รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 118 คุณโข่งไม่ได้บอกว่าให้ปล่อยเธอไป

บทที่ 118 คุณโข่งไม่ได้บอกว่าให้ปล่อยเธอไป
โข่งลิ่งเสียน! เมื่อได้ยินชื่อของโข่งลิ่งเสียน หม่าวั่นถังก็รู้สึกสั่นในใจ เขาเคยได้ยินชื่อเสียงของโข่งลิ่งเสียนมา เป็นบุคคลที่มือชื่อเสียงอย่างมากในเขตหัวตง ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าจริงๆแล้วเขาทำอะไร แต่ว่าไม่ว่าเศรษฐี หรือข้าราชการระดับสูงหน้าไหนในหัวตง ต่างก็ให้ความเคารพโข่งลิ่งเสียน ไม่มีใครกล้าแข็งข้อด้วย
ก่อนหน้านี้หม่าวั่นถังเคยอยากขอโอกาสที่จะเข้าพบโข่งลิ่งเสียน แต่เขาก็พยายามใช้ทุกวิถีทางแล้ว แต่สุดท้ายเป็นเพราะกำลังที่มีอยู่จำกัด จึงไม่อาจทำตามความปรารถนาได้ คิดไม่ถึงว่าการติดต่อกันครั้งแรกระหว่างเขากับโข่งลิ่งเสียน จะเกิดขึ้นด้วยวิธีนี้
หม่าวั่นถังผงะไป เขากลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก
ถึงแม้อีกฝ่ายจะพูดมาเพียงแค่ประโยคที่ฟังดูเรียบง่าย แต่จะใช้เหตุผลแค่นี้ตัดสินว่าเขาคือโข่วลิ่งเสียนไม่ได้ แต่คนที่จะสามารถต่อสายโทรศัพท์จากนอกโรงแรมเข้ามาที่สายภายในของโรงแรมได้จะมีสักกี่คน? หม่าวั่นถังเองก็ถือเป็นพ่อปลาไหลที่โลดแล่นอยู่ในวงการธุรกิจมานานแล้ว แล้วทำไมจะตัดสินจากน้ำเสียงไม่ได้ ว่าอีกฝ่ายเป็นตัวปลอมหรือของจริง?
“ทำไม? หรือว่าคำพูดของฉันใช้การไม่ได้?” โข่งลิ่งเสินถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ประโยคนี้ ทำให้หม่าวั่นถังตระหนักได้ว่า ตอนนี้เข้าเชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่าอีกฝ่ายคือโข่งลิ่งเสียน
“ได้ ผมจะฟังคุณ จะหยุดเดี๋ยวนี้……” หม่าหวั่นถังพูดอย่างเกรงกลัว เขาหันไปส่งสายตาให้หม่าเก๋อ หม่าเก๋อไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะปล่อยส้งเส่นเอ๋อ ส้งเส่นเอ๋อโน้มตัวลง เธอรังเกียจที่ถูกหม่าเก๋อบังคับจูบเธอเมื่อครู่ จึงถ่มน้ำลายออกมา
หม่าเก๋อไม่เข้าใจผู้เป็นพ่ออย่างมาก ตอนนี้ตระกูลของเขาตัดสินใจแล้วว่าจะออกไปเติมโตที่อื่น แม้แต่ประธานสหพันธ์ธุรกิจจีนหลิง ชื๋อหยินจ้งก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้า แล้วทำไมจู่ๆพ่อจึงมายอมอ่อนข้อในเวลาที่สำคัญที่สุดเช่นนี้?
“คุณทำอะไรพวกเอหรือยัง?” โข่งลิ่งเสียนถาม ฉินหลั่งที่นั่งอยู่ข้างๆก็แอบฟังสิ่งที่หม่าวั่นถังจะพูดต่ออย่างใจจดใจจ่อ
หม่าวั่นถังตกใจอย่างมาก เขาเหลือบไปมองส้งเส่นเอ๋อที่กำลังโน้มตัวอาเจียน มือที่กำลังจับโทรศัพท์อยู่เริ่มสั่น
“เอ่อ…ลูกชายของผม…จูบส้งเส่นเอ๋อไปสองสามที ส่วนผู้หญิงอีกคนหนึ่ง…พวกเรายังไม่ได้แตะต้องเธอ” หม่าวั่นถังพูดด้วยอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่กล้าโกหกโข่งลิ่งเสียนเลยแม้แต่น้อย
เมื่อได้ยินสิ่งที่หม่าวั่นถังพูด โข่งลิ่งเสียนก็หันไปมองฉินหลั่ง แววตาของฉินหลั่งแสดงออกถึงความเศร้าอยู่แวบหนึ่ง แล้วจึงหันไปส่งสายตาให้กับโข่งลิ่งเสียน เพื่อให้พูดตามที่เขาสั่งเอาไว้ก่อนหน้านี้
“…ดี ขอแค่คุณหนูโจวซินไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ส่วนคนอื่นๆผมไม่สน พวกคุณอยากจะทำอะไรก็ทำ ตอนนี้รถที่ผมส่งไปกำลังจะถึงโรงแรมแล้ว คุณให้คุณหนูโจวซินออกมาเดี๋ยวนี้ ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ผมจะคิดบัญชีกับคุณ……” โข่งลิ่งเสียนพูดเบาๆ
ส้งเส่นเอ๋อพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ไม่ใช้หรือว่า ต่อให้เธอจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉินหลั่งเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าที่ฉินหลั่งไม่สนใจเธอ ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ เขาพอจะเดาออกว่าที่หม่าเก๋อโกรธแค้นส้งเส่นเอ๋อนั้น เหตุผลหลักๆเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ดีเขาต่อหน้าผู้คนที่ผับโอวโล่ด้วยความหยิ่งยโส นิสัยของส้งเส่นเอ๋อนั้นหยิ่งยโสเกินไป ฉินหลั่งจึงอยากจะอาศัยโอกาสในครั้งนี้เพื่อสั่งสอนเธอ
“ครับๆ ผมจะปล่อยเธอเดี๋ยวนี้……” หม่าวั่นถังรีบตกปากรับคำ พูดจบ ทางฝั่งนั้นก็วางโทรศัพท์ เหงื่อของหม่าวั่นถังไหลออกมาเต็มหน้าผาก
“พ่อ ใครโทรมา ทำไมพ่อถึงได้รับปากที่จะปล่อยคน?” หม่าเก๋อถามหม่าวั่นถังอย่างไม่พอใจนัก เขาคิดไม่ออกจริงๆว่า ตอนนี้ยังมีใครที่จะสามารถทำให้พ่อเชื่อฟังได้ขนาดนี้
“เป็นคนที่พวกเราไม่ควรไปแส่หาเรื่อง ฟังพ่อ รีบปล่อยคนซะ…..” หม่าวั่นถังจ้องหม่าเก๋อแล้วพูด เขาอาจจะไม่กลัวประธานชื๋อ ชื๋อหยินจ้ง แต่ว่า ชื่อหยิงจ้งกับโข่งลิ่งเสียนนั้นไม่ใช่คนระดับเดียวกัน ชื๋อหยินจ้งอย่างมากก็แค่ทำให้หม่าวั่นถังไม่อาจทำธุรกิจในจีนหลิงต่อไปได้ แต่ความสามารถของโข่งลิ่งเสียนนั้น สามารถทำให้เขาไม่อาจพำนักในหัวตงหรือแม้กระทั่งทั่วประเทศเลย ก็อาจจะเป็นไปได้
สิ่งที่หม่าวั่นถังคิดไม่ถึงก็คือ ถ้าหากว่าเขากล้าท้าทายโข่งลิ่งเสียน ไม่เพียงแค่ธุรกิจที่ไม่อาจทำต่อไปได้เท่านั้น แต่เขาจะอยู่ถึงได้ดุพระอาทิตย์ขึ้นในวันพรุ่งนี้ได้หรือไม่นั้นก็ไม่อาจบอกได้
“คนที่พวกเราไม่อาจไปแส่หาเรื่องได้? พ่อ ใครกันแน่……” หม่าเก๋อคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกว่าใครกันที่สามารถทำให้พ่อของเขากลัวได้ถึงขนาดนี้
“โข่งลิ่งเสียนแห่งเซี่ยงไฮ้ แกคงไม่รู้จักเขา แต่แม้กระทั่งคนที่รวยที่สุดของมณฑลซูเจอเขา ก็ยังต้องเกรงใจ ส่วนชื๋อหยินจ้งหากอยู่ต่อหน้าเขาก็เป็นเพียงแค่อากาศเท่านั้น” ตอนนี้หม่าวั่นถังกำลังรู้สึกอารมณ์เสียและสับสนว่า ทำไมตนเองถึงไปแส่หาเรื่องกับคนของโข่งลิ่งเสียนเข้าให้ได้?
ตอนนี้ ต่อให้หม่าเก๋อยังไม่เชื่อ เพราะไม่เคยได้ยินชื่อของโข่งลิ่งเสียนผู้นี้ แต่ไม่เชื่อก็ไม่ได้ โข่งลิ่งเสียนเป็นคนที่ไม่ว่าอย่างไรเสียตระกูลของเราก็ไม่อาจไปแส่หาเรื่องได้
เขามองส้งเส่นเอ๋อด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ครั้งนี้เห็นอยู่ชัดๆแล้วว่าจะสามารถทำให้ส้งเส่นเอ๋อต้องทนอยู่กับความอัปยศอดสูที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้ แต่กลับมีคนมาช่วยเธอเอาไว้ได้อีก
“มองอะไร!” ส้งเส่นเอ๋อยืดตัวขึ้น แล้วจ้องมองหม่าเก๋อด้วยความแค้น นึงถึงที่เขาบังคับจูบเธอเมื่อครู่นี้ ความโกรธของส้งเส่นเอ๋อก็พลุ่งพล่านขึ้นมา เธอเงื้อมือขึ้นแล้วตบลงไปบนหน้าของหม่าเก๋อ: “แกคิดว่าแกเป็นใคร ถึงได้กล้ามาจูบฉัน ฉันจะจัดการกับตระกูลของพวกแกให้ได้……”
“แก……” หม่าเก๋อถูกตบจนหน้าชา แต่เขาก็ไม่กล้าต่อปากต่อคำกับส้งเส่นเอ๋อ ถ้าหากทำให้โข่งลิ่งเสียนคนนั้นโมโหล่ะก็ ดูจากปฏิกิกริยาของพ่อแล้ว ตระกูลของเขาคงไม่อาจรับผลลัพธ์ที่จะตามมาได้
“แกทำไม พวกแกสองพ่อลูกที่ไร้ยางอายต่างหาก ควรจะส่งพวกแกเข้าไปอยู่ในคุกซะ ให้นั่งอยู่ในคุกไปจนตาย!” ส้งเส่นเอ๋อเห็นใบหน้าของหม่าเก๋อก็รู้สึกโมโหจนถึงที่สุด เธอทำหน้าบึ้งตึง แล้วใช้เท้าเตะไปที่เป้าของหม่าเก๋อโดยไม่ให้ทันได้ตั้งตัว และไม่ออมแรงเลยแม้แต่น้อย
“โอ๊ย……” หม่าเก๋อร้องลั่นเอามือกุมเป้าล้มลงไปกองอยู่ที่พื้น เจ็บจนแทบจะขาดใจ
“หึ สมน้ำหน้า แกระวังฉันเอาไว้ให้ดีๆก็แล้วกัน!” ส้งเส่นเอ๋อมองดุหม่าเก๋อที่ลงไปนอนกลิ้งอยู่ที่พื้นแล้วพูดด้วยความภาคภูมิใจ
“เส่นเอ๋อ พวกเรารีบไปกันเถอะ” โจวซินรู้สึกว่าส้งเส่นเอ๋อทำเช่นนี้อันตรายเกินไป ถ้าทำให้หม่าเก๋อสองพ่อลูกร้อนใจ จนทั้งสองคนนั้นทนไม่ไหวขึ้นมาแล้วล่ะก็ แล้วมาฮึดสู้กับพวกตนทั้งสองคนจะทำเช่นไร? ตอนนี้โจวซินคิดเพียงแต่ว่าอยากจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่านั้น
“โจวซิน อย่าไปกลัว เธอไม่เห็นเหรอว่าหม่าวั่นถังกลัวจนพูดอะไรไม่ออกแล้ว? อาศัยความกล้าของพวกมันทั้ง 2 คนแล้ว พวกมันไม่มีทางที่จะกล้าทำอะไรพวกเราแล้ว” ส้งเส่นเอ๋อสังเกตเห็นท่าที่ตอนที่หม่าวั่นถังคุยโทรศัพท์หมดแล้ว เหมือนกับหนูที่เจอเข้ากับแมวก็ไม่ปาน ครั้งนี้คนที่ช่วยพวกเธอจะต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่กว่าชื่อหยินจ้งอย่างแน่นอน ตอนนี้ส้งเส่นเอ๋อจึงไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย
“ยังมีเจ้าเต่าเฒ่านี่อีก” ส้งเส่นเอ๋อพูด แล้วเดินเข้าไปหาหม่าวั่นถังด้วยท่าทีที่ก้าวร้าว แล้วใช้เท้าเตะเข้าไปที่เป้าของหม่าวั่นถังเช่นเดียวกัน แต่ครั้งนี้หม่าวั่นถังจับเท้าของส้งเส่นเอ๋อเอาไว้
“แก! ปล่อยนะ ไอเต่าเฒ่า!” หม่าวั่นถังหัวเราะอย่างเลือดเย็นแล้วพูดว่า เมื่อครู่ตอนที่คุยโทรศัพท์นั้น โข่งลิ่งเสียนได้บอกแล้วว่าเขาสนใจแค่ความปลอดภัยของโจวซินคนเดียวเท่านั้น ส่วนคนอื่น เขาไม่ได้สนใจ นั่นหมายความว่า ต่อให้พวกเขาจะทำอย่างไรกับส้งเส่นเอ๋อ โข่งลิ่งเสียนก็ไม่มีทางโกรธพวกเขา
“ปล่อยนะ แกไม่กลัวคุณโข่งจะมาจัดการพวกแกหรือไง? ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับฉัน เขาจะต้องมาคิดบัญชีกับแกเป็นคนแรกอย่างแน่นอน” ส้งเส่นเอ๋อถูกหม่าวั่นถังจับเท้าเอาไว้ แล้วพูดด้วยความโมโห
“เหอะ คุณโข่งให้พวกเราปล่อยแค่คุณหนูโจวซิน แล้วแกมีความสำคัญอะไรกัน คุณโข่งไม่สนใจด้วยซ้ำว่าแกจะเป็นหรือตาย” หม่าวั่นถังพูดเยาะเย้ย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ส้งเส่นเอ๋อก็หน้าถอดสีทันที
“จริงรึเปล่า พ่อ” หม่าเก๋อลุกขึ้นมาจากพื้น แล้วหันไปพูดกับหม่าวี่นถังด้วยความประหลาดใจ เขาเดินเข้าไปหาส้งเส่นเอ๋อ แล้วใช้มือจับข้อมือขอฃส้งเส่นเอ๋อเอาไว้ หัวเราะอย่างเลือดเย็นแล้วพูดว่า: “นังแพศยา เมื่อกี้แกยังหยิ่งยโสอยู่เลย ลองโอหังให้ฉันดูต่ออีกหน่อยสิ”
มองดูสองพ่อลูกตระกูลหม่าที่เหมือนปีศาจที่อยู่ตรงหน้า ส้งเส่นเอ๋อก็ตกใจอย่างมาก เอหันไปมองโจวซิน: “โจวซิน ช่วยฉันด้วย โจวซิน ช่วยฉันด้วย……”
“พวกคุณปล่อยเธอไปได้ไหม อย่าทำร้ายเธอเลย……” โจวซินหันไปอ้อนวอนหม่าเก๋อสองพ่อลูก
“เรื่องของพวกเราเธอไม่ต้องมายุ่ง เธอรีบไปจะดีกว่า” หม่าวั่นถังหันไปพูดกับโจวซินอย่างสุภาพ แต่สำหรับโจวซินแล้วท่าทีเช่นนั้นช่างดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก
โจวซินกลัวว่าถ้าหากตนเองอยู่ที่นี่ต่อ พวกหม่าวั่นถังอาจจะเปลี่ยนใจ หันมาจับตนเองเอาไว้อีก ในเมื่อเธอเองก็อยากช่วยส้งเส่นเอ๋อออกไปจากที่นี่ แต่เธอไร้ความสามารถ เธอจึงค่อยเดินถอยออกจากห้องไปด้วยความกลัว แล้วเตรียมที่จะออกไปแจ้งตำรวจที่ด้านนอกเพื่อมาช่วยส้งเส่นเอ๋อ
โจวซินรีบวิ่งออกมาจากโรงแรมอย่างตื่นตระหนก พอดีกับที่ในเวลานี้ รถมาเซราติlevanteคันที่รับฉินหลั่งก่อนหน้านี้ ก็มาจอดอยู่ที่ด้านหน้าของเธอ
“หา……” ตอนที่มีคนลงมาจากรถมาเซราติ โจวซินก็รู้สึกตกใจมาก แต่เมื่อได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าพวกเขาเป็นคนที่โข่งลิ่งเสียนส่งมารับเธอ เธอถึงได้สงบลง
“พี่ชาย ขอร้องพวกคุณช่วยเข้าไปช่วยเพื่อนฉันหน่อย ตอนนี้เธออยู่ข้างใน อาจจะถูกสองพ่อลูกตระกูลหม่าทำมิดีมิร้ายเอาได้ ฉันขอให้พวกคุณไปช่วยเธอหน่อย” โจวซินลากชายหนุ่มที่รูปร่างสูงใหญ่ แล้วขอร้องพวกเขาด้วยความร้อนใจ
“เอ่อ……พวกเราได้รับคำสั่งมาแค่ให้ดูแลความปลอดภัยของคุณเท่านั้น” อีกฝ่ายแสดงท่าทีลำบากใจ
“ฉันคุกเข่าให้พวกคุณก็ได้ พวกคุณไปช่วยเธอหน่อยเถอะนะ……” โจวซินคุกเข่าลงกับพื้น น้ำตาไหลออกมา
“คุณรีบลุกขึ้นเถอะ พวกเรารับไว้ไม่ได้” ชายหนุ่มรีบโน้มตัวลงไปประคองโจวซินขึ้นมา แต่โจวซินยังไงๆก็ไม่ยอมลุกขึ้น จึงไม่มีทางเลือก พวกเขาจึงทำได้เพียงต้องยอมรับปากโจวซิน: “ได้ พวกเราจะไปช่วยเธอ……”
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก” ขณะที่โจวซินกำลังกล่าวขอบคุณ ชายหนุ่มรูปร่างกำยำทั้งสองคนก็วิ่งเข้าไปในโรงแรมเรียบร้อยแล้ว
ส้งเส่นเอ๋อถูกหม่าวั่นถังสองพ่อลูกกดลงไปที่เตียง หม่าวั่นถังจับแขนทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ ส่วนหม่าเก๋อคว้าคอเสื้อของส้งเส้นเอ่ออยู่ด้วยแววจาที่ชั่วร้าย เขาออกแรงกระชาก ไหล่ของส้งเส่นเอ๋อก็โผล่ออกมา
ส้งเส่นเอ๋อรู้สึกสิ้นหวัง เธอกำลังต่อสู้ดิ้นรนอย่างตื่นตกใจ แต่อย่างเธอนี่หรือจะเป็นคู่ต่อสู้ของชายหนุ่มสองคนได้? เธอปิดตาลงแล้วน้ำตาแห่งความเจ็บปวดก็ไหลออกมา
ในตอนนี้เอง ชายหนุ่มรูปร่างกำยำทั้งสองคนพังประตูเข้ามา แล้วเตะหม่าวั่นถังกระเด็นลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น แล้วดึงส้งเส่นเอ๋อขึ้นมาจากเตียง
ส้งเส่นเอ๋อรุ้สึกเหมือนได้มีชีวิตใหม่ ตอนนี้เอง เธอยังจะกล้าด่าสองพ่อลูกตระกูลหม่าอย่างไร้สติได้อย่างไร? เธอถูกชายหนุ่มรูปร่างกำยำสองคนประคองออกมาจากโรงแรมอย่างรวดเร็ว
“เส่นเอ๋อ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เมื่อเห็นส้งเส่นเอ๋อถูกประคองออกมา โจวซินก็รีบเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง หญิงสาวทั้งสองสวมกอดกัน แล้วพูดคุยกันตลอด 20 นาที อารมณ์ของส้งเส่นเอ๋อจึงค่อยๆสงบขึ้น
“คุณหนูทั้งสองเชิญขึ้นรถเถอะครับ พวกเราจะส่งพวกคุณกลับ” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวด้วยความเคารพ
“อ้อ ให้พวกคุณรอเสียนานเลย” พูดจบ โจวซินและส้งเส่นเอ๋อก็เข้าไปในรถ ตอนนี้เองความสนใจของพวกเธอหันไปอยู่ที่มาเซราติราคากว่าสองล้านหยวนที่นั่งอยู่คันนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้นั่งรถหรูขนาดนี้
“พี่ชายท่านนี้ ขอถามหน่อยว่าทำไมคุณโข่งถึงต้องช่วยพวกเราด้วย?” โจวซินเอ่ยถามชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอ เธอรู้สึกว่ามันแปลกมาก ตนเองไม่เคยพบคนที่ชื่อโข่งลิ่งเสียนมาก่อน แล้วทำไมเขาถึงได้ยื่นมือเข้ามาช่วย?
“อ้อ คุณโข่งมาก็เพราะคุณชายใหญ่……” ชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่นั่งอยู่ตรงข้ามพวกเธอกำลังจะพูดความจริงออกมา ตอนนี้เอง คนที่นั่งอยู่ข้างคนขับก็ทำเสียงกระแอมขึ้นมา หันหน้ากลับมาขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า : “รู้ดีนักนะ”
“คุณชายใหญ่?” โจวซินและส้งเส่นเอ๋อต่างก็รู้สึกแปลกใจ จึงได้พยายามถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับพวกเธอต่อว่า: “คุณชายใหญ่ของพวกคุณคือใคร? รู้จักพวกเราไหม? เขาชื่อว่าอะไร?”
“คุณอย่าถามอีกเลย หน้าที่ของพวกเราคือคุ้มครองพวกคุณทั้งสองคนให้กลับไปอย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องที่เหลือพวกเราไม่รู้ ขอให้รอดูเองดีกว่า!” ตอนนี้ชายหนุ่มปิดปากแน่น ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีก
“เอ๊ะ นี่มัน……” มือของโจวซินปัดออกจากที่นั่งอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอรู้สึกว่าตนเองสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่าง จึงหยิบขึ้นมาดู เป็นเชือกสีแดงที่มีรอยผูกสองเส้น เธอหันไปพูดกับส้งเส่นเอ๋อด้วยความประหลาดใจ: “เส่นเอ๋อ นี่มันเชือกสีแดงที่หญิงชรามอบให้เธอกับฉินหลั่งที่ตลาดกลางคืนใช่ไหม?”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset