รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 663 เจ้าตัวไม่ผิด แต่ผิดที่ของมีค่าในตัว

บทที่ 663 เจ้าตัวไม่ผิด แต่ผิดที่ของมีค่าในตัว
หยูฉิงไม่ได้พูดอะไรได้แต่ส่งยิ้มให้ หยางจ้างกั๋วก็ยิ้มด้วย โชคดีที่ส้มหล่นลงมาได้โชคลาภก้อนใหญ่ 200 ล้าน มันคุ้มมาก สำหรับตำแหน่งและฐานะของหยูฉิง เธอไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อหยางจ้างกั๋วแต่อย่างไรเลย ตรงข้ามหยูฉิงก็ได้เปิดเผยตัวตนออกมา เอาตัวเองเข้าไปอยู่ภายใต้ความเสี่ยง ดังนั้นหยางจ้างกั๋วก็วางใจมาก ไม่เป็นห่วงว่าหยูฉิงจะทรยศหักหลังตัวเอง
อีกอย่างหนึ่งคือ ต่อไปจะยังกลัวว่าไม่มีสายสืบแฝงอยู่ภายในบริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉินอีกหรือ? หยูฉิงเป็นเพียงหมากเบี้ยเล็กๆตัวหนึ่งเท่านั้น เธอจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมติดตามที่เคร่งครัด จะต้องเดินหน้าต่อไปโดยไม่มีทางเลือกให้ถอยได้อีกต่อไปแล้ว
ในระหว่างช่วงเวลาที่การเจรจาลับดำเนินไปอยู่นั้น งานเลี้ยงที่หงจุนฝ่างก็ได้ถึงเวลาเลิกราแล้ว หลังจากที่ฉินหลั่งได้รับประทานอาหารแล้ว หลู่เหม่ยเฉินก็รับอาสาขับรถที่จะไปส่ง ความจริงแล้วที่อยู่ที่แน่นอนของฉินหลั่งก็ยังไม่จัดเจนนัก บางครั้งก็อยู่วิลล่าเชียนชิว บางครั้งก็อยู่ที่โรงเรียนมัธยมหัวเจี๋ย เป็นประเภทมีที่อยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง
“ไม่ให้ฉันขึ้นไปดูมั่งเหรอคะ” เมื่อมาถึงหอพักโรงเรียนมัธยมหัวเจี๋ย ฉินหลั่งก็เดินหันหลังไป หลู่เหม่ยเฉินจึงเอ่ยปากถามขึ้น
ความจริงตามมารยาทการต้อนรับแขกแล้ว ฉินหลั่งก็ควรที่จะทำเช่นนั้นด้วย อีกทั้งฝ่ายมาเยือนก็เสนอออกมาแล้ว แต่ฉินหลั่งกลับปฏิเสธทันควัน และไม่สนใจว่าหลู่เหม่ยเฉินจะส่งเสียงบ่นด้วยความน้อยใจ
เมื่อตกดึกฉินหลั่งก็โทรศัพท์คุยกับจงยู่ ความจริงจงยู่ก็จะมาหาในทันที เพราะทั้งสองคนไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมาสักพักแล้ว แต่ว่าเมื่อคิดดูแล้วช่วงนี้จงยู่จะต้องไปเรียนแล้วยังต้องไปทำงานอีก จะเหนื่อยมาก ดังนั้นฉินหลั่งจึงห้ามไว้ ทั้งสองจึงได้แต่คุยทางโทรศัพท์จนค่อนคืน คุยปรึกษาเรื่องเกี่ยวกับการมีลูกด้วยกันอีกครั้ง สุดท้ายก็วางสายไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
ขอเพียงได้คุยกับจงยู่ ฉินหลั่งก็ลืมความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ความยากลำบากที่เกิดขึ้นมากมายเมื่อหลายวันก่อน ก็จางหายไปจนหมดสิ้น
ช่วงนี้ฉินหลั่งคลุกคลีอยู่ในแวดวงธุรกิจ ศึกษาทางด้านการแพทย์ แต่กลับทำให้การฝึกศิลปะการต่อสู้ซึ่งเป็นฐานเดิมของเขาถูกละเลยไปเป็นเวลานานพอสมควร ดังนั้นเมื่อเขาเห็นท้องฟ้าข้างนอกพระจันทร์ทรงกลด ก็ตัดสินใจออกไปอาบแสงจันทร์เพื่อดูดซับพลังงานจากแสงจันทร์อีกครั้ง จะได้ทำให้การฝึกศิลปะการต่อสู้ได้รับการพัฒนามากยิ่งขึ้น
ในโรงเรียนมัธยมหัวเจี๋ยตอนนี้ เงียบสงัดไม่มีเสียงรบกวนใดใด ฉินหลั่งเดินออกจากประตูโรงเรียน แล้วเดินไปไกลจนถึงภูเขาแห่งหนึ่งที่ไม่รู้จักชื่อ มีแต่ห่วงเวลาในค่ำคืนที่เงียบสงัดเท่านั้น ที่แสงจันทร์จะทรงพลังอันยิ่งใหญ่และยั่งยืนนานไปตลอดกาล
เดินทอดน่องไปตามบนถนน ฉินหลั่งเดินอย่างช้ามาก ตอนนี้กล้ามเนื้อร่างกายของเขาก็อยู่ในระดับขั้นมาตรฐานที่สามารถฝึกการต่อสู้ได้ตามปกติแล้ว ขณะนั้นเอง ด้านหน้าก็มีรถคันหนึ่งแล่นเข้ามาอย่างกะทันหัน แล้วมาจอดขวางหน้าเขาพอดี
จากนั้นก็มีรถหลายคันขับเข้ามาซ้ายขวาหน้าหลังของฉินหลั่ง เพื่อขวางทางเดินของหินหลังไว้ ฉินหลั่งก็ตกอยู่ในวงล้อมรถพวกนั้น
จากนั้นประตูรถก็เปิดออก มีชายชุดดำหลายคนกระโดดลงจากรถ และยังมีหญิงสาวสีหน้าเหี้ยมเกรียมหลายคน รวมแล้วประมาณ 20 กว่าคน
ส่วนตรงกลางที่ชายชุดดำห้อมล้อมไว้นั้น ก็เป็นชายหญิงรูปร่างแปลกประหลาด จำนวน5 คน กล่าวว่าแปลกประหลาดเพราะว่า คนหนึ่งขาดหูข้างหนึ่ง มีอีกคนตาบอดข้างหนึ่ง คนหนึ่งแขนด้วน คนหนึ่งขาขาดข้างเดียว อีกคนหนึ่งส่งเสียงอ้อแอ้ น่าจะเป็นคนใบ้
ห้าคนล้วนเป็นคนพิการไม่สมประกอบ แต่ว่าท่าทางคล่องแคล่วมาก ตรงเข้ามาหาฉินหลั่ง กลุ่มชายชุดดำที่อยู่ข้างหลังแลดูท่าทางนอบน้อมต่อคนพิการทั้งห้า แสดงว่าทั้ง 5 คนนี้จะต้องเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการครั้งนี้
ฉินหลังเคยเห็นอะไรมาก็มากมาย แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ คนพิการ5คน ฝ่ายตรงข้ามคงไม่รู้ว่าจะส่งใครมาแล้วกระมัง แต่ว่าเขารับรู้ได้ว่า ห้าคนนี้ไม่ใช่คนพิการธรรมดา แต่ภายในร่างกายแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความเยือกเย็นลึกลับซับซ้อน กลิ่นอายเหล่านี้คงเกิดจากการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ในทางด้านมืดติดต่อกันมาเป็นเวลานาน แววตาที่โหดเหี้ยม จ้องมองฉินหลั่งอย่างดุดัน
ฉินหลั่งก็ไม่พูดมาก “พวกเจ้าเป็นใคร? คิดจะมาทำอะไร?”
ชายหูข้างเดียว เดินเข้ามาพูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้าคือฉินหลั่งรึ?”
หญิงสาวตาบอดข้างเดียวถามเพิ่มเติมว่า “เจ้าเป็นคนทำร้ายโยวโจ่ชาวกางใช่มั๊ย?”
คนขาด้วนจ้องมองฉินหลั่งแล้วตะคอกว่า “ยายฮูเป็นคนที่แกลอบฆ่าใช่ไหม?” …….
แต่ละคนเพิ่มแรงข่มขู่มากขึ้น แต่ละคำพูดก็บีบคั้นมากขึ้น เป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับฉินหลั่งในทุกๆด้าน
“ที่แท้พวกเจ้าก็มาเพื่อแก้แค้นให้พวกเขานี่เอง”
เมื่อได้ยินคำพูดพวกเขาแล้ว ฉินหลั่งก็รีบตอบโต้ทันที
“ทำไมเหรอ? มาแบบเปิดเผยไม่ได้ ต้องมาเล่นอย่างลับๆกันเหรอ?”
ฉินหลั่งคิดอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายต้องมาแก้แค้นแน่นอน แต่ไม่คิดว่าจะมาได้เร็วเช่นนี้
“มาแบบลับๆเหรอ? พวกข้าไม่จำเป็นจะต้องเล่นทางลับ”
หน้าต่างรถคันหนึ่งบนถนนค่อยๆเปิดออก ปรากฏใบหน้าหญิงชราที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น
หญิงสูงวัยอายุประมาณ60กว่า มือถือไม้เท้า นั่งอยู่บนเบาะรถด้านหลัง
เธอเหลือบตามองฉินหลั่ง
“คืนนี้พวกข้ามาที่นี่ ก็ไม่ใช่เพื่อฆ่าเจ้า แต่จะมาทำให้เจ้าพิการ จากนั้นจะส่งเจ้าไปให้กับสำนักหมอผี”
“ส้งฉางซิงให้คำตอบพวกข้าไม่ได้ ถ้าเช่นนั้นพวกข้าก็มาทวงหาจากเจ้า”
หญิงชราคนนี้ก็มีกลิ่นอายเยือกเย็นทั่วร่าง และแรงยิ่งกว่า5คนพิการเสียอีก ไม่รู้ว่าเป็นเทพปราชญ์มาจากแห่งใด
“ท่านเป็นใคร? ท่านไม่น่าจะไม่มีชื่อนะ?” ฉินหลั่งยิ้ม
“ค่ำคืนอันยาวนาน ท่านไม่รู้สึกหรือว่าการสู้รบฟันแทงกันมันทำลายบรรยากาศความสงบสุขของผู้คนเหรอ?”
ท่าทางที่แสดงออกของเขาผ่อนคลายมาก ไม่ได้เห็นพวกนี้อยู่ในสายตาเลย
“ข้าชื่อฉิวฟาชุ่ย เป็นหัวหน้าแก๊งแถ่จ่าง วันนี้ข้าจะมาบอกเจ้าว่า อย่าได้ลำพองใจมากนัก คนที่จะจัดการเจ้าได้มีเยอะแยะมากมาย”
“แก๊งแถ่จ่าง?” ฉินหลั่งรู้สึกฉงนมาก “ท่านคือฉิวฟาชุ่ยเหรอ? ทำไมถึงได้คุ้นหูเช่นนี้? อ๋อ ใช่แล้ว พี่ชายท่านฉิวเชียนเร่งไม่ใช่ไปออกบวชแล้วเหรอ? แล้วทำไมยังไร้เหตุผลเช่นนี้ล่ะ ซุ่มดักตีคนอื่นในยามวิกาล ข้าก็อยากจะถามหน่อย ข้าชอบกงซุนเอ้อลูกสาวท่านมาก พวกท่านช่างใจดำอำมหิตเสียจริง ทำไมจึงฆ่าเธอได้ลงคอ?!”
“หุบปาก! อย่าพูดจาเหลวไหล ข้าแก๊งแถ่จ่างเดิมทีเป็นสำนักใหญ่ ในยุทธจักรนี้ แต่เสียดายถูกป้ายสีใส่ความจนไม่เป็นท่า ฮึ เจ้าไม่รู้หรือว่า แก๊งแถ่จ่างได้สืบทอดมาเป็นเวลานับพันปีแล้ว ผู้มีฝีมือล้ำเลิศก็มีมากมาย วันนี้ เจ้าก็จะได้รู้จักความร้ายกาจเสียบ้าง” ฉิวฟาชุ่ย ตะคอกเสียงดัง เต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม
“ถ้าเช่นนั้น หัวหน้าฉิว เรามาคุยกันก่อนดีกว่า ข้ากับท่านก็ไม่มี ความแค้นอะไรต่อกัน ท่านมาดักขวางทางข้า แล้วยังจะให้ข้ารู้จักความร้ายกาจของท่าน มันหมายความว่าอย่างไร ใครเป็นคนส่งพวกท่านมากันแน่?” ฉินหลั่งถามอย่างคนไม่รู้
“ไม่มีใครส่งข้ามาทั้งนั้น ข้าจะบอกให้ ในยุทธภพไม่มีใครชอบขี้หน้าเจ้าทั้งนั้น พวกข้าเพียงแต่ช่วยแก้แค้นให้ชาวยุทธภพเท่านั้น ไม่มีอะไรแอบแฝง สรุปง่ายๆก็คือ ไม่ชอบขี้หน้าเจ้า นี่เป็นเหตุผลมากพอหรือยัง?” ฉิวฟาชุ่ยถามอย่างเหยียดหยาม
“ฮ่าๆๆ ได้เลย หัวหน้าฉิว พูดจาได้สะใจมาก ข้าชอบ เพียงแต่ว่า ข้าไม่เชื่อว่าท่านมาเพื่อสั่งสอนข้าอย่างเดียว เพื่อแก้แค้นให้ชาวยุทธภพแค่นั้น”
ฉินหลั่งหยุดชะงัก “แต่เพียงเพราะว่าท่านมีจุดมุ่งหมายอื่นแอบแฝงอยู่ ท่านดูเหมือนว่าจะได้รับข่าวสารอะไรมาบางอย่าง มุ่งตรงมาพบข้า ปรากฏตัวในฐานะหัวหน้า คงไม่ใช่เพียงเพราะว่าจะระบายความแค้นเพียงอย่างเดียว แต่เป็นข้ออ้างที่จะทำเรื่องไม่ดีบางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยปากพูดออกมาได้”
“อึม” ฉิวฟาชุ่ยสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มอย่างเย็นชา “มิน่าเล่า อายุน้อยๆเช่นนี้ก็สามารถทำให้วงการยุทธภพสั่งสะเทือนไปทั่วในช่วงเวลาอันสั้น ดูท่าทางก็มีมันสมองอยู่ไม่น้อยทีเดียว ได้เลย ข้าก็ไม่ใช่พวกเจ้าเล่ห์ที่ชอบหลบๆซ่อนๆ”
ฉิวฟาชุ่ย แสยะยิ้ม “เจ้าตัวไม่ผิด ผิดที่ของมีค่าในตัวเจ้า ไม่รู้ว่าท่านจะรู้จักความหมายของคำคมนี้หรือไม่?”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset