รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 673 หันหลังให้คนอื่น

บทที่ 673 หันหลังให้คนอื่น
“จากนั้นพวกเราก็ค่อยเย็บแผล ให้เลือดเนื้อทั้งภายในและภายนอกผสานกันให้เรียบร้อย สุดท้ายค่อยดื่มยาจีนสักหน่อย รักษาสักระยะ”
“เพียงแค่ในระยะเวลาที่รักษา ห้ามให้ถูกทำร้ายจากพลังภายนอกอีกครั้ง ชีวิตของคุณก็จะรักษาไว้ได้ บวกกับอวัยวะส่วนอื่นในร่างกายของคุณแข็งแรงดี อีกทั้งคุณเป็นถึงปรมาจารย์ ผมคิดว่า คุณใช้กำลังภายในเก็บตัวรักษาสักระยะ ไม่เพียงแต่รักษาอายุไว้ได้ อีกทั้งยังต่ออายุขัยให้ยาวนานขึ้นได้”
“ในเมื่อเป็นคนในวงการศิลปะการต่อสู้ ที่ผมพูดมานี้ก็ไม่แน่ว่าคุณจะไม่เข้าใจทั้งหมด ปรมาจารย์ไม่สบาย ก็ถือว่าเป็นเรื่องแปลกจริง ๆ แต่ก็รักษาง่ายกว่าคนธรรมดามาก ยิ่งไปกว่านั้น อยู่ที่ผม สำหรับการตรวจรักษาของคุณจะสามารถได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด เพราะว่าร้านหุยชุนมีครบทุกเงื่อนไขที่การรักษาบาดแผลของคุณจำเป็นต้องมี”
“พ่อหนุ่ม เงื่อนไขอะไรหรือ?” ฉิวกงเฉิงเอ่ยถาม สายตาจ้องมองฉินหลั่ง
“ง่ายนิดเดียว นั่นก็คือการเพาะปลูกและปรุงยารักษาแผล บาดแผลของคุณจำเป็นต้องใช้ยารักษาแผลระดับเจ็ดดาวถึงจะรักษาได้ มิฉะนั้นจะยังคงมีอาการแทรกซ้อนอย่างไม่รู้จบ”
ฉินหลั่งพูดจบ เขาก็เอนหลังพิงลงไปบนพนักเก้าอี้ “คุณฉิว คุณลองคิด ๆ ดู”
“เปิดปากแผลบนท้องของผม ใส่ยา และเย็บไว้ แล้วดูแลรักษา”
“อีกอย่าง เท่าที่ผมรู้มา เวลานี้บนโลกมีเพียงยารักษาแผลระดับสี่ดาวเท่านั้น ร้านหุยชุนของพวกคุณมีระดับเจ็ดดาว?
ทันใดนั้นในหัวของฉิวกงเฉิงสว่างวาบ เขาพลันนึกถึงคำพูดของฉิวฟาชุ่ยขึ้นมา ที่เธอได้รับบาดเจ็บก็เพราะเพื่อแย่งชิงตำราลับยารักษาแผล
“ผงขาวหยุนเซียน?” ฉิวกงเฉิงพูดออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“อืม คุณก็คงจะรู้แล้ว” ฉินหลั่งพยักหน้า
“เพียงแต่ว่าผงขาวหยุนเซียนผมเคยวิจัยและทำขึ้นเพียงแค่ขวดเดียว ตอนนี้ใช้หมดแล้ว ผมต้องการค่าตอบแทนร้อยล้าน เพื่อรีบวิจัยปรุงยาให้กับคุณฉิวเพื่อให้ทันเวลา” ฉินหลั่งยิ้มเบา ๆ
“หากรักษาชีวิตผมได้ ร้อยล้านไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เร็ว ๆ นี้ก็จะถึงปลายปี ผมมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ บวกกับร่างกายของผมไม่มีอะไรที่ผิดปกติ ในเมื่อพ่อหนุ่มฉินได้ดูออกแล้ว เช่นนั้นเดี๋ยวผมจะกลับไปเตรียมตัวก่อน และจัดการหาเวลาว่างออกมา”
ฉิวกงเฉิงกล่าวด้วยท่าทียิ้มแย้ม
“ผมเข้าใจ แต่ผมอยากจะแนะนำคุณฉิวในฐานะหมอ ทางที่ดีคุณฉิวหาเวลาว่างให้ได้อย่างเร็วที่สุด อาการของคุณ เวลาที่ปากแผลจะฉีกขาดคงอีกไม่นานแล้ว ถ้าหากมันฉีกขาดเองล่ะก็ เช่นนั้นก็จะเป็นปัญหาใหญ่แล้ว การรักษาจะต้องซับซ้อนกว่าตอนนี้มาก”
ฉิวกงเฉิงรีบลุกขึ้นมาทันที “ได้ พ่อหนุ่มฉิน ฉันจะให้คำตอบโดยเร็ว”
หลังจากนั้น หลินเส้าโสเดินข้ามาจากทางลานหลังบ้าน เห็นได้ชัดว่าเขาได้ยินที่ทั้งสองคนคุยกัน
“คนเป็นหมอจะต้องมีจิตใจเมตตากรุณา เขาเป็นถึงปรมาจารย์ ท่าทีของเขาก็ไม่ได้ยโสโอหังอะไร ถ้าหากเขายอมที่จะเชื่อผม ให้ผมรักษา งั้นผมก็จะเห็นแก่เงินหนึ่งร้อยล้านนั่น ช่วยชีวิตเขา”
ฉินหลั่งรีบร้อนลุกขึ้น และชงชาให้หลินเส้าโสอย่างนอบน้อม
“แต่ว่า อาหลินครับ คนคนนี้นิสัยขี้ระแวง ผมดูแล้วเขากับพวกเรายังมีความสัมพันธ์แบบนี้อีก เขาจะไม่อยู่ดีดีก็ให้ผมเปิดปากแผลที่ท้องของเขาและรักษาอย่างแน่นอน”
“ความบาดหมางระหว่างแก๊งแถ่จ่างกับพวกเราไม่ใช่เล็ก ๆ ผมตรวจวินิจฉัยโรคให้เขาอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาแบบนี้ ในใจเขาจะต้องคิดว่าผมวางแผนร้าย ถือโอกาสกำจัดขวากหนามอย่างเขาอยู่แน่นอน”
“บุคคลระดับปรมาจารย์ นั่งอยู่ต่อหน้าผมราวกับชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ทั้งยังเป็นมิตร และนอบน้อมถ่อมตนแบบนั้น เดิมทีก็ไม่ปกติ เป็นแผนการของเขา ให้หน้าผม ให้ผมรักษา แลกกับความรู้สึกดีของผม เพียงเท่านั้นเอง”
“ต่อให้ผ่านการคาดคะเนของเขามาหลายทาง รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง เขาก็จะไม่ให้ผมแตะต้องตัวเขาอย่างเด็ดขาด เพราะว่า การหันหลังให้คนอื่น เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับเขา เขากลัวว่าผมจะถือโอกาสทำอะไรที่ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายของเขา นำไปสู่อาการแทรกซ้อนอย่างไม่รู้จบ”
“พี่ใหญ่ประเภทนี้ ความคิดซับซ้อน ในทางกลับกันก็ค่อนข้างจะเหนื่อย ถ้าหากผมทำอะไรที่ไม่เป็นผลดีต่อร่างกายของเขา เขาจะตายอย่างไม่รู้ตัว นี่คือสิ่งที่เขากังวลที่สุด”
“ปรมาจารย์ล้วนมักจะถือตัว ร่างกายของเขาสำหรับเขารู้เหมือนหลับตาเห็น ฝีมือไม่ธรรมดา หากไม่ใช่เพราะผมพูดกี่ประโยค ทำให้เขาเห็นความสำคัญ เกรงว่าเขาก็แค่หัวเราะกี่ครั้ง แล้วก็จากไปอย่างไม่ไยดีแล้ว”
“กลับไปในครั้งนี้ เขาจะต้องใช้ชี่แท้ตรวจสอบอวัยวะภายในร่างกายของเขาอย่างแน่นอน ถ้าหากพบเห็นเบาะแสเพียงเล็กน้อย เช่นนั้นเขาก็เคลื่อนไหวทันที และใช้วิธีของผมจัดการกับบาดแผล”
“เป็นไปได้มาก ที่คนลงมือผ่าตัดก็คือตัวของฉิวกงเฉิงเอง”
ฉินหลั่งสายตาเฉียบแหลม ความคิดของฉิวกงเฉิงถูกเขามองออกตั้งนานแล้ว “สิ่งเหล่านี้อธิบายได้ว่า การขอปรองดองของเขานั้นเป็นเพียงความรู้สึกจอมปลอม เป็นการจงใจอ่อนข้อ”
“เช่นนั้นก็ไม่เป็นการตรวจฟรีหรอกเหรอ?” หลินเส้าโสหัวเราะเสียงดัง “แต่ว่าถึงแม้จะทำให้ร้านหุยชุนสูญเสียร้อยล้าน แต่ก็ได้รับบัวหิมะเทียนซานกลับมาสามดอก ก็ไม่เลวเหมือนกัน”
ฉินหลั่งหรี่ตาเล็กน้อย กล่าวเบา ๆ “ดูเหมือนว่า จะมีคนติดกับเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว ฝั่งหลู่เหม่ยเฉิน ผมจะต้องบอกให้พวกเขาเร่งการผลิต นำตัวอย่างเสนอออกมาให้เร็ว”
ฉินหลั่งไม่ได้ปฏิเสธรับบัวหิมะเทียนซาน เขาสั่งให้อาจารย์หมอใหญ่ทั้งแปดเริ่มงานบดละเอียดระยะแรกสำหรับบัวหิมะเทียนซาน เพื่อใช้รักษาอาการบาดเจ็บให้ลมที่เขารักและเอ็นดู”
หลังจากนั้นมาสองสามวัน เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่ผิด ไม่มีข่าวคราวอะไรจากฉิวกงเฉิงเลย และฉินหลั่งก็ติดต่อหลู่เหม่ยเฉิน ให้เธอรีบเร่งการผลิต
หลู่เหม่ยเฉินเริ่มลงมือจัดการทันที เธอประกาศรับสมัครพนักงานที่เกี่ยวข้องเริ่มผลิตผงขาวหยุนเซียนอย่างเต็มกำลัง
โปรเจ็คนี้เกี่ยวพันถึงอนาคตของบริษัทอุตสาหกรรมไวน์เหม่ยเฉิน หลู่เหม่ยเฉินขึ้นเป็นผู้นำดำเนินการด้วยตัวเอง เอาใจใส่ในทุกเรื่อง แม้แต่การตกแต่งอาคารสำนักงานใหม่เธอก็ไปเดินตรวจสอบมาตั้งหลายรอบแล้ว
วันที่สามช่วงบ่าย หลู่เหม่ยเฉินโทรหาฉินหลั่ง ให้เขาไปที่ศูนย์วิจัยผงขาวหยุนเซียนดูว่ามีอะไรที่จะต้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่
ฉินหลั่งก็ไม่อืดอาดยืดยาด มอบหมายงานให้อิงจิ่งหลิงเสร็จก็รีบเดินทางไปที่ศูนย์วิจัย
อาคารสำนักงานตึกนี้ ถึงแม้จะตั้งอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกล แล้วก็เป็นเพียงตึกเล็ก ๆ เจ็ดชั้นสามตึก แต่ก็เพียงพอที่จะให้พนักงานวิจัยพัฒนาได้ใช้
ทำไมต้องเลือกสถานที่ที่ห่างไกล นั่นก็เพื่อเป็นการไม่ให้ดึงดูดสายตาผู้คน เป็นประโยชน์ต่อการปกปิดความลับ
“ไฟไหม้ ไฟไหม้ ไฟไหม้รถพลังงานไฟฟ้า”
รถพึ่งมาถึงจุดหมาย ฉินหลั่งลงมาจากรถยังไม่ทันได้เดินเข้าประตูใหญ่ ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังตูมตาม
ตามด้วยเสียงร้องตื่นตระหนกดังขึ้น
เขาเงยหน้าขึ้น เห็นบันไดของตึกสำนักงานมีแสงสีแดงออกมา เปลวไฟกระจายไปทุกทิศทางในชั้นหนึ่ง ตามด้วยชั้นสองชั้นสามก็ระเบิดอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
เพียงไม่นาน ตึกสำนักงานก็ถูกควันไฟมืดดำปกคลุมไปทั้งตึก เปลวไฟแรงกล้า
อยู่ห่างหลายสิบเมตรยังรับรู้ได้ถึงคลื่นความร้อน
เร็วมาก เร็วจนไม่ทันได้ตั้งตัว
ในอาคารสำนักงานเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง ตามด้วย ประตูเข้าออกอีกด้านหนึ่งถูกเปิดออก
ผู้คนหลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย มีช่างตกแต่ง มีหยูฉิงและพนักงานคนอื่น ๆ
แต่ละคนท่าทางตกใจจนทำอะไรไม่ถูก สองขาสั่นเท่า หยูฉิงใบหน้าขาวซีด เธอสะดุดล้มอย่างไม่ทันระวัง
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฉินหลั่งเดินก้าวใหญ่ ๆ เข้าไปอย่างรวดเร็ว ดึงหยูฉิงไว้และเอ่ยถาม “ไฟไหม้ได้ยังไง?”
“รถพลังงานไฟฟ้าของช่างตกแต่งคนหนึ่งเกิดแบตเตอรี่ระเบิด ทำให้วัสดุตกแต่งและผ้าม่านติดไฟไปจำนวนมาก”
หยูชิงศีรษะและใบหน้าเต็มไปด้วยฝุ่นละอองกล่าวกับฉินหลั่ง “ยังดีที่หนีออกมาเร็ว ถ้าช้าไปกว่านี้คงต้องติดอยู่ข้างในแน่”
เธอยังรู้สึกหวาดกลัวกลับเหตุการณ์เมื่อกี้อยู่
ฉินหลังกวาดสายตาไปยังกลุ่มผู้คนแวบหนึ่ง “ประธานหลู่ล่ะ?”
“ประธานหลู่”
หยูฉิงตะลึงงัน จากนั้นเธอก็ไอ้หยาหนึ่งครั้ง ใบหน้าที่งดงามมีความตื่นกลัว

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset