บทที่ 134 คุณแม่อย่าไปเป็นผู้หญิงของคนไม่ดีนะคะ
ในขณะเดียวกัน ในร้านอาหารที่มีชื่อว่า ฮ่องกงน้อย มีรถเบนซ์สีดำมาหยุดจอดอยู่หน้าร้าน การตกแต่งภายนอกของร้าน ฮ่องกงน้อย ไม่เหมือนกับหย่งเหอหยวน Berkeley Hotelหรือโรงแรมหรูในเมืองจีนหลิง ที่นี่ดูธรรมดามาก แต่ที่นี่มีชื่อเสียงเพราะชื่อร้าน ฮ่องกงน้อย สามคำนี้ ที่ตั้งได้น่าเกรงขามมาก
ที่นี่เป็นจุดสำคัญในการขยายแก๊งที่หลี่ฉีหัวหน้าแก๊งฉีวางแผนไว้ วันนี้ หลี่ฉีกับผู้อาวุโสในแก๊งมารวมตัวกันที่นี่ เพื่อทำการประชุมสรุปผลกลางปี
“ลงมาได้แล้ว”อู๋ยี่หยวนสองแม่ลูกถูกชายชุดดำดึงลงมาจากรถ ชายชุดดำคนหนึ่งดึงอู่ยี่หยวนตรงเข้าไปในร้าน
“แม่คะ หนูกลัว”เจียเจียพูดเสียงสั่น ตั้งแต่ที่พวกเธอสองแม่ลูกถึกจับตัวมาจากโรงแรม เจียเจียก็กลัวมาก ในขณะที่กำลังเดินเข้าไปในร้านฮ่องกงน้อย เจียเจียรู้สึกเหมือนกำลังเดินเข้าไปในประตูนรก
“ไม่ต้องกลัวนะลูก เจียเจียไม่ต้องกลัว แม่จะปกป้องลูกเองจ้ะ” อู่ยี่หยวนอุ้มเจียเจียไว้แน่น พร้อมกับพูดปลอบข้างหู เธอเองก็เป็นผู้หญิงธรรมดา จะไม่รู้สึกดลัวได้ยังไงกัน แต่อยู่ต่อหน้าลูกสาว เธอจะต้องเข้มแข็ง
ในร้านอาหารถูกแบ่งกั้นไว้ด้วยกระจกใส ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นที่เดียวกัน ขนาดห้องประมาณสี่ร้อยถึงห้าร้อยตารางเมตรและเจาลึกเข้าไปด้านใน
ในเวลานี้ ภายในร้านอาหารอบอวลไปด้วยกลิ่นหอม มีโต๊ะอาหารจัดเรียงอยู่ประมาณยี่สิบโต๊ะ แต่ละโต๊ะมีผู้ชายวัยรุ่น วัยกลางคน ส่วนใหญ่อายุน่าจะประมาณยี่สิบถึงสี่สิบห้าปี สูงสุดน่าจะประมาณห้าสิบนั่งอยู่จนเต็ม ทรงผมของพวกเขาเป็นเอกลักษณ์มาก บนตัวของพวกเขาต่างก็ใส่สร้อยทอง และมีรอยสักเต็มตัว
บางคนก็กำลังสูบบุหรี่ บางคนก็กำลังนั่งดื่มเหล้า เสียงการละเล่นเสี่ยงลูกเต๋าดังไปทั่วร้าน เกือบจะครึ่งห้องข้างกายขะมีผู้หญิงแต่งตัวเซ็กซี่นั่งเคียงข้าง
คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นลูกน้องในแก๊งฉี การประชุมใหญ่ในครั้งนี้ ตัวหลักมีแค่หลี่ฉีและหัวหน้ากลุ่มที่ต้องประชุม ส่วนพวกเขาแค่มานั่งดื่มกินเที่ยวอย่างสบายใจ รอพวกหลี่ฉีประชุมกันเสร็จ แล้วออกมาประกาศอะไรเล็กน้อยก็จบแล้ว
“แค่กแค่ก”อู๋ยี่หยวนถูกควันบุหรี่ในห้องรมจนต้องไอออกมา ตั้งแต่สองแม่ลูกเดินเข้ามาก็ตกเป็นที่สนใจของทุกคนในห้อง
“เอ๊ะ ผู้หญิงคนนี้สวยมากเลยนี่นา”
“ดูไร้เดียงสามากซะด้วย”
“มีลูกมาด้วย แบบนี้ก็ไม่ต้องมีลูกอีกคนแล้ว คนสวยมาเป็นของผมเถอะ”
“พวกนายอยากตายหรือไง เธอเป็นผู้หญิงที่พี่เหมาถูกใจ ถ้าหัวหน้าเหมามาได้ยิน พวกนายโดนแร่เนื้อแน่ๆ” ชายชุดดำที่คุมตัวอู๋ยี่หยวนสองแม่ลูกเข้ามาพูดด่าลูกน้อง คนอื่นพอได้ยินว่าเป็นผู้หญิงคนเหมาอี จึงหดคอไม่กล้าพูดแซวอีกเลย
“ไปกันได้แล้ว”ชายชุดดำผลักอู๋ยี่หยวนเข้าไปข้างใน หัวหน้าแก๊งฉีและหัวหน้ากลุ่มคนอื่นๆนั่งรอกันอยู่ที่ห้องด้านในสุด
ด้านในมีห้องส่วนตัวอยู่ เป็นห้องที่หรูหรากว่าห้องธรรมดา ด้านในมีโต๊ะกลมสีแดงหงส์ตั้งอยู่ มีชายวัยกลางคนนั่งอยู่แปดคน อายุราวๆสามสิบถึงสี่สิบปี สวมใส่ชุดสีฟ้าเหมือนกัน พวกเขาก็คือหัวหน้ากลุ่มต่างๆในแก๊งฉี
คนที่นั่งอยู่ตรงกลาง ที่ดูสุขุมและน่าเกรงขามก็คือหลี่ฉีหัวหน้าแก๊งฉี สีผมของเขามีทั้งสีดำและขาวผสมกัน สีผิวของเขาไม่นับว่าขาว สีหน้าแฝงแววเจ้าเล่ห์ ในตอนนี้เขากำลังใช้ผ้าสีแดงผืนหนึ่ง เช็ดหยกที่มีราคาหนึ่งล้านหยวนในมืออย่างประณีต
“สองสามวันนี้หัวหน้าเหมาไปทำอะไรอยู่ ทำไมประชุมสำคัญแบบนี้ เขาถึงได้ไม่มาร่วมประชุมด้วย”หัวหน้ากลุ่มคนอื่นๆพากันคาดเดาว่าทำไมเหมาอีถึงได้ไม่มาร่วมการประชุมในครั้งนี้
“ไม่น่าจะเป็นแบบนี้นี่นา ถ้านับดูในช่วงครึ่งปีมานี้ คนที่ทุ่มเทให้แก๊งฉีฝีมากที่สุดก็คือหัวหน้าเหมา โรงแรมที่เขารับผิดชอบอยู่ให้ค่าคุ้มครองมากที่สุด แล้วอีกอย่าง หลังจากที่แก๊งชิงหลงสลายแก๊งไป แก๊งฉีของเราก็เป็นใหญ่ในจีนหลิง หัวหน้าเหมามีความดีความชอบไม่น้อย ถ้าดูจากนิสัยของเขา เขาไม่มีทางที่จะไม่มาร่วมประชุมในครั้งนี้นี่นา”
“คงจะไม่ได้เป็นเหมือนที่เขาเล่าลือกัน ว่าหัวหน้าเหมา…”หัวหน้ากลุ่มคนหนึ่งพูดอย่างระมัดระวัง คำพูดด้านหลังไม่ค่อยเป็นมงคลเขาจึงไม่พูดออกมา แต่คนอื่นๆต่างก็เข้าใจความหมาย สีหน้าของพวกเขาเคร่งขรึม ก่อนจะหันไปมองทางหลี่ฉี
เหมาอีขาดการติดต่อไปสามวันแล้ว ตั้งแต่สองวันก่อนจนถึงวันนี้ แก๊งฉีส่งคนออกตามหา และพยายามใช้ทุกวิถีทางในการหาเบาะแสของเหมาอี แต่ก็ยังไร้วี่แวว จนคนภายนอกต่างก็เล่าลือกันว่าเหมาอีเสียชีวิตไปแล้ว
ถ้าขาดเสาหลักในการหารายได้เข้าแก๊งอย่างเหมาอีไป จะส่งผลกระทบต่อแก๊งอย่างหนัก
กลับเห็นว่าหลี่ฉียังคงนั่งเช็ดหยกอย่างสบายอารมณ์ ไม่มีท่าทางกังวลใจเลยแม้แต่น้อย
“เหมาอีตายแล้วก็ตายแล้ว มีอะไรต้องตกใจกัน แก๊งฉีตอนนี้ไม่ใช่ว่าขาดหัวหน้ากลุ่มไปแค่คนเดียวแล้วจะไปไม่รอดสักหน่อย”หลี่ฉีมองทุกคนในห้องอย่างเย็นชา จนพวกเขาเริ่มกลัว “ตอนนี้ในจีนหลิง มีใครกล้ามีปัญหากับแก๊งฉีบ้าง แก๊งหง แก๊งพีลี่ หรือว่าหนานชิงหงต่อให้พวกเขาใจกล้ายังไง พวกเขาก็ไม่กล้ามีปัญหากับพวกเรา”
หัวหน้ากลุ่มคนอื่นๆนิ่งคิดตาม ก่อนจะเห็นด้วยกับคำพูดนี้ ถ้าดูจากอิทธิพลของแก๊งฉีในตอนนี้ ถึงแม้จะไม่มีเหมาอี คนอื่นๆก็ไม่มีใครกล้ามีปัญหากับแก๊งฉี
พอรู้ความคิดของหลี่ฉี พวกเขาก็เข้าใจในทันที ในขณะเดียวกัน ก็เคารพในตัวของหลี่ฉีในใจ ที่มองอะไรได้ชัดเจนถึงขนาดนี้
“แน่นอน ว่าขาดหัวหน้าเหมาไปจะส่งผลกระทบกับแก๊งฉี แต่ว่าศพของเขา…”หลี่ฉีเดาได้นานแล้ว ว่าตอนนี้เหมาอีไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว เขามองไปที่หัวหน้ากลุ่มคนอื่น “ จากนิสัยของเหมาอี ถ้าถายในสามวันไม่ปรากฏตัว และยังไม่ได้รับข่าวว่าเขาถูกลักพาตัวไป เขาก็คงมีโอกาสรอดน้อยมาก”ทุกคนรู้สึกเศร้า แต่ก็เห็นด้วยกับความคิดของหลี่ฉี
“เราจะต้องตามหาศพของหัวหน้าเหมาให้เจอ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีจุดประสงค์อะไร คนที่ฆ่าหัวหน้าเหมาจะต้องได้รับโทษสถานหนัก”หลี่ฉีพูดด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด “คนของแก๊งฉีเรา ไม่ใช่ว่าใครอยากจะฆ่าก็ฆ่าได้ ไม่อย่างนั้นแก๊งฉีเราจะยืนหนึ่งในเมืองจีนหลิงได้ยังไงกัน คนคนนี้อาจจะอยากท้าทายแก๊งเรา มันคงคิดผิด แต่ก็ถือเป็นโอกาสสำหรับแก๊งเรา ที่จะถือโอกาสนี้ ทำการเชือดไก้ให้ลิงดู”
“ถูกต้อง”
“อย่าให้รู้นะว่ามันเป็นใคร ไม่อย่างนั้นพวกมันตายแน่”
“กล้ามาหาเรื่องแก๊งฉีเรา มันคงอยากตายเต็มทีแล้ว”
หัวหน้ากลุ่มคนอื่นพอได้ยินคำพูดของหลี่ฉีจึงเริ่มคิดได้ จึงยิ่งรู้สึกนับถือหลี่ฉีมากขึ้น และซื่อสัตย์ต่อแก๊งฉีมากขึ้น
หลี่ฉีมองไปที่ทุกคนในห้อง พอเห็นหน้าที่บวมเป่งเหมือนหัวหมูของคางตี๋ เขาก็อารมณ์เสียทันที เขามองไปทางคางหงฉวน ก่อนจะต่อว่า “หัวหน้าคาง ลูกชายของคุณถูกตีจนหน้าบวมเป่ง คุณภูมิใจมากหรือไง ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก พวกคุณสองพ่อลูกก็ไม่ต้องเข้าร่วมการประชุมของแก๊งอีกแล้ว”
“ไม่ใช่แน่นอนครับ ท่านฉียกโทษให้ด้วย ผมรับประกันว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกเป็นครั้งที่สองครับ”คางหงฉวนพูดประจบ
ตอนคางตี๋มาถึง ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ถูกตีจนหน้าบวม ตอนนั้น หลี่ฉีกับหัวหน้ากลุ่มคนอื่นๆกำลังคุยกันเรื่องความคืบหน้าของแก๊งในครึ่งปีมานี้ คางหงฉวนจึงไม่ทันได้ถามไถ่
พอถูกหลี่ฉีต่อว่า คางหงฉวนยิ่งไม่สบายใจ จากที่เขารู้จักหลี่ฉีมา ทำไมเขาจะฟังความหมายคำพูดของหลี่ฉีไม่ออก จากนี้ไปถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก ตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มของเขาคงจะหลุดมือไปแน่ๆ
คางหงฉวนถลึงตามองลูกชายที่ไม่ได้ความของตนเอง ที่แบกหน้าที่เหมือนหัวหมูนั่งอยู่ข้างๆ เขาก็แทบจะหยิบมีดมาแร่เนื้อบนหน้าลูกชายออกมาเป็นชิ้นๆ แล้วเอามาแก้มเหล้าซะเลย
แต่ถึงจะโมโห แต่คางหงฉวนก็ยังไม่เข้าใจ ว่าในเมือนจีนหลิงยังมีใครที่กล้าทำร้ายลูกชายของเขาอีก
พอเห็นสายตาของบิดาที่มองมาทางตนเอง ทำให้คางตี๋หดคออย่างหวาดกลัว ไม่กล้าสู้หน้า จึงเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ถ้าให้บิดารู้ว่าตอนอยู่ที่หย่งเหอหยวนเขาคุกเข่าแล้วตบหน้าตัวเอง อีกทั้งยังตะโกนบอกว่าตนเองสมควรโดนตี บิดาของเขาคงจะฉีกเขาออกเป็นชิ้นๆแน่ๆ
“ท่านฉีครับ ผมพาตัวมาแล้วครับ”ในขณะนั้นเอง ชายชุดดำทั้งสองคนก็พาอู๋ยี่หยวนสองแม่ลูกมาถึง ห้องของพวกหลี่ฉี
“อืม”พอเห็นใบหน้าที่งดงามของอู๋ยี่หยวน หลี่ฉีก็ตะลึงไปเล็กน้อย มือที่เช็ดหยกอยู่ก็หยุดลงเช่นกัน เขาพบว่าผู้หญิงคนนี้น่ามองกว่าหยกในมือมาก หลี่ฉีระบายยิ้มที่ยากจะคาดเดาออกมา แล้วจ้องมองอู๋ยี่หยวนนิ่ง “คุณคงจะเป็นผู้หญิงที่หัวหน้าเหมากำลังพยายามจรบอยู่คนนั้สินะ เป็นผู้หญิงที่สวยสมคำร่ำลือ บอกมาเถอะ ว่าสองวันนี้ หัวหน้าเหมาเคยไปหาคุณจริงไหม”
“ไม่… ไม่ได้ไปค่ะ”อู๋ยี่หยวนตอบกลับอย่างอ้ำๆอึ้งๆ ในสมองของเธอคิดถึงภาพเหตุการณ์ในห้องครัว ที่เหมาอีตายอย่างอนาถ เธอหลับตาลง แล้วรู้สึกหวาดกลัว
“หึ” ทำไมหลี่ฉีจะมองไม่ออกว่าอู๋ยี่หยวนพูดจริงหรือโกหก “เขาตายไปแล้วใช่ไหม”
“ฉันบอกแล้วไง ว่าเขาไม่ได้มาหาฉัน”อู๋ยี่หยวนตอบกลับอย่างร้อนตัว
“ผมเกลียดที่สุดคือมีคนพูดโกหกต่อหน้าผม ถ้าปกติคนที่กล้าโกหกผม อย่างน้อยคงต้องถูกตัดนิ้วทิ้ง แต่ผมจะละเว้นคุณเป็นกรณีพิเศษ” หลี่ฉียังคงระบายยิ้ม เขายิ่งมองยิ่งรู้สึกชอบผู้หญิงคนนี้ “ในเมื่อหัวหน้าเหมาตายไปแล้ว ผมก็ไม่ถือว่าแย่งผู้หญิงของเพื่อน มานั่งนี่เถอะ มานั่งข้างๆผม”หลี่ฉีพูดอย่างมีเหตุมีผล เหมือนฮ่องเต้กำลังสั่งนางสนม
อู๋ยี่หยวนตกใจกอดเจียเจียก้าวถอยหลังไปหลายก้าว
“แม่ขา หนูกลัว พวกเขาเป็นคนไม่ดี เราไปจากที่นี่กันเถอะนะคะ”เจียเจียเป็นเด็ก แต่ความสามารถในการรับรู้ถึงอันตรายไม่น้อยไปกว่าผู้ใหญ่
อู๋ยี่หยวนไม่ตอบ เธอได้แต่กอดเจียเจียไว้แน่น ก่อนจะมองไปทางหลี่ฉีอย่างระแวดระวังตัวเอง
“ไม่มานั่งเหรอ ก็ได้”หลี่ฉีลุกขึ้นยืน แล้วเดินตรงไปหาอู๋ยี่หยวน อู๋ยี่หยวนอยากจะหนี แต่กลับถูกชายชุดดำทั้งสองคนจับตัวไว้ซะก่อน
“แม่ขา หนูกลัว…”เจียเจียหลับตาลงแล้วกรีดร้องออกมา ในขณะที่หลี่ฉีเดินมาหยุดลงข้างกายสองแม่ลูก และกำลังยื่นมือไปดึงมือของอู๋ยี่หยวน เจียเจียก็ลืมตาขึ้นมา แล้วจับมือของหลี่ฉีขึ้นมา ก่อนจะกัดสุดแรง
“เด็กบ้านี่”หลี่ฉีตะโกนด่า ใช้มืออีกข้างกระชากเส้นผมของเจียเจีย แล้วดึงเธอลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะโยนเจียเจียลงบนพื้นอย่าแรงจนเกิดเสียงดัง ปึง เจียเจียรู้สึกเจ็บมาก เธอร้องเรียกมารดาเสียงสั่น “แม่ขา…”
เธอคิดแค่ว่าอู๋ยี่หยวนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว นี่เป็นความคิดที่แสนบริสุทธิ์ของเด็กสาว
“เด็กบ้าอยากตายนักฉันจะทำให้สมหวังเอง” หลี่ฉีด่า ก่อนจะยกเท้าขึ้น เพื่อจะเหยียบลงบนศีรษะของเจียเจีย ถ้าเท้านี้เหยียบลงไป เจียเจียคงไม่รอดแน่ๆ
“อย่านะ” อู๋ยี่หยวนตะโกนร้องอย่างตกใจ ก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาเจียเจีย ก่อนที่เท้าของหลี่ฉีจะเหยียบลงไป เธอใช้ร่างกายของตัวเองบังตัวเจียเจียไว้
หลี่ฉีหยุดเท้าไว้กลางอากาศ
“คุณรักลูกสาวคุณมาก แต่คุณต้องเข้าใจ คนที่ผมต้องการจะฆ่า ถึงจะเป็นเทพเจ้าก็ช่วยไว้ไม่ได้”หลี่ฉีพูดเสียงเย็น “แต่วันนี้ผมจะให้โอกาสคุณ ถ้าคุณยอมเป็นผู้หญิงของผม ผมจะยอมไว้ชีวิตเด็กนี่ ถ้าคุณไม่ตกลง ผมจะฆ่าเด็กนี่ต่อหน้าคุณ”
ถึงแม้หลี่ฉีจะไม่เคยเจออู๋ยี่หยวนมาก่อน แต่เขาเคยได้ยินเหมาอีเล่าให้ฟัง ว่าอู๋ยี่หยวนเป็นผู้หญิงแกร่ง ถ้าคิดจะปราบเธอให้อยู่หมัด ไม่ใช่เรื่องง่าย ดูท่าเด็กสาวคนนี้จะเป็นจุดอ่อนของเธอ ถือโอกาสนี้ให้เธอตกเป็นผู้หญิงของเขาซะ
อู๋ยี่หยวนค่อยๆอุ้มเจียเจียขึ้นมา แล้วลูบศีรษะเธออย่างอ่อนโยน
“แม่ขา… เขา… เป็นคนไม่ดี แม่… ไม่เป็นผู้หญิง… ของคนไม่ดี เจียเจีย… เองก็ไม่… ไม่อยากเป็นลูกสาวของคนไม่ดี”เจียเจียทนความเจ็บปวดบนร่างกาย ก่อนจะพูดกับอู๋ยี่หยวน
“ได้จ้ะ แม่ไม่เป็น แม่แค่จะโกหกเขา”อู๋ยี่หยวนน้ำตาไหลออกมา เธอพูดกับเจียเจีย ก่อนจะมองไปทางหลี่ฉี
จากสายตาของเธอ หลี่ฉีเข้าใจ ว่าอู๋ยี่หยวนกำลังโกหกเจียเจีย หรือว่าโกหกเขากันแน่
“ฉันรับปากค่ะ”อู๋ยี่หยวนลุกขึ้นยืน ก่อนจะพูดกับหลี่ฉี ตอนนี้เธอไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ
เจียเจียเองก็ไม่อาละวาดอีก เพราะเธอคิดว่าอู๋ยี่หยวนกำลังโกหกคนไม่ดีพวกนี้อยู่
“ดีมาก พาคุณอู๋ไปรอฉันที่ห้อง” หลี่ฉีพยักหน้าพอใจ ก่อนจะหันไปสั่งชายชุดดำทั่งสองคน
“ปัง”
“อ๊าก”
ในขณะนั้นเอง มีเสียงดังเข้ามาจากทางประตู หลี่ฉีและบรรดาหัวหน้ากลุ่มพากันตกใจ และพากันเดินไปทางประตู ลูกน้องทุกคนในแก๊งฉีรีบลุกขึ้นยืนทันที
อู๋ยี่หยวนหวั่นใจ เธอมองไปทางประตู แต่ถูกบรรดาชายฉกรรจ์ยืนขวางไว้ จนไม่เห็นเหตุการณ์ตรงประตู แต่เงาของคนคนหนึ่งกลับปรากฏขึ้นมาในสมองของเธอ…
รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 134 คุณแม่อย่าไปเป็นผู้หญิงของคนไม่ดีนะคะ
Posted by ? Views, Released on October 21, 2021
, รวยชั่วข้ามคืน?!
ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!
Recommended Series
Comment
Facebook Comment