ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 103 : พวกเขาไม่คู่ควร

ราชาแร้งสายฟ้านั้นอาศัยในถ้ำขนาดใหญ่ อยู่ตรงกลางภูเขาที่ซึ่งสายฟ้ามารวมตัวกัน และมันดูเหมือนจะกินพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของภายในภูเขา แร้งสายฟ้าจำนวนมากพักผ่อนรอบถ้ำ และพวกมันมองเซี่ยงเส้าหยุนด้วยสายตาไม่เป็นมิตรนัก

ด้วยความหนาวเหน็บจากราชาแร้งสายฟ้า เหล่าแร้งจึงกระจัดกระจายกันไป ในตอนนี้ เซี่ยงเส้าหยุนได้สวมใส่อาภรณ์เต็มยศ เขาไม่อาจยืนเปลือยเปล่าต่อหน้าฝูงแร้งสายฟ้าได้

“ยังโชคดี ที่พวกนั้นเป็นสัตว์ปีศาจ ไม่ใช่มนุษย์ มิเช่นนั้น ข้าคงจะเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวคำเบา

ไม่นานนัก เซี่ยงเส้าหยุนสัมผัสได้ถึงออร่าสายฟ้าจากภายในถ้ำ และออร่านั่นทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอยากใกล้ชิด หากเป็นผู้อื่นที่ พวกเขาจะต้องมึนงงจากพลังงานสายฟ้าอันหนาทึบในอากาศ

แต่นั่นไม่ใช่สำหรับเซี่ยงเส้าหยุน อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้เขามีความสนิทสนมใกล้ชิดกับพลังงานสายฟ้าทุกรูปแบบ และเขาพบว่าหญ้าสายฟ้ากลายสภาพนั้นเติบโตไปเป็นยาวิญญาณระดับต่ำ

“หญ้าสายฟ้ากลายสภาพ!” เซี่ยงเส้าหยุนจ้องมองอย่างโหยหา

“เจ้าได้กินหญ้าสายฟ้ากลายสภาพระดับสูงไปแล้วก่อนหน้านี้ ที่เจ้าเกือบจะตาย” ราชาแร้งสายฟ้ากล่าวเตือน ขณะเห็นเซี่ยงเส้าหยุนมองดูมัน

“ถ้าเช่นนั้น คงหมายความว่าท่านราชาแร้งสายฟ้าได้ช่วยชีวิตข้าไว้ ท่านมีบุญคุณต่อข้านัก” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงสำนึก ก่อนจะรีบยกมือขึ้น และขอบคุณราชาแร้งสายฟ้า

เขาสามารถจำได้ว่าตนเองนั้นมีสภาพที่แย่มาก เมื่อยามที่พลังงานสายฟ้าในตัวแปรเปลี่ยนไปเป็นมิตร ทำให้เขาฟื้นฟู และรอดชีวิตมาได้

“ยินดี” ราชาแร้งสายฟ้ากล่าว

ที่นี่ มีรังขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างจากกิ่งไม้แห้ง นี่คือสถานที่เฉพาะของราชาแร้งสายฟ้า ตั้งแต่ที่พาเซี่ยงเส้าหยุนมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจเด็กหนุ่มมากเพียงใด

เซี่ยงเส้าหยุนมีความรู้เกี่ยวกับสัตว์ปีศาจ เขาไม่ลังเล และนั่งลงตรงกลางกิ่งไม้แห้ง และกล่าวถามราชาแร้งสายฟ้า “ข้าขอถามหน่อยได้ไหม เหตุใดท่านจึงช่วยข้า ท่านราชาแร้งสายฟ้า?”

จนถึงตอนนี้ เขายังคงสับสน สัตว์ปีศาจ และมนุษย์นั้นเป็นขั้วตรงข้ามกัน เมื่อมีโอกาสเกิดขึ้น ฝ่ายหนางมักจะพยายามกินอีกฝ่ายมาตลอด

เป็นที่สังเกตได้ว่าเซี่ยงเส้าหยุนมาเพื่อสายฟ้า แท้จริงแล้ว อาจกล่าวได้ว่าเขาเข้าไปยุ่งกับการเติบโตของราชาแร้ง แต่ไม่ว่าอย่างไร ราชาแร้งกลับไม่โทษเขาแม้แต่น้อย กลับกัน ราชาแร้งสายฟ้ากลับช่วยเขาไว้เสียด้วยซ้ำ ด้วยไม่คิดว่านี่เป็นเพราะเสน่ห์อันไร้ขอบเขตของตน

‘หรือราชาแร้งสายฟ้าจะพยายามทำให้เขาเป็นสัตว์เลี้ยงกัน? บ้าฉิบ ข้าตายเสียดีกว่า!’ เซี่ยงเส้าหยุนคิดในใจ

มนุษย์มีนิสัยชอบปราบสัตว์ปีศาจเพื่อนำพวกมันมาเป็นพาหนะ ในทำนองเดียวกัน สัตว์ปีศาจก็มีนิสัยชอบปราบมนุษย์เพื่อเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นทาส สัตว์ปีศาจบางตนเพียงต้องการทำให้มนุษย์อ่อนแอ เพื่อเป็นการดูถูก แต่บางตนกลับชอบทรมานมนุษย์เพื่อสนองความต้องการอันวิปริต โดยเปลี่ยนให้มนุษย์เป็นของเล่น

สัตว์ปีศาจจำนวนมากมีรศนิยมอันวิปริต โดยปราศจากเพษ พวกมันจะจับมนุษย์ และทำเป็นทาสที่มีชีวิตเลวร้ายยิ่งกว่าตาย ขณะที่เซี่ยงเส้าหยุนนึกถึงสิ่งนั้น ขนของเขาก็ได้ลุกชันขึ้นไปทั่วทั้งตัว

เขาไม่อาจหลบหนีไปจากราชาแร้งสายฟ้าได้ สถานที่แห่งนี้ไม่สามารถเข้าถึงได้ แม้ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงจะมาเองก็ตาม เนื่องจากเขาได้เคยมาที่นี่เมื่อนานมาแล้ว

ขณะที่เซี่ยงเส้าหุนเริ่มกระวนกระวายใจ ราชาแร้งสายฟ้าได้ถามขึ้น “ข้าทราบว่ามนุษย์ชอบเปลี่ยนพวกเรา เหล่าสัตว์ปีศาจให้เป็นสัตว์ขี่ที่สามารถต่อสู้เคียงข้างพวกเจ้าได้ เมื่อข้าได้บรรลุแล้ว ได้มีมนุษย์บางคนพยายามทำเช่นนั้น ตอนนี้ข้าได้บรรลุสำเร็จแล้ว ข้าเพียงสงสัยว่าพวกเขาจะมาที่นี้ในเร็ววัน เจ้าเกี่ยวข้องมนุษย์พวกนั้นไหม?”

เซี่ยงเส้าหยุนโบกมืออย่างรวดเร็ว และกล่าว “ข้าจะไปรู้จักเขาได้ยังไง? ข้าเพียงต้องการมายืมพลังสายฟ้าเล็กน้อยเท่านั้น ข้าไม่รู้จักเขาแม้แต่น้อย หากท่านต้องการแก้แค้น เอาเลย ข้าจะไม่ห้ามท่านหรอก ความจริงแล้ว ข้าอยากให้จับเขามาเป็นทาสเสียด้วยซ้ำ เพราะงั้น เอาเลย!”

เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างใจกว้างราวกับเขาเป็นคนสั่งให้ราชาแร้งสายฟ้าไปจับมนุษย์มาเป็นทาส ราชาแร้งสายฟ้ากล่าวอย่างไม่ยาแส “ข้าไม่สนใจที่จะนำเขามาเป็นทาสหรอก ข้าไม่ชอบทำเช่นนั้น แม้เขาจะแข็งแกร่งมาก แม้ข้าไม่ได้เผชิญหน้ากับเขาในสถานการณ์เช่นนั้น ข้าก็คงไม่อาจปล่อยเขาไปได้เช่นกัน”

“ท่านถ่อมตัวเกินไปแล้ว ท่านราชา” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว รู้สึกค่อนข้างหดหู่

“หากเจ้าต้องการสัตว์พาหนะ ข้าคงช่วยเหลือเจ้าในเรื่องนี้ไม่ได้” ราชาแร้งกล่าว

เซี่ยงเส้าหยุนโบกมืออีกครั้งอย่างรวดเร็ว

“ไม่ ไม่เลย ข้าไม่ได้ต้องการสิ่งนั้น เดี๋ยวก่อนนะ ท่านหมายความว่าจะมองแร้งสายฟ้าบางตนให้ข้าขี่หรือ?” เซี่ยงเส้าหยุนถามด้วยความตกใจ เขาเข้าใจว่าเหตุใดราชาแร้งจึงพาเขามาที่นี่ มันไม่สมเหตุสมผลแม้แต่น้อย ที่ราชาแร้งสายฟ้าผู้นี้จะเสนอสัตว์พาหนะให้กับตน แต่สิ่งที่ราชาแร้งสายฟ้ากล่าวทำให้เด็กหนุ่มตกตะลึงยิ่งกว่าเก่า

“ข้าหมายความว่าจะเป็นพาหนะให้เจ้า ไม่ใช่แร้งตนอื่น พวกมันไม่คู่ควร” ราชาแร้งสายฟ้าอธิบาย

“ท่าน? ให้ข้าขี่?” เซี่ยงเส้าหยุนอ้าปากค้าง

แม้จะเคยขี่ราชาปีศาจที่แข็งแกร่งมาก่อน แต่เขาไม่ได้ปราบพวกมันเอง ด้วยตอนนี้ไม่ได้รู้สึกยินดีต่อความรุ่งโรจน์นั่นอีกต่อไป และด้วยมีความแข็งแกร่งเพียงระดับดวงดาว ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะสามารถนำปีศาจระดับราชามาเป็นสัตว์พาหนะ

แต่นี่คือราชาปีศาจตนใหม่ ได้เสนอตัวมาเป็นพาหนะ นั่นรู้สึกเหมือนฝัน ผู้ใดก็ควรทราบว่าราชามีความภาคภูมิ และแม้ราชาปีศาจเองก็จะไม่ยอมจำนนโดยง่าย เรื่องในครั้งนี้สร้างความตกใจเสียยิ่งกว่าครั้งผู้อาวุโสเจิ้นเผิงยอมจำนนเสียอีก ไม่มีผู้ใดเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่เป็นแน่

“เอาล่ะ หากท่านมีพลังงานสายฟ้าอันบริสุทธ์ที่สุดในร่างกายเติบโตในร่างกาย ถ้าหากข้าสามารถยืนเคียงข้างเจ้าได้ตราบนานเท่านาน ข้าก็จะสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้เช่นกัน” ราชาแร้งสายฟ้ากล่าวอย่างจริงใจ

แร้งสายฟ้าแม้จะเป็นสายพันธุ์ที่ไม่โดดเด่นนักเมื่อเทียบกับสัตว์ปีศาจด้วยกัน แต่ความน่าประทับใจที่เกิดขึ้นจากราชาแร้งสายฟ้าผู้นี้ที่บรรลุเป็นราชาปีศาจได้ มันจะยากกว่ามากสำหรับเขาที่จะไปถึงจุดที่สูงกว่านี้

ราชาแร้งสายฟ้ากำลังพิจารณาอย่างถี่ถ้วนเมื่อเขาได้เห็นสายฟ้าสีม่วงโดยกำเนิดเอ่อล้นในร่างกายของเด็กหนุ่ม และเมื่อเห็นการผลักผิวของเซี่ยงเส้าหยุน ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจยอมจำนน แม้ว่ามนุษย์ผู้นี้จะยังอ่อนแอ ผู้ที่มีสายฟ้าสีม่วงโดยกำเนิดจะต้องพบกับความสำเร็จมากมายในอนาคตอย่างไม่ต้องสงสัย

เซี่ยงเส้าหยุนสูดลมหายใจลึก และจัดการความคิดของตนเอง ในขณะที่คร่ำครวญอยู่ภายใน ‘มาถึงจุดที่แม้แต่ราชาปีศาจก็ไม่อาจต้านทานสเน่ห์ของเราได้แล้วหรือ บ้าฉิบ นี่เขาจะมาเป็นสมุนเขาเราเลยนะ เหตุใดข้าจึงต้องปฎิเสธเล่า’

“ท่านแน่ใจแล้วหรือ ท่านราชาแร้งสายฟ้า? หลังจากติดตามข้าแล้ว ท่านจะต้องตามข้าไปยังดินแดนของมนุษย์นะ” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว

“แน่นอน นั่นคือสิ่งที่ข้ากังวล ข้าได้บรรลุแล้ว และยังต้องการดูแลตระกูลของข้าเอง มันจะต้องเป็นปัญหาอย่างมากหากข้าจากไป ดังนั้น ข้าว่าเจาควรจะฝึกยุทธ์อยู่ที่นี่แทน มันจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าอย่างแน่นอน และเมื่อใดที่เจ้าบรรลุระดับราชาในอนาคต มันจะเป็นประโยชน์ต่อข้าเช่นกัน” ราชาแร้งสายฟ้ากล่าว

‘อะไรนะ ไม่! เหตุใดเขาจึงไม่ฟังเราเล่า?’ เซี่ยงเส้าหยุนตะโกนในใจ แต่เมื่อเขากล่าวออก คำเหล่านั้นกับสงบกว่าที่คิดนัก “ข้าไม่คิดว่านั่นเป็นความคิดที่ดีนะ”

เขารู้สึกราวกับตบหน้าตนเองเมื่อถามราชาแร้งสายฟ้าหลายอย่าง ด้วยควรตอบตกลงกับข้อเสนอนี้ ก่อนที่ราชาแร้งจะเปลี่ยนใจ

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset