รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 651 เจรจา

บทที่ 651 เจรจา
ขณะทั้งสองคนกำลังคุยกัน จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หลู่เหม่ยเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย บอกฉินหลั่งเป็นนัยๆ แล้วรับสาย
หลู่เหม่ยเฉินเปิดลำโพง ฉินหลั่งจึงสามารถได้ยิน เป็นรปภ.ด้านล่างโทรมา บอกว่าเรื่องด้านล่างยิ่งรุนแรงขึ้น มีคนสวมหน้ากากเริ่มจุดไฟแล้ว ไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี
รปภ.ยังบอกอีกว่าตอนนี้มีทีมตระกูลตระกูลหนึ่งบุกมาแล้วด้วย เพราะหลู่เหม่ยเฉินเคยสั่งไว้ว่าอย่าทำร้ายร่างกายพวกเขา ดังนั้นพวกเขาเลยขึ้นมาบนตึกแล้ว แต่โชคดีที่ยังไม่ทำลายข้าวของ
ทันใดนั้นหยูฉิงวิ่งมาอย่างลุกลี้ลุกลน:“คุณผู้หญิงๆ มีคนขึ้นมาแล้ว!”
“ทำยังไงดีคะ?”หยูฉิงหน้าซีดเผือด
“อย่าลน หยูฉิง ถ้าพวกเขากล้าขึ้นมา นั่นหมายความว่าล้ำเส้นฉันเกินไปแล้ว!เดิมทีฉันกะจะจัดการให้หมดภายในคราเดียว แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว ดังนั้นพวกศัตรูที่เข้ามา จะต้องพ่ายแพ้ให้กับฉัน!”หลู่เหม่ยเฉินพูดอย่างเฉียบขาด;
“เธอโทรไปฝ่ายรปภ. ให้พวกเขารีบเปลี่ยนคนมารักษาความสงบความเรียบร้อย แล้วไล่หัวหน้าฝ่ายรปภ.คนเดิมออกซะ!เขาปล่อยให้พวกนั้นเข้ามาได้ยังไง?!ให้รองหัวหน้ารับช่วงต่อทันที!”
หยูฉิงเงียบทันที แล้วรีบพูดขึ้น:
“ค่ะ คุณผู้หญิง!”
“เดี๋ยวก่อน!แล้วก็ไปบอกหลิวหมิ่นผู้อำนวยการสำนักงานด้วย ให้รวบรวมพนักงานในบริษัททั้งหมด ข้างๆมีอาวุธอะไรก็เอามา รวมไปถึงพนักงานที่เป็นเชฟด้วย มีหม้อ กระทะ ทัพพีหรืออะไรก็เอามาให้หมด ปกป้องบริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉินไว้ ฉันขอเตือนพวกคุณ ฝ่ายในของตึกใหญ่เป็นอาณาเขตของเรา ถ้าใครยอมแพ้ก็รีบไสหัวไปซะ!”
หลู่เหม่ยเฉินออกคำสั่ง ไม่ลนลานแม้แต่น้อย สีหน้าเย็นชา ดูน่ากลัว
หยูฉิงพยักหน้าด้วยท่าทีหนักแน่น วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และไม่กี่นาทีต่อมาทั้งบริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉิน เต็มไปด้วยการเคลื่อนไหว เสียงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ
พูดตามตรงในบริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉินมีผู้ชายอยู่บ้าง แต่ต้องกล้ำกลืนความอัปยศเพื่อเลี้ยงครอบครัว ลองถามหน่อย ที่พนักงานผู้หญิงของบริษัทตนล้วนโดยถ่ายรูปไว้หมด เรื่องนี้พวกผู้ชายก็รู้สึกคับอกคับใจ พอหลู่เหม่ยเฉินออกคำสั่งมา พวกเขาพากันแบกเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างลุยกันออกมา ไม่นานนักทุกคนก็มีพลังฮึกเหิม หลู่เหม่ยเฉินยังไม่ทันออกมาดู เหล่าหนุ่มสาวก็มายืนหน้าห้องทำงานประธานราวกับหมาที่ดุร้ายก็ไม่ปาน
จากนั้นหยูฉิงพูดขึ้น:“คุณผู้หญิงคะ จับพวกมันไว้แล้วค่ะ แต่จะจัดการยังไงดีคะ ลุยไหม?”
ที่จริงหยูฉิงอยากลุยให้สุด เพราะตอนนี้มีคนนอนอยู่โรงพยาบาล50กว่าคน ถ้าฝ่ายตรงข้ามบุกเข้ามา บริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉินล้วนออกความเห็นว่าให้จัดการซะ
แต่คิดไม่ถึงว่าหลู่เหม่ยเฉินจะพูดมีสติ และเรียบเฉยเช่นนี้:“ถ้าพวกเขายอมถอยออกไปจากบริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉินแต่โดยดี ก็ไม่ต้องแล้ว เธอลองไปถามก่อนว่าพวกเขาจะมาหาเรื่อง หรือมาเจรจา?”
“คุณผู้หญิงคะ พวกเขาบอกว่ามาเจรจาค่ะ”หยูฉิงโค้งคำนับพูดมาจากด้านนอก
ฉินหลั่งยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ถ้าไม่ได้มาเจรจาก็ต้องเจรจาแล้วล่ะ หรือจะให้บอกว่าตัวเองบุกมาหาเรื่องล่ะ ไม่โดนพวกหม้อกระทะทัพพีฟาดก็แปลกแล้ว
“อืม ตระกูลอื่นไล่ออกไปให้หมด เข้ามาแค่ตระกูลที่จะมาเจรจาแค่ตระกูลเดียวก็พอ”หลู่เหม่ยเฉินพูดน้ำเสียงเย็นชา แล้วพูดเสริมขึ้นอีก:“ที่ฉันบอกว่าให้ไล่ออกไป ไม่ใช่ให้พวกเขาเดินออกไปเอง แต่โยนออกไปจากชั้นสอง”
“ค่ะครับ!”เหล่าหนุ่มสาวด้านนอกไม่รอให้หยูฉิงตอบ ก็ต่างตอบรับคำสั่งของหลู่เหม่ยเฉินอย่างดีอกดีใจ เหมือนคำว่าโยนออกไปนี้จะตรงกับความปรารถนาของทุกคน
การโยนออกไปจากชั้นสอง ทั้งเป็นการลงโทษฝ่ายตรงข้าม และยังเหลือความเมตตา แข็งนอกอ่อนใน ดังนั้นการโยนออกจากตึกจึงเป็นการแสดงออกที่ดี
ประตูถูกเปิดออก
หลู่เหม่ยเฉินที่อยู่ในห้องประธาน นั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเยือกเย็น สายตาเย็นชามาก ทำให้คนรู้สึกละอาย
ส่วนฉินหลั่งยืนอยู่ข้างๆ มือกอดอก ราวกับเป็นเลขา ทว่าเสื้อผ้าของเขาไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ แต่ก็ไม่มีใครสังเกตมัน
คนที่เดินเข้ามาอายุประมาณ30กว่าๆ ยังหนุ่มอยู่ แต่งตัวดี แต่ทว่าใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผล ดูจนตรอกมาก บนศีรษะมีผักติดอยู่เล็กน้อย คงโดนรุมกระทืบมา
เสื้อผ้าก็ดูยับยู่ยี่ คงเสียดสีกับพื้นมาแน่ๆ
ฉินหลั่งตกใจเช่นกัน นึกว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นพวกอ่อนแอซะอีก ทำไมถึงเป็นชายหนุ่มไปได้ แค่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
หลู่เหม่ยเฉินก็รู้สึกเหนือความคาดหมายเช่นกัน แต่ไม่แสดงสีหน้าอะไร พูดอย่างเรียบเฉย:
“เสิร์ฟน้ำชาสิ”
ฉินหลั่งขานรับแล้วเดินไปกดน้ำมาสองแก้ว แล้ววางลงบนโต๊ะ ชายคนนั้นตอบรับ ส่วนสายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“ประธานหลู่ นี่ไม่เหมือนการรับแขกเลยนะ ผมแค่จะมาเจรจาที่บริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉินของคุณ แต่กลับโดนพนักงานของคุณทำร้ายจนเป็นแบบนี้ คุณเป็นแค่ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องโหดขนาดนี้หรอกมั้ง!?”
ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง ดูถูกที่หลู่เหม่ยเฉินเป็นผู้หญิง
“ต่งเต๋อเผย คุณคิดว่าฉันไม่เห็นอะไรเลยงั้นเหรอ?คนของคุณพกอาวุธเข้ามาด้วย”หลู่เหม่ยเฉินหันหน้าจอมอนิเตอร์ออกไป:
“เอาล่ะ เพราะคุณไม่เคารพผู้หญิง ดังนั้นเรื่องที่เราจะคุยกันก็จบลงแค่นี้ เชิญคุยไสหัวออกไปจากห้องทำงานฉันเดี๋ยวนี้”
หลู่เหม่ยเฉินมองฝ่ายตรงข้าม พลางพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น:“จะขู่ฉันงั้นเหรอ ฝันไปเหอะ”
ต่งเต๋อเผยหน้าเปลี่ยนสี คิดไม่ถึงว่าหลู่เหม่ยเฉินจะตรงไปตรงมาแบบนี้ รอยแผลบนหน้าก็เจ็บแปล๊บขึ้นมา แต่เขาอดทนไว้พลางพูดอย่างคลุมเครือ:“ประธานหลู่ ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลย เปลี่ยนจากการต่อสู้มาเป็นมิตรกันดีกว่า มันไม่ดีต่อคุณและบริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉินหรอกเหรอ?”
“อย่าโมโหไปเลย……”
ต่งเต๋อเผยฝืนพูด:“สถานการณ์ตอนนี้คุณน่าจะรู้ดี ฝ่ายตรงข้ามไม่เอาเงินจากคุณเป็นร้อยหรือพันล้าน นั่นเพราะไม่เลิกราแน่นอน ดั่งโบราณที่ว่า ปรองดองก่อเกิดทรัพย์ แต่ตอนนี้กลับไม่ปรองดองกัน แล้วจะเกิดทรัพย์ได้ยังไง?”
เมื่อเห็นหลู่เหม่ยเฉินไม่โต้แย้ง ต่งเต๋อเผยก็เริ่มมั่นใจ พูดต่อ:“ก่อนหน้านี้เราเคยคุยกันแล้ว ตราบใดเมื่อเราขายBaipin Mediaเรื่องนี้ก็จะยุติธรรมทั้งสองฝ่าย คุณทั้งไม่ต้องโดนวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม ไม่ถูกผู้บริโภคของจีนประณาม อีกทั้งบริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉินของเรา ยังได้ร่วมงานที่มีอิทธิพลอีกหลายงานด้วย แถมยังรับรองได้อีกว่าจะชนะรางวัล ได้ถ่ายทอดสดทั่วโลก”
“ส่วนพวกไม่มีเหตุผลไม่กี่คนนั่น คุณอย่าคิดว่าBaipin Mediaของเราทำออกมาเล่นๆ คุณไม่ต้องลงมือเองด้วยซ้ำ เราจะทำให้คุณพอใจแน่นอน”
“และแน่นอน การดำเนินการต้องใช้เงิน เรามาพูดกันตรงๆเลยละกัน ค่าดำเนินการจำนวนพันล้าน แค่พันล้านคุณก็สบายแล้ว”
“คุณลองคิดดู แค่จ่ายให้พวกไม่มีเหตุผลพวกนั้นไม่กี่พันล้าน หรือจะจ่ายให้เราล่ะ คุณเป็นนักธุรกิจหญิงที่ฉลาด คงเข้าใจ?”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset