ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 101 ช่วยชีวิตปลานกแก้ว

บทที่ 101 ช่วยชีวิตปลานกแก้ว
โดย
Ink Stone_Fantasy

ตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้า ฉินสือโอวได้เดินไปดูห้องของเด็กทั้งสี่คนนั้นทีละห้อง พวกเขาต่างกำลังหลับสนิทกันอยู่
กอร์ดอนถีบผ้าห่มจนแทบจะตกลงบนพื้น มิเชลล์ห่อตัวเองไว้จนเหมือนกับรังไหมไม่มีผิด เวลานอนเชอร์ลี่ย์มักจะหดตัวไว้และหมอนก็ไม่ได้อยู่ที่ใต้หัวแต่กลับกอดไว้ที่อก พาวลิสแค่ได้ยินเสียงเปิดประตูเบาๆก็รีบลืมตาขึ้นมาอย่างเร็ว
“สวัสดีตอนเช้า นักแข่งรถ” ฉินสือโอวยิ้มและพูดขึ้น “ยังเช้าอยู่เลย หลับต่ออีกสักพักเถอะ”
พาวลิสลูบหน้าและรีบสวมเสื้อยีนของตัวเอง จากนั้นก็พูดอย่างเกรงใจขึ้นว่า “เมื่อคืนผมนอนดึกมาก พระเจ้า ช่างเหลือเชื่อจริงๆ นอนอยู่บนเตียงจนดึกมากถึงจะหลับไป”
ฉินสือโอวให้เขานอนต่อแต่เขากลับตื่นขึ้นมาแล้ว ฉินสือโอวออกไปวิ่ง กลับมาก็เห็นพาวลิสกำลังถูพื้นอยู่อย่างคล่องแคล่ว ทำให้พื้นห้องรับแขกที่สกปรกมากกลายเป็นสะอาดหมดจดขึ้นมาทันที  สะอาดจนปรากฏให้เห็นลวดลายของพื้นไม้เมเปิล
“ฮายเพื่อน ทุกอาทิตย์บริษัทรับทำความสะอาดจะส่งคนมาเก็บกวาด นายไม่ต้องทำหรอก” ฉินสือโอวโอบไหล่เขาไว้และเอ่ยขึ้น
พาวลิสยิ้มจนเห็นฟันขาวและพูดออกมาด้วยเสียงเบาๆ “อย่าเลยฉิน สุขอนามัยของคนในบ้านก็ต้องให้คนในบ้านเป็นคนทำความสะอาด การเก็บกวาดบ้านเป็นการฝึกฝนที่ดีเยี่ยมอย่างหนึ่ง”
ฉินสือโอวเอาไม่ถูพื้นวางไว้อย่างดี ตบไปที่ไหล่เขาและพูดขึ้น “เตรียมตัวกินข้าวเช้ากัน”
ในขณะที่เขาเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก็พบว่าMSNที่อยู่บนคอมพิวเตอร์มีข้อความทิ้งไว้ พอเปิดดูก็เป็นวินนี่ที่ส่งคลิปวิดิโอมาให้ เขาจึงทักกลับไปใหม่สุดท้ายวินนี่ก็ได้รีบตอบรับอย่างทันที
“ฉิน กลับมาจากวิ่งแล้วเหรอ? ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“ดีมากเลยวินนี่ ช่วงนี้เกิดเรื่องที่น่าสนใจขึ้นเล็กน้อย ครั้งหน้าถ้าคุณมาที่ฟาร์มปลาจะต้องตกตะลึงแน่ คุณอยู่ไหน? ทำไมถึงดูเหมือนเหนื่อยล้ามาก”
“ฉันอยู่ที่ไมอามี พระเจ้า ฉันพึ่งปรับเที่ยวบิน ต่อไปต้องบินที่ไมอามีแล้ว ที่นี่อากาศดีมากแต่ผู้ชายอเมริกาน่ารังเกียจมาก มิน่าล่ะสายการบินแอร์แคนาดาที่บินมาอเมริกาถึงใช้พนักงานต้อนรับที่เป็นป้าๆ”
ฉินสือโอวยิ้มเล็กน้อยขณะที่ฟังวินนี่บ่น ทันใดนั้นประตูห้องนอนก็มีเสียงเคาะดังขึ้น ฉินสือโอวหันหลังไปกำลังจะพูดขึ้นว่า ‘COME-IN’ สุดท้ายหู่จือก็ได้ลุกขึ้นและวิ่งพุ่งออกไป แค่มันใช้ปากก็สามารถเปิดประตูได้แล้ว
ใบหน้าอันเรียวเล็กของเชอร์ลี่ย์ก็ได้ปรากฏขึ้นมา เธอหลบอยู่ที่นอกประตูพร้อมกับเอ่ยถามอย่างเอียงอาย “คุณ คุณช่วยสอนหนูหน่อยได้ไหมว่าอุปกรณ์เครื่องครัวพวกนั้นใช้ยังไง?”
ฉินสือโอวกวักมือเรียกให้เธอเข้ามา และมายืนอยู่ที่หน้ากล้องเพื่อพูดคุยกับวินนี่ “ดูสิ ฟาร์มปลาของผมมีสมาชิกใหม่”
เชอร์ลี่ย์จ้องมองที่หน้าจออย่างแปลกประหลาดใจ เมื่อเห็นวินนี่ที่แต่งหน้าอย่างละเอียดอ่อน ใบหน้าสวยสดงดงาม บุคลิกเรียบร้อยและมีระดับ บนใบหน้าอันเรียวเล็กของเธอก็ปรากฏให้เห็นความตกตะลึงและใฝ่หา
“ว้าว สาวน้อยสวยจัง นี่คือใครเหรอ?” วินนี่ยิ้มทักทาย
“หลานสาวของคุณเออร์บัก และยังมีหลานที่เหลืออีกสามคน พึ่งมีเมื่อวานนี่เอง ตอนนี้พักอยู่กับพวกเราที่นี่ พวกเขาเห็นว่าฉันเหงาเลยมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน” ฉินสือโอวโอบเชอร์ลี่ย์ไว้และพูดอธิบาย
“เชอร์ลี่ย์ ทักทายสิ นี่คือพี่วินนี่”
“ว้าว พระเจ้า เธอสวยมากเลย! พี่วินนี่เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดเท่าที่หนูเคยเห็น!” เชอร์ลี่ย์จ้องมองอย่างตาโต
วินนี่ทำมือส่งจูบให้เธอและพูดหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “รอให้เธอโตขึ้น เธอก็จะสวยกว่าพี่วินนี่อีก”
ฉินสือโอวเรียกเด็กๆทั้งสามคนขึ้นมาเจอกับวินนี่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดแจ้ง แต่วินนี่ที่รู้ว่าเออร์บักไม่มีลูกสืบตระกูล ก็พอจะเข้าใจแล้วว่าเด็กทั้งสี่คนนี้คือคนที่ฉินสือโอวเก็บมาเลี้ยง ดังนั้นจึงเลี่ยงที่จะพูดเรื่องหนักหน่วงและเปลี่ยนมาชื่นชมพวกเขา โดยไม่พูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัว
“โอเค ถ้าอย่างนั้นคุณพักผ่อนเถอะ ดูเหนื่อยล้ามากเลย พึ่งลงจากเครื่องใช่ไหม? ผมจะไปทำอาหารเช้าแล้ว” ฉินสือโอวบอกลาวินนี่จากนั้นก็ปิดคอมพิวเตอร์
“พวกเธอจะกินอะไร? ดื่มอะไร? แค่บอกฉันก็พอแล้ว” ฉินสือโอวเอ่ยถามขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาค่อนข้างที่จะกลัดกลุ้มในใจ เพราะว่าเขาเป็นคนที่ขี้เกียจคนหนึ่ง แม้แต่อาหารเช้าของตัวเองเขายังขี้เกียจทำ ตอนนี้เพิ่มเด็กมาอีกสี่คน ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย
แต่ว่าเขาจำเป็นต้องเรียนรู้การแบกรับภาระและความรับผิดชอบ
เด็กทั้งสี่คนส่ายหน้าพร้อมกัน พวกเขาเลือกเองไม่ได้ ฉินสือโอวจึงใช้โทรศัพท์ค้นหาตำราอาหารของเด็ก พบว่าเด็กควรกินขนมปังธัญพืช นมวัวและน้ำผลไม้คั้นสด ในตอนเช้าไม่ควรกินไส้กรอกและเบคอน ต้องกินไข่ทอดเพิ่มโปรตีน แต่ว่าการทำไข่ทอดก็ต้องพิถีพิถันหน่อยไม่พลิก เป็นการทอดด้านเดียวให้มีความสุกประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์ ไข่ทอดแบบน้ำเชื่อมเป็นการทอดสองด้านให้มีความสุกประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์ และถ้าทอดสุกจะเป็นไข่ทอดชีส…
ฉินสือโอวเริ่มปวดหัวแล้ว คนแคนาดาค่อนข้างพิถีพิถันกับอาหารเช้ามาก พยายามเสริมไขมันเพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย และพยายามเสริมพวกโปรตีนและวิตามิน พยายามเลี่ยงกินอาหารและเครื่องดื่มที่มีสารปรุงแต่งมากเกินไป…
ฉินสือโอวยุ่งอยู่กับการทำอาหารอยู่ประมาณสี่สิบกว่านาที เขาคั้นน้ำส้ม น้ำแอปเปิลและน้ำแอปเปิลแดงสายพันธุ์เรดเดลิเชียส จัดคู่เข้ากับนมวัวสดที่มาส่งในตอนเช้า อีกทั้งยังมีไข่ทอดและแผ่นปลาทอดอีกหนึ่งจานใหญ่ สลัดผลไม้และผักอีกหนึ่งจาน และสุดท้ายคือแผ่นขนมปัง
“ชูชู่ สุดท้ายก็เสร็จสักที” ฉินสือโอวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขายกอาหารไปไว้บนโต๊ะและเรียกให้เด็กๆมากิน
ในขณะที่กำลังกินอาหาร หลังจากที่เด็กทั้งสี่คนตักอาหารเช้าใส่จานบ้างเล็กน้อยแล้ว พวกเขาก็ได้ลงไปนั่งยองๆที่พื้น โดยไม่นั่งที่โต๊ะอาหาร
สุดท้ายฉินสือโอวก็ตระหนักได้ว่า ชีวิตในอดีตของเด็กเหล่านี้ทำให้พวกเขามีอุปนิสัยที่รู้สึกต่ำต้อยมากเกินไป เป็นเช่นนี้ไม่ได้ เขาต้องหาวิธีสร้างอุปนิสัยที่มั่นใจในตัวเองและการมองโลกในแง่ดีให้กับพวกเขาขึ้นมาใหม่
“เลี้ยงเด็กนี่เหนื่อยมากเลยนะ” ฉินสือโอวรู้สึกเศร้าโศกในใจ
 พูดจนปากเปื่อยปากแฉะ จนอีกนิดเดียวฉินสือโอวก็จะลงไปนั่งยองๆกินข้าวกับพวกเด็กๆแล้ว แต่พวกเด็กๆก็ยังไม่ยอมที่จะขึ้นมานั่งที่โต๊ะ
กระรอกเสี่ยวหมิงวิ่งซวนเซเข้ามา เมื่อสักครู่ฉินสือโอวกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารเช้าอยู่ในครัวเลยไม่ได้ให้อาหารมัน จึงทำได้เพียงแค่มากินด้วยกัน
เมื่อเห็นขนอ่อนนุ่มสีน้ำตาลแดงทั้งตัวของเสี่ยวหมิง บนใบหน้าของเชอร์ลี่ย์ก็ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มของหัวใจที่กำลังเต้น ฉินสือโอวลากเธอมานั่งที่โต๊ะ และให้เสี่ยวหมิงรออยู่ที่ข้างจานอาหารของเธอ จากนั้นจึงพูดขึ้น “มา เชอร์ลี่ย์ เธอป้อนอาหารให้เสี่ยวหมิง”
“เสี่ยวหมิงเหรอ?”
“ใช่แล้ว นี่เป็นชื่อของมัน ต่อไปเวลากินข้าวเธอต้องป้อนข้าวมัน พวกเธอกินข้าวด้วยกันนะ”
เชอร์ลี่ย์ออกแรงพยักหน้า ด้วยเหตุนี้เธอจึงนั่งอยู่ที่โต๊ะและสร้างความแตกต่าง ปัญหาของเด็กคนอื่นๆจึงสามารถแก้ไขได้ สุดท้ายทุกคนก็นั่งลงที่โต๊ะอาหารและกินอาหารมื้อเช้าจนเสร็จ
ในตอนเช้าต้องไปสำรวจฟาร์มปลา ฉินสือโอวจึงพากอร์ดอนและมิเชลล์ขับเรือหัวกว้างสไตล์ไครเมียออกสู่ทะเล
จิตสำนึกโพไซดอนดำดิ่งลงไปในทะเล ฉินสือโอวได้ลอยไปลอยมาอยู่ที่บริเวณใกล้ๆกับหินปะการัง สุดท้ายเขาก็เห็นปลานกแก้วสามสี่ตัวทะลุออกมาจาก’ชุดนอน(เมือกห่อหุ้มร่างกายเพื่อป้องกันตัวเองในเวลานอน)’ ของตัวเอง
ปลานกแก้วสามารถถักทอ ‘ชุดนอน’ ได้ โลกใต้ท้องทะเลนั้นค่อนข้างมหัศจรรย์ วิธีการถักทอ’ชุดนอน’ ของพวกมันเหมือนกับตัวไหมพ่นเส้นใยเพื่อทำรังไหมไม่มีผิด พวกมันจะพ่นเมือกสีขาวใสออกมาทางปาก โดยใช้ครีบท้องและครีบหางเป็นตัวช่วย ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงก็สามารถถักทอเป็นรังห่อหุ้มทั้งตัวได้
ด้วยเหตุนี้ปลานกแก้วก็สามารถหลบซ่อนอยู่ใน ‘ชุดนอน’ ของมันได้แล้ว พวกมันสามารถนอนหลับได้สนิท ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลว่าจะถูกนักล่าจับกินเป็นอาหาร
แต่ทว่าในบางครั้งที่มันถักทอชุดนอนได้แข็งเกินไป หลังจากที่ตื่นนอนในตอนเช้า หากปากของมันกัดออกมาไม่ได้ก็จะทำให้มันถูกกักอยู่ในนั้นจนตาย เช่นนั้นก็ช่างน่าเวทนาเสียจริง
หากจะหวังให้กลุ่มเพื่อนด้วยกันมาช่วยนั้นก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าพวกเพื่อนๆจะคิดว่าพวกมันกำลังพักผ่อนอยู่จึงไม่อยากรบกวน
ปลานกแก้วชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มซึ่งเป็นปลาประเภทที่มีความสามัคคีมาก รังไหมที่มีขนาดใหญ่หรือเล็กสิบกว่ารังได้ซุกอยู่ตามซอกแนวปะการังอย่างยุ่งเหยิง
ในจำนวนมากได้ถูกกัดจนแตกออกแล้ว แต่ก็มีสามสี่อันที่ยังไม่ได้ถูกเปิดออก ฉินสือโอวจึงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของความวิตกกังวลออกมาจากรังไหมรังหนึ่ง
ฉินสือโอวเดาว่าต้องมีปลานกแก้วที่กำลังถูกกักขังไว้ เขาจึงใช้พลังโพไซดอนควบคุมโดยการหนีบรังไหมและใช้ความแหลมคมของหินปะการังกรีดให้เป็นช่องเปิดอ้า จากนั้นปากของปลาตัวหนึ่งก็ได้ยื่นออกมา มันค่อยๆกัดรังไหมให้แตกและว่ายหนีออกมา
ช่างน่าสนใจมาก ฉินสือโอวรับรู้ได้ว่าเมื่อปลาตัวนี้หนีออกมาได้ มันได้หายใจอย่างโล่งอก
ไม่ไกลมาก มีหอยนมสาวทะเลยักษ์ที่เป็นสิ่งล้ำค่ามากกำลังก้าวขยับอย่างนุ่มนวลเพื่อไปหาอาหารในทุกซอกทุกมุม บอลหิมะเหมือนกับค่อนข้างสนใจในตัวมัน มันจึงว่ายน้ำลงไปและจ้องมองหอยขนาดใหญ่นี้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและความรู้สึกที่อยากลอง จากนั้นจึงอ้าปากราวกับอยากที่กลืนกินมันเข้าไป
ฉินสือโอวตกใจจนฉี่แทบราด เขารีบไปปลอบโยนเจ้าบอลหิมะไว้ ถ้าหากมันกลืนกินสิ่งนี้ลงไปในปาก เขาอาจจะต้องสูญเสียเงินไปกว่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ
หอยนมสาวทะเลยักษ์ไม่รู้ว่าตัวเองพึ่งจะเดินอยู่บนเส้นของความตาย เมื่อมันหาสาหร่ายหางม้าได้ มันจึงยื่นตัวออกมาและกินสาหร่ายเหล่านั้นเข้าไป
เมื่อสำรวจดูฟาร์มปลาอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบ แล้วพบว่าไม่มีปัญหาอะไร ฉินสือโอวจึงเอาจิตสำนึกโพไซดอนกลับมา
เด็กทั้งสี่คนไม่มีอะไรทำ คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะทำความสะอาดวิลล่าอีกครั้ง ฉินสือโอวจึงจนปัญญาแล้ว เขาจะต้องเข้าไปในเมืองเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับเงื่อนไขการส่งพวกเขาเข้าเรียนในโรงเรียนให้ได้
จากนั้นชาร์คและซีมอนสเตอร์ก็ได้มาหาเขา พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น “ฮาย บอสรู้ไหมว่าใกล้จะมีพายุคลื่นมาแล้ว?”
ฉินสือโอวมองค้อนใส่และพูดขึ้น “รู้แน่นอน พวกนายจะตื่นเต้นกันไปทำไม? อยากจะพักผ่อนเหรอ?”
ซีมอนสเตอร์ยกมือขึ้นปฏิเสธและเอ่ยออกมา “ไม่ใช่บอส ตอนนี้เป็นโอกาสดีอย่างหนึ่ง โอกาสดีที่จะจับเพรียงตีนเต่า!”
“เพรียงตีนเต่าเหรอ?” ฉินสือโอวเกาหัว เขารีบไปที่หน้าคอมพิวเตอร์และค้นหาข้อมูลของสิ่งสิ่งนี้ ช่างน่าอายมากที่ในความเป็นจริงแล้วเจ้าของฟาร์มปลาอย่างเขามีความรู้เกี่ยวกับท้องทะเลอันกว้างนี้น้อยมาก
…………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset