู่เว่ยก็ไม่ได้ปรากฏตัวอีกครั้ง   

 

 

จ้าวซ่วย หัวหน้าเจ้าหน้าที่ของบ่อนพนันตระกูลซ่งต้องการเริ่มเดิมพันกับหลี่ว์ซู่อีกครั้ง แต่ก็พบว่า กองทัพอู่เว่ยได้กลับมาที่ภูเขาราชันหลี่ว์ทันทีราวกับว่าพวกเขากลายเป็นคนดีในชั่วข้ามคืน…  

 

 

แล้วสงครามก็ยุติลงโดยไม่มีสัญญาณใดๆ และงานเฉลิมฉลองในเมืองหลวงก็จบลงด้วยผลกำไรจากการเดิมพันมากมาย และหลี่ว์ซู่ก็ยังได้รับคฤหาสน์อยู่ในเมืองหลวงอีกด้วย  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing
หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset