ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 547

หลี่อีเสี้ยวเอ่ยขึ้นอย่างกระวนกระวาย “นี่ไง อยากตีฉันก็ได้ตีแล้ว แล้วทีนี้จะเอาอะไรอีก”

 

 

“ฉันแค่อยากถามว่าตอนนั้นไปแล้วทำไมไม่มาบอกลากันสักคำ” น่าหลานเชวี่ยขู่ฟ่อด้วยความโกรธ เธอเหมือนจะระเบิดได้ตลอดเวลาอย่างกับภูเขาไฟ

 

 

“ทำไมไม่ไปถามแม่เธอดูล่ะ”

 

 

“อย่ามาพูดไม่ดีเกี่ยวกับแม่ฉันนะ!” น่าหลานเชวี่ยเลิกคิ้วขึ้นด้วยความรำคาญ

 

 

คนดูมองสลับไปมาระหว่างหลี่อีเสี้ยวกับน่าหลานเชวี่ย เหมือนพวกเขาจะปะทะฝีปากกันแล้วแฮะ สนุกอะไรแบบนี้!

 

 

หลี่อีเสี้ยวขบฟัน “เอาล่ะทุกคน ช่วยตัดสินให้ทีนะ เมื่อก่อนน่ะ แม่เธอจะดูถูกที่ฉันจนยังไงก็ไม่เป็นไรเพราะฉันก็ยังพยายามทำงานหนักหาเงินมาได้ บางครั้งฉันก็คิดอิจฉาพวกที่แม่ยายไม่ชอบเพราะจนหรือไร้ความสามารถจริงๆ เพราะคนพวกนั้นน่ะ ถ้าได้ลองพยายามดูสักหน่อย สถานการณ์ก็ดีขึ้นมาได้แล้ว แต่แม่เธอน่ะไม่เหมือนใคร แม่เธอน่ะเอาแต่ดูดวง เอาเลขวันเดือนปีเกิด โหงวเฮ้งหน้าตา หรือลายมือ เอาไปดูว่าดวงจะสมพงษ์กันไหม แล้วจะให้ฉันเปลี่ยนได้ยังไงเล่า!”

 

 

หลี่ว์ซู่แทบจะกลั้นหัวเราะไม่ไหว คนอื่นๆ ก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน พี่ชาย! นี่น่ะไปกันใหญ่แล้ว

 

 

น่าหลานเชวี่ยใช้เวลาคิดว่าจะเถียงกลับอย่างไรอยู่นาน “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านายจะไปโดยไม่ต้องบอกลากันนี่นา!”

 

 

“ก็แม่เธอบอกว่าฉันจะเป็นอุปสรรคในชีวิตเธอนี่ ให้ตายเถอะ แล้วจะให้ฉันทำยังไง” หลี่อีเสี้ยวเอือมระอา “บอกมาเลยดีกว่าว่าจะเอาอะไร อยากสู้หรืออยากทะเลาะอะไรก็เอาเลย คนอย่างหลี่อีเสี้ยวไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว!”

 

 

“ได้” น่าหลานเชวี่ยหัวเราะเพื่อสะกดกลั้นโทสะ “งั้นมาสู้กัน วันนี้ไม่ฉันก็นายต้องตายกันไปข้างหนึ่ง”

 

 

ผู้ชมหายใจเข้าเสียงดัง เธอเอาจริงเหรอเนี่ย

 

 

ทันใดนั้นผู้ชมบางคนก็ค่อยๆ เดินออกไปเงียบๆ แค่มวยจีนปาจี๋เมื่อกี้ก็น่ากลัวพอแล้ว ถ้าสองคนนี้สู้กันโดยใช้พลังอย่างเต็มที่จริงๆ ใครจะรู้ว่าจะเกิดพลังทำลายล้างได้แค่ไหน

 

 

อย่าว่าแต่พวกผู้บำเพ็ญที่หลบซ่อนตัวเลย หลี่ว์ซู่เห็นเกาชังเขยิบไปทางประตูกับด้วยเหมือนกัน…

 

 

หลี่ว์ซู่เตรียมเก็บกุยช่ายและตามกลุ่มคนพวกนั้นไป แต่แล้วก็มีคนมาเหยียบกุยช่ายเขาท่ามกลางความวุ่นวาย!

 

 

เท้านั้นหยุดแน่นิ่ง หลี่ว์ซู่มองขึ้นไปก็เห็นหวังเจ๋อทำหน้ารู้สึกผิด “น้องชาย เดี๋ยวฉันจ่ายค่าผักกุยช่ายคืนให้นะ…”

 

 

“แค่นั้นเหรอ แกต้องขอโทษผักกุยช่ายของฉันด้วย!”

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากหวังเจ๋อ +666!]

 

 

“น้องชาย อย่าพูดโง่ๆ สิ ก็เห็นกันอยู่นี่ว่าพวกเขาจะสู้กันตอนไหนก็ไม่รู้ ถ้าระดับ B สองคนพลาดขึ้นมาแล้วเราโดนลูกหลงเข้า เราก็ไม่น่าจะรอดกันหรอกนะ” หวังเจ๋อกังวลขึ้นมา

 

 

“งั้นจะหนีไปโดยไม่ขอโทษงั้นเหรอ คิดว่าไม่เป็นไรงั้นสิ” หลี่ว์ซู่หยัน หวังเจ๋ออยากจะหนีออกไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่หลี่ว์ซู่ดึงเขาไว้ก่อน ทำเอาเขาเกือบล้มลงเพราะแรงหลี่ว์ซู่เยอะเหลือเกิน

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากหวังเจ๋อ +999!]

 

 

หวังเจ๋อเป็นคนปรับตัวเก่ง เขารู้ว่าชีวิตของเขาสำคัญกว่าหน้านัก เขาเลยก้มหัวลงขอโทษกุยช่ายอย่างจริงใจ

 

 

“น้องกุยช่าย ขอโทษนะ”

 

 

แต่ถ้าจะหนีตอนนี้ก็สายไปเสียแล้วล่ะ…

 

 

หลี่อีเสี้ยวและน่าหลานเชวี่ยเริ่มห้ำหั่นกันแล้วโดยไม่มีใครยอมใคร มวยจีนปาจี๋ดูเหมือนจะได้ผลในการต่อสู้ระยะประชิดมากกว่า แต่ก็เทียบไม่ติดกับหมัดพยัคฆ์อันแข็งแกร่งของหลี่อีเสี้ยว

 

 

หลุมหลบระเบิดสั่นสะเทือนไปหมด ฝุ่นจากเพดานร่วงหลงมาจากการแรงสั่นนั้น มีรอยบุบจากหมัดของพวกเขาบนกำแพงเต็มไปหมด

 

 

หวังเจ๋อกลัวจนตัวสั่น ทั้งสองคนเข้าสู้กันรวดเร็วอย่างกับสายฟ้า!

 

 

ตราพยัคฆ์กระโจนออกมาจากหลังของหลี่อีเสี้ยวและน่าหลานเชวี่ยก็ปัดป้องมันออกไปอย่างรวดเร็ว

 

 

ในตอนนี้เธอถอยมาตั้งหลักด้วยการป้องกันมากกว่าการรุกเข้าไป คลื่นพลังระเบิดออกมาในขณะที่พวกเขาสู้กัน ทำให้ผู้ชมเจ็บตัวไปตามๆ กัน

 

 

น่าหลานเชวี่ยตะโกนอย่างโกรธแค้น “กล้าดียังไงโจมตีฉันน่ะ”

 

 

หลี่อีเสี้ยวรู้สึกตัวขึ้นได้จึงหยุดเคลื่อนไหวทันที แต่น่าหลานเชวี่ยก็ฉวยโอกาสนั้นออกหมัดออกไป เธอขึ้นมาครองการต่อสู้อีกครั้งหนึ่ง

 

 

หวังเจ๋อรู้สึกกลัว “น้องชาย ตอนนี้ออกไปกันเถอะ เดี๋ยวออกไปไม่ทันแล้วนะ!”

 

 

หลี่อีเสี้ยวปล่อยหมัดไปยังน่าหลานเชวี่ยที่หลบพยายามหลบเลี่ยง แต่หมัดของเขานั้นหยุดไม่ทันแล้ว มันพุ่งเข้าหาหลี่ว์ซู่และหวังเจ๋ออย่างกับกระสุนปืนใหญ่ ทันใดนั้นหวังเจ๋อก็กลัวจนฉี่ราดกางเกง ส่วนหลี่ว์ซู่นั้นรีบออกแรงจากใต้เท้าแล้วกระโดดขึ้นไปซัดพลังสวนหมัดของหลี่อีเสี้ยว

 

 

เสียงระเบิดดังไปทั่วจุดนั้น ทั้งหวังเจ๋อ เกาชัง และคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหลังหลี่ว์ซู่ก็ตัวลอยกระเด็นไปในอากาศ

 

 

“กล้าดียังไงมาทำหลี่อีเสี้ยวน่ะ!” น่าหลานเชวี่ยระเบิดอารมณ์ออกมา

 

 

ทันใดนั้นน่าหลานเชวี่ยก็รวบรวมพลังของเธอแล้วถลาตัวมาหาหลี่ว์ซู่ แต่เขาก็ถอยหลบมาตั้งหลักได้ เขาปล่อยแสงจากพลังกระบี่ที่มีอยู่นับไม่ถ้วนออกมาจากทะเลแห่งพลังเป็นเสียงวิ้งๆ คมกระบี่พวกนั้นพุ่งหาน่าหลานเชวี่ยเหมือนน้ำสาด พลังนี้ทรงพลังอย่างกับมังกร!

 

 

น่าหลานเชวี่ยก้าวไม่ออก เธอไม่คิดว่าเด็กหนุ่มคนขายกุยช่ายที่เธอเพิ่งดูถูกจะมีความสามารถทัดเทียมพอจะสู้กับเธอหรือกระทั่งหลี่อีเสี้ยวได้ แถมหมัดของเขายังทรงพลังถึงตายอีกด้วย!

 

 

“นี่ฉันฝันไปหรือเปล่า ผู้มีพลังระดับ B สามคนมารวมตัวในที่เดียวกันคืนนี้งั้นเหรอ นี่เป็นตลาดมืดของผู้บำเพ็ญลับจริงหรือเปล่าเนี่ย” หนึ่งในผู้ชมอึ้งตาแตก

 

 

“พวกเขามาจากไหนกันนะ…”

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายน่าหลานเชวี่ยเลย เขาแค่ต้องการจะหยุดเธอเท่านั้น ไม่คิดว่าน่าหลานเชวี่ยจะโกรธแล้วลุกขึ้นมาซัดเขากลับซะได้ แบบนี้ก็ชัดแล้วล่ะว่าเธอยังมีใจให้หลี่อีเสี้ยวอยู่!

 

 

พลังกระบี่ที่มองไม่เห็นพุ่งผ่านน่าหลานเชวี่ยและตรงไปที่กำแพง เกิดรอยมากมายบนผนัง สำหรับกลุ่มคนดูแล้ว รอยนั้นช่างดูเหมือนจิตรกรรมฝาผนัง

 

 

“แกเป็นอะไรกับหลี่เสียนอีน่ะ!” หลี่อีเสี้ยวจำพลังกระบี่นี่ได้ เขาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

 

 

ทักษะนี้ของหลี่ว์ซู่ถือว่าเป็นความลับและมีแต่เนี่ยถิงเท่านั้นที่รู้ เขาต้องการอยากให้ทักษะนี้เป็นไม้ตายเผื่อว่าหลี่ว์ซู่จะต้องไปทำภารกิจในต่างประเทศ

 

 

เพราะฉะนั้นหลี่อีเสี้ยวจึงก็ไม่รู้ว่าหลี่ว์ซู่สามารถเปิดทะเลแห่งพลังได้สำเร็จแล้ว ทว่าพลังกระบี่นั้นมีเอกลักษณ์เกินไป หลี่อีเสี้ยวจึงนึกออกได้ในทันที!

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ไม่ได้อยากจะอยู่ที่นี่กับหลี่อีเสี้ยวและน่าหลานเชวี่ยนานสักเท่าไหร่หรอก เพราะเขาก็ยังไม่รู้ว่าพลังกระบี่นี้จะคงอยู่ได้นานแค่ไหน เขายังไม่แข็งแกร่งมาพอที่จะรับมือผู้มีพลังระดับ B สองคนพร้อมกันไหว

 

 

แต่ก่อนที่ผู้ชมจะหายอึ้ง หลี่ว์ซู่ก็รีบใช้แรงถีบจากเท้ากระโดดหนีไปโดยทิ้งกุยช่ายไว้เบื้องหลัง

 

 

ตอนแรกเขาคิดว่าหลี่อีเสี้ยวกับน่าหลานเชวี่ยจะตามมา แต่พอเขาออกมาจากหลุมหลบภัยได้ หลี่ว์ซู่ก็เพิ่งเห็นว่าสองคนนั้นกลับไปสู้กันต่อแล้ว

 

 

“แม่ยายของหลี่อีเสี้ยวจะคิดอย่างนั้นก็ไม่ผิดหรอก หลี่อีเสี้ยวกับน่าหลานเชวี่ยถูกสร้างให้มาเป็นอุปสรรคของกันและกันแน่ๆ!” อยู่หลี่ว์ซู่ก็รู้สึกเคารพแม่ยายของหลี่อีเสี้ยวขึ้นมาเสียอย่างนั้น เมื่อก่อนเขาคิดว่าการดูดวงนั้นเชื่อถือไม่ได้ แต่ตอนนี้ต้องคิดใหม่เสียแล้วล่ะ…

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset