นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 100

 

หลังจากนั้น ผมกับคุณซิลเวียก็แยกย้ายกันไปที่เต็นท์ของตัวเองเหมือนเมื่อวานนี้

ดูเหมือนว่าช่างแต่งตัวที่เป็นผู้ชายจะยังไม่มา นั่นก็เพราะว่าไม่มีใครอยู่ในเต็นท์เลย

 

ว่าไปแล้ว ระหว่างทางที่มาที่นี่ก็ยังไม่เห็นพวกผู้สืบทอดคนอื่นๆเลยแฮะ

บางทีพวกเราคงจะมากันเร็วไปหน่อยสินะ

 

ผมไม่มีอะไรให้ทำเพราะยังไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน ผมก็เลยนั่งพักลงบนเก้าอี้

เพราะต้องตื่นแต่เช้าล่ะมั้ง พอนั่งลงไปแล้วก็เลยรู้สึกเริ่มจะง่วงขึ้นมา

 

คุณคาร์ล่ากับคุณซึกิคาเงะไม่สามารถเข้ามาในเต็นท์ได้เหมือนกับเมื่อวาน

เพราะว่าวันนี้มีการรักษาความปลอดภัยค่อนข้างแน่นหนาพอสมควร

มันก็เลยช่วยไม่ได้น่ะนะที่ผมจะรู้สึกเบื่อน่ะ

 

ในขณะที่ผมกำลังเหม่อมองไปในอากาศ  

จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาจากนอกเต็นท์

 

“–ท่านเรียว อยู่รึเปล่าคะ? พอดีมีเรื่องที่จะต้องตรวจสอบอยู่น่ะค่ะ…”

 

นึกมาคนเปลี่ยนชุดจะมาแล้วแต่เหมือนจะไม่ใช่แฮะ

พอผมตอบไปว่า [ครับ] จากนั้นเสียงข้างนอกก็ตอบกลับมาอย่างเขินอาย

 

“ขอโทษที่ต้องรบกวนเวลานะคะ แต่ว่าช่วยมาด้วยกันหน่อยจะได้มั้ยคะ? อาจจะกระทันหันไปหน่อย แต่กำหนดการจัดงานมีความเปลี่ยนแปลงไปค่ะ เพราะงั้นเลยจะต้องมายืนยันให้แน่ใจก่อนที่พิธีจะเริ่มน่ะค่ะ”

 

เป็นเสียงที่เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกเลยแฮะ

 

“เข้าใจแล้วครับ”

 

ถ้าผมนั่งรออยู่ตรงนี้ต่อไปล่ะก็ผมคงผล็อยหลับไปแน่ๆ

ถ้าแค่นิดหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ยังไงก็ยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าซะด้วย

 

ผมตอบรับไปและเดินออกไปนอกเต็นท์  

ซึ่งตรงทางเข้าเต็นท์นั้นมีคุณซึกิคาเงะยืนอยู่  

 

นั่นก็เพราะว่าคนที่มาคุ้มกันผมในวันนี้คือคุณซึกิคาเงะกับเมย์ฟา

ส่วนคนที่ไปคุ้มกันคุณซิลเวียก็คือคุณคาร์ล่ากับซึสึนั่นเอง

 

คนที่ยืนอยู่ข้างๆคุณซึกิคาเงะในตอนนี้ก็คือดาร์กเอลฟ์สาวที่มีผมสีดำและผิวสีน้ำตาล

รูปร่างหน้าตาเธอเหมือนคนอายุประมาณ 30 ได้ 

พอเธอสบตากับผมเธอก็พูด [ขะ ขอโทษด้วยค่ะ….] ออกมาพร้อมก้มหัวหลายครั้ง

 

แล้วผมก็หันหาคุณซึกิคาเงะ

 

“ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องที่ต้องยืนยันน่ะครับ เพราะงั้นขอออกไปซักพักนึงนะครับ คุณซึกิคาเงะน่ะ…”

 

“เราจะรออยู่ตรงนี้แหละ ถ้าช่างแต่งตัวมาแล้วเดี๋ยวเราจะบอกเขาให้เองว่าเรียวไม่อยู่ เพราะงั้นวางใจเถอะ”

 

“รบกวนด้วยนะครับ เพราะถ้าเขาไม่เห็นเราขึ้นมาก็คงแย่แน่ครับ”

 

หลังจากคุยกันแล้ว คุณซึกิคาเงะก็ยกนิ้วขึ้นไปข้างบน

แล้วเธอก็ดึงหูจิ้งจอกของเธอด้วยมือทั้งสองข้าง 

จากนั้นเธอก็หมุนนิ้วชี้วนไปหลายรอบ

 

[เมย์ฟาจะคอยคุ้มกันจากเงามืด เพราะงั้นไม่ต้องเป็นห่วงไป]

เธอคงจะหมายความว่าแบบนี้ล่ะมั้งนะ คงใช่แหละ

 

เอาจริงๆ ท่าทางแบบนั้นมันก็สามารถตีความว่า

[เมื่อกี้นี้มีกระรอกบินกำลังร่อนอยู่บนต้นไม้ด้วยล่ะ!] ได้อยู่เหมือนกันนะ

แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว คงไม่ได้หมายความแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ

 

“ถ้างั้นก็ไปกันเถอะครับ เอ่อ จะว่าไปแล้วคุณชื่ออะไรเหรอครับ?”

 

“มะ ไม่ต้องใส่ใจเรื่องของฉันหรอกค่ะ ถะ ถ้างั้น เชิญทางนี้เลยค่ะ”

 

พอผมตกลงจะไปผู้หญิงคนนั้นก็ทำท่าทางดูโล่งใจอย่างโจ่งแจ้ง

แล้วเธอก็เริ่มเดินไปด้วยสีหน้าที่ดูขี้อายและก้มมองลงต่ำ

และผมก็รีบเดินตามหลังของเธอไป

 

อืม ดูน่าสงสัยยังไงก็ไม่รู้สิ

 

มาลองคิดดูแล้ว ปกติถ้ากำหนดการมีการเปลี่ยนแปลงไปล่ะก็

การเรียกผมไปแต่ไม่เรียกคุณซิลเวียไปด้วยนี่ มันก็ไม่น่าจะมีประโยชน์นี่นา

 

ทั้งอย่างนั้นก็กลับเรียกผมไปคนเดียวแบบนี้ มันดูน่าสงสัยนะ

หนำซ้ำยังไม่ยอมบอกชื่อของตัวเองอีกยิ่งดูน่าสงสัยเข้าไปใหญ่

 

แต่ดูๆแล้ว ผมคิดว่าเธอก็คงไม่ใช่สมาชิกของหัตถ์แห่งพระเจ้าหรอกมั้ง

ถ้าเป็นหัตถ์แห่งพระเจ้าจริงๆแล้วล่ะก็ คงจะไม่มาเรียกผมด้วยท่าทางเก้ๆกังๆแบบนี้หรอก

บางทีคุณซึกิคาเงะเองก็จะรู้เรื่องนั้นอยู่แล้ว เธอก็เลยปล่อยให้ผมตามมาได้แบบนี้

 

เอาเถอะ มันก็ดีกว่าจะต้องเผลอหลับไปในเต็นท์ทั้งๆแบบนั้นอยู่ล่ะนะ

แถมเมย์ฟาก็ยังคอยตามมาคุ้มกันผมในที่ที่มองไม่เห็นอีกด้วย

ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ยัยนั่นก็คงเข้ามาปกป้องอยู่แล้วนี่นะ

ยังไงก็ถือว่ามีเส้นทางที่จะขอความช่วยเหลือได้อยู่แหละ

 

“ถะ ถ้างั้น ช่วยเข้าไปในนี้ด้วยนะคะ”

 

ผมถูกนำทางโดยผู้หญิงที่ดูกลัวอะไรบางอย่างมาตั้งแต่ต้นจนถึงปลายทางเลย

ที่ที่ผมมาถึงก็เหมือนว่าจะเป็นเต็นท์ผู้หญิงล่ะ

 

แต่แน่นอนว่าเต็นท์ที่อยู่ตรงนั้นมันไม่ใช่ของคุณซิลเวีย

เต็นท์สีชมพูแบบนี้ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเป็นเต็นท์ของลิลิธจัง

ที่เป็นน้องสาวต่างแม่ของคุณซิลเวียล่ะ

 

ผมหันไปหาผู้หญิงที่นำทางมา

 

“ให้ผมเข้าไปได้งั้นเหรอครับ? ที่นี่น่ะมีแค่ญาติกับคู่หมั้นที่เข้าได้ไม่ใช่เหรอครับ?”

 

“ระ เราทำการแยกผู้คนรอบๆออกหมดแล้วล่ะค่ะ ถ้าเกิดว่าท่านเข้าไปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาล่ะก็ ท่านลิลิธก็จะต้องเป็นคนรับผิดชอบค่ะ…”

 

“……”

 

เท่าที่มองย้อนกลับมาจนถึงตอนนี้แล้ว

ผมไม่เห็นรู้สึกว่าลิลิธจังจะมารับผิดชอบตรงไหนเลย

 

ในขณะที่ผมกำลังลังเลว่าจะเข้าไปดีรึเปล่านั่นเอง

จู่ๆผู้หญิงที่เป็นคนนำทางก็น้ำตาไหลออกมา

 

“ขะ ขอโทษนะคะ ถ้าคุณไม่รีบเข้าไปล่ะก็ เดี๋ยวคนอื่นจะมานะคะ ฉะ ฉันไม่อยากเรื่องนี้มันส่งผลเสียต่อคุณ เพราะงั้นรีบเข้าไปข้างในด้วยเถอะค่ะ”

 

“…เข้าใจแล้วครับ”

 

หลังจากที่ลังเลอยู่ซักพักหนึ่ง ผมก็ตัดสินใจที่จะเข้าไปข้างใน

ถึงเรื่องนี้มันจะกลายมาเป็นปัญหาในภายหลังก็เถอะ

แต่ว่าผมเป็นฝ่ายที่ถูกเรียกมานี่นา

 

แถมผมก็ยังมีคุณซึกิคาเงะกับเมย์ฟา

ที่จะคอยเป็นพยานให้ได้ว่าผมถูกเรียกเข้าไปในเต็นท์จริงๆอยู่ด้วย

 

พอผู้หญิงคนนั้นได้ยินคำตอบของผม เธอก็ทำหน้าโล่งใจทันที

 

จากนั้นเธอก็ส่งเสียงเบาๆเข้าไปในเต็นท์ว่า[พาท่านเรียวมาเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ ท่านลิลิธ]

หลังจากนั้น แทนที่จะมีคำตอบกลับมา จู่ๆก็มีบางอะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่นอกเต็นท์

เหมือนจะมีเสียงอะไรบางอย่างกระทบเข้ากับทางเข้าเต็นท์จนส่วนที่กระทบนั้นงอไปเลย

 

“ฮี้….!”

 

หญิงสาวผู้นำทางคนนั้นยักไหล่ขึ้นด้วยความหวาดกลัว

 

“อย่ามัวแต่ชักช้าสิ รีบๆเข้ามาข้างในได้แล้ว! เดี๋ยวก็มีใครมาเห็นเข้าหรอก!”

 

“ขะ ขออภัยด้วยค่ะ ขออภัยด้วยค่ะ”

 

ผมมองไปหาผู้หญิงที่กำลังหวาดกลัวจนตัวสั่น

แล้วผมก็เดินเข้าไปข้างในทั้งๆแบบนั้น โดยที่ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรเลย

 

“รบกวนหน่อยนะครับ ว่าแต่มีเรื่องอะไรจะพูดกับผม–“

 

ถ้าเป็นงี้ล่ะก็ รีบจบเรื่องแล้วก็รีบกลับเลยดีกว่า

พอตัดสินใจได้แบบนั้นแล้วผมก็เดินเข้าไปข้างใน

แล้วพอผมได้เห็นผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าผม ผมก็ถึงกับตัวแข็งทื่อไปเลย

 

“หื้ม เป็นการทักทายที่ดูโง่เง่าจริงๆ ซิลเวียนี่ก็ตาต่ำในการมองผู้ชายเหมือนกันนะ”

 

–ลิลิธจังกำลังสวมชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธุ์อยู่ล่ะ

แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วล่ะนะ  

เพราะวันนี้มันคือวันจัดงานแต่งนี่นา ไม่ใช่วันก่อนซะหน่อย

 

ผมมัวแต่คิดเรื่องการถูกเรียกตัวมาอย่างกระทันหันเท่านั้น

จนลืมคิดถึงเรื่องที่ลิลิธจังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปเลย

นั่นก็เพราะว่าผมเองก็ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลยนี่นะ

 

ชุดแต่งงานของลิลิธจังเป็นสีขาวและมีดีไซน์ที่แตกต่างจากคุณซิลเวียและคุณคาร์ล่าเมื่อวานนี้

ความสั้นของกระโปรงนี่ น่าจะเรียกได้ว่าสั้นที่สุดแล้วเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย

แค่ขยับนิดเดียว ก็คงจะเห็นก้นเล็กๆของเธอได้เลยล่ะมั้งนั่น

 

เธอใส่กางเกงรัดรูปที่ยาวถึงแค่กลางๆต้นขา  

แต่เนื้อผ้ามันบางมากจนเห็นผิวขาวๆของเธอทะลุผ้า

ไหปลาร้ากับหน้าอกของเธอก็เปิดโล่งพอสมควร

 

ถ้าให้พูดตามตรงแล้วต้องบอกเลยว่าส่วนที่ชุดปกปิดอยู่น่ะมีน้อยมากจริงๆเลยล่ะ

 

ชุดเป็นชุดเดรสกระโปรงสั้นสีขาวบริสุทธิ์ประดับด้วยดอกกุหลาบสีชมพูเล็กๆ

ส่วนผมทวินเทลของเธอก็ประดับด้วยดอกกุหลาบเช่นกัน

ดูน่ารักมากซะจนทำให้ผมลืมสถานการณ์ตอนนี้ไปเลยล่ะ

 

ถ้าก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดเรื่องอะไรมาก่อน ผมก็คงจะชมเธอไปแล้วล่ะ

 

“…เดี๋ยวเถอะ ฟังอยู่รึเปล่า? มัวแต่จ้องอะไรอยู่ได้น่ะ?”

 

เพราะผมไม่ตอบ ลิลิธจังก็เลยเดินเข้ามาหาผมอย่างหงุดหงิด

 

เนื่องจากชุดของเธอมันเปิดหน้าอกเยอะมาก

พอมองจากด้านบนผมก็เห็นหัวนมของเธอผ่านช่องว่างของชุดนั้นได้เลยล่ะ

ผมก็เลยเผลอมองไปโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะลิลิธจังเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นรึเปล่า 

เธอก็เลยมีเลศนัยออกมา

 

“อะไรกัน หรือว่าคุณพี่เนี่ย จะรู้สึกสนใจหัวนมของผู้หญิงงั้นเหรอ♡? คุณภรรยาอยู่เต็นท์ตรงนั้นเองแท้ๆนะ เป็นคุณสามีที่นิสัยไม่ดีเอาซะเลยนะ♡?”

 

พอพูดแบบนั้นเสร็จ 

เธอก็เอานิ้ววางลงบนชุดตรงหน้าอกของเธอแล้วเลื่อนมันลงมา

 

ถึงผมจะมองไม่เห็นหัวนมของเธอ 

แต่ผมก็พอจะมองเห็นขอบหัวนมสีชมพูอ่อนของเธอได้นิดหน่อย

 

“หยุดเลยนะ ถ้ามีใครมาเห็นเข้าเดี๋ยวคนเค้าก็เข้าใจผิดหรอกนะ? ว่าไปแล้วทำไมถึงเรียกมาแบบนี้ล่ะ?”

 

“หืม?”

 

หลังจากที่จัดการเรื่องหน้าอกของเธอได้แล้ว 

ลิลิธจังก็ยิ้มออกมาอีกครั้งหนึ่ง

 

“นั่นสินะ…ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องกัน ก่อนอื่นเรามาฟังนี่กันก่อนดีมั้ย?”

 

ลิลิธจังเดินไปภายในเต็นท์และหยิบวัตถุสี่เหลี่ยมสีดำที่อยู่ตรงกลางโต๊ะขึ้นมา

เท่าที่ดูเหมือนว่ามันจะทำมาจากเหล็กนะ…

 

“นี่น่ะนะ เป็นไอเทมที่สามารถบันทึกเสียงได้ล่ะ”

 

“บันทึก?”

 

“ใช่แล้ว ถ้ามันอยู่ไกลเกินไปมันก็ใช้ไม่ได้หรอกนะรู้มั้ย? แต่ถ้าอยู่ภายในระยะไม่กี่เมตรล่ะก็ ใช้ได้ไม่มีปัญหาเลยล่ะนะ”

 

ลิลิธจังทำอะไรบางอย่างกับไอเทมเวทย์มนตร์ในมือ

ด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกำลังวางแผนอะไรบางอย่าง

และจากนั้นเสียงก็เริ่มดังออกมา

 

[มะ ไม่ใช่นะครับ! ครั้งนี้ผมกับคุณซิลเวียน่ะแค่แต่งงานกันหลอกๆเพื่อรับมรดกเฉยๆเท่านั้นแหละครับ! ไม่ได้จะแต่งงานกันจริงๆนะครับ!]

 

–นั่นคือเสียงของผมเมื่อสองวันก่อนนั่นเอง

 

 

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนานผมทำตามที่กิลด์มาสเตอร์สั่งและเดินตรงไปยังห้องประเมินของกิลด์ ในตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป สินค้าก็ได้วางอยู่ในห้องไว้อยู่แล้ว และเมจิคไอเทมที่กิลด์มาสเตอร์อยากให้ผมประเมินนั้นวางอยู่บนโต๊ะ ผมเดินไปหยิบคริสตัลประเมินออกมาจากตู้และเปิดใช้งานมันด้วยพลังเวทย์ คริสตัลประเมินนี่ถือว่าเป็นของมีค่ามากเลยทีเดียว ในแต่ละกิลด์ภายในอาณาจักรจะต้องคริสตัลนี้สาขาละ1อัน ก็ตามชื่อน่ะนะ คริสตัลอันนี้ มีไว้เพื่อใช้ประเมินค่าของเมจิคไอเทม ผมบอกตัวเองว่า ถ้าผมทำคริสตัลอันนี้แตกขึ้นมาล่ะก็ ต่อให้ผมจะเกิดใหม่ซัก 3 รอบก็คงไม่มีทางทำงานหาเงินมาจ่ายได้แน่ๆ จะว่าไปแล้ว คริสตัลอันนี้มันจำทำให้เราคิดมากจนเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? หรือนี่มันจะเป็นชะตากรรมของผมกันนะ? ในตอนนั้นเองที่ผมกำลังหยิบคริสตัลประเมินผมไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ชายเสื้อของผมมันไปเกี่ยวกับไอเทมเวทย์มนต์บนโต๊ะและตอนที่ผมขยับออกมา เมจิคไอเทมอันหนึ่ง–ขวดแก้วเล็กๆ ตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset