ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 54 : การฝ่าฝืนอาญา

ต้องยอมรับว่าหลี่หงเอ๋อเป็นสตรีเร่าร้อน ไร้ซึ่งผู้เทียบเคียง

“เหอะ เหอะ ดังนั้นผู้อาวุโสที่สิบสามจึงอนุญาตให้นางทำตามอำเภอใจได้ในตำหนักยุทธ์รึ?” เซี่ยงเส้าหยุนเย้ยหยัน

เหล่าศิษย์มากมายต่างเห็นด้วยกับคำของเซี่ยงเส้าหยุน พวกเขาล้วนต้องผ่านบททดสอบเพื่อเข้าร่วมกับตำหนัก โดยไร้ซึ่งผู้คอยสนับสนุน และหากมีสิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายกันนี้กับพวกเขา แล้วจำต้องน้อมรับมันไว้เช่นนั้นหรือ

เซี่ยหลิวฮุยกล่าวตาม “ดูเหมือนพวกเราเหล่าศิษย์หน้าใหม่จะไม่ถูกมองว่าเป็นมนุษย์ใช่ไหม! ความเป็นและความตายของพวกเรานั้นขึ้นกับคำของบางคนรึ”

คำเหล่านั้นจุดชนวนความขุ่นเคืองของเหล่าศิษย์ชั้นนอกทั้งหมดทันที

“ดูเหมือนกฎที่เราทราบของตำหนักยุทธ์จะมีไว้เพียงรับชมเท่านั้น มันไม่อาจทำให้เรามั่นใจได้ว่า ศิษย์ชั้นนอกทั่วไปเฉกเช่นพวกเราจะปลอดภัย”

“ถูกต้อง หากข้าพบว่าตนเองเป็นที่รองรับอารมณ์โกรธเกรี้ยวของนางแล้วละก็ ควรจะทำเช่นไรเล่านอกเสียจากจะต้องยอมรับชะตากรรม?”

“หากทางหอพิทักษ์กฎไม่ไขข้อของใจให้เราในวันนี้ พวกเราจะถอนตัวจากตำหนัก!”

“ข้าไม่ทราบมาก่อนเลย ว่าตำหนักยุทธ์เป็นสถานที่ซึ่งเสี่ยงเช่นนี้ เต็มไปด้วยผู้คนที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ คอยกลั่นแกล้งผู้อื่น! เหอะ วันนี้ข้าได้ตาสว่างเสียที!”

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน? หากต้องการก็ออกไปจากตำหนักยุทธ์เสีย ไปบัดเดี๋ยวนี้ หยุดพล่ามกันเสียที!” หลี่หงเอ๋อ เมื่อถูกกระตุ้นด้วยคำเหล่านั้น

“โอ้? เจ้าคิดจริงรึว่าตำหนักยุทธ์เป็นของตระกูลเจ้าน่ะ?” เซี่ยงเส้าหยุนไม่พลาดโอกาสที่จะเติมเชื้อไฟ

ด้วยเหตุนี้เอง เหล่าศิษย์ชั้นนอกต่างวิจารณ์หลี่หงเอ๋ออย่างท่วมท้น

“แล้วเจ้าเป็นใครกัน? เจ้าเอาแต่พึ่งบิดาของเข้า ใครกันแน่ที่เป็นผู้อาวุโส!”

“บิดาเจ้าเป็นเพียงผู้อาวุโส มิใช่เจ้าตำหนักเสียหน่อย!”

“ใช่เลย! พวกเราต่างเข้าร่วมหลังจากผ่านบททดสอบแล้ว คิดว่าจะยอมจากไปเพียงเพราะคำของเจ้ารึ?”

เหล่าศิษย์ต่างตำหนิจนหลี่หงเอ๋อเริ่มมีน้ำตาเอ่อ

จื่อฉางเหอไม่ต้องการเห็นให้เรื่องบานปลาย จึงกล่าว “เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งหมดไปได้แล้ว ข้าจะรายงานเรื่องนี้แก่สภาอาวุโสเอง เราจะจัดการเรื่องนี้อย่างเหมาะสม ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎของตำหนักยุทธ์หรอก!”

“ใช่ ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎของตำหนักยุทธ์ และเจ้าก็เช่นกัน จื่อฉางเหอ” เสียงดังจากบริเวณใกล้เคียง

มีสามร่างปรากฏตัวขึ้นและมุ่งตรงมาทันที หนึ่งในนั้นคือผู้อาวุโสที่สิบสาม หลี่เสวียเหมิง

“ท่านพ่อ!” หลี่เถียนปาและหลี่หงเอ๋อร้องออกด้วยความตื่นเต้น

หลี่เสวียเหมิงจ้องมองเหล่าบุตรของตน และพบรอยฝ่ามือบนใบหน้าของบุตรชาย และดวงตาของบุตรสาวซึ่งแดงก่ำ เขาจับจ้องไปที่จื่อฉางเหอทันที “จื่อฉางเหอ เจ้ารู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่? เจ้ากลั่นแกล้งลูกข้ารึ?”

“เจ้ามิใช่ผู้ตัดสินเรื่องนี้ ลูกของเจ้าล้วนหยิ่งผยอง พวกเขาพยายามจะสังหารศิษย์น้องของข้าต่อหน้าผู้คนมากมาย เจ้าคิดว่ามิมีสิ่งใดรึ?” จื่อฉางเหอตอบขณะจ้องกลับไปที่ดวงตาของหลี่เสวียเหมิง

“ท่านพ่อ ชายผู้นี้เป็นผู้กลั่นแกล้งลูกคนแรก! เขาผลักลูกตกทะเลสาบ!” หลี่หงเอ๋อกล่าวหา

“ได้ยินไหม? หากเขาเป็นศิษย์น้องของเจ้า เขาไม่ควรกลั่นแกล้งลูกสาวข้า! วันนี้ เราต้องได้เห็นดีกัน!” หลี่เสวียเหมิงกล่าว

“แน่นอน แน่นอน ให้ข้าเรียกนัดรวมตัวเหล่าผู้อาวุโส และให้พวกเขาเป็นสักขีพยานไหมเล่า พวกเขาจะได้ตัดสินว่าผู้ใดเป็นคนผิด” จื่อฉางเหอไม่ยอมอ่อนข้อ

“เจ้าคิดว่าผู้อื่นจะว่างมาเป็นสักขีพยานเมื่อเจ้าเชื้อเชิญได้ตลอดเวลาที่เจ้าต้องการรึ?” หลี่เสวียเหมิงกล่าว และเสริม “จื่อฉางเหอ ด้วยความไม่เคารพตำแหน่งในฐานะผู้อาวุโส ข้าจะให้โอกาสแก่เจ้า ตราบใดที่เด็กคนนี้กล่าวขอโทษลูกสาวข้า มิเช่นนั้นอย่าหวังว่าเรื่องนี้จะจบลง!”

“ช่างมันเถิด! เจ้าคิดว่าข้ากลัวเจ้ารึ?” จื่อฉางเหอลุกขึ้นจากพื้น

“ดี ดีมาก” หลี่เสวียเหมิงกล่าวด้วยแววตาน่ากลัว ก่อนจะจ้องมองไปที่บุตรทั้งสองของตน “ไปกันเถอะ หยุดทำตัวเองขายหน้าเสียที”

หลี่เถียนปาและหลี่หงเอ๋อต่างไม่คาดคิด ว่าบิดาของตนจะจากมาเช่นนี้ พวกเขาไร้ซึ่งทางเลือกหากยังคงดื้อดึง เช่นเดียวกันกับอู่หมิงเหลียง และอู่หมิงกวงต่างก็จากไปเพราะจื่อฉางเหอที่นี่เช่นกัน เมื่อไม่อาจทำอะไรต่อเซี่ยงเส้าหยุนได้ พวกเขาทำได้เพียงรอคอยโอกาสในภายหน้า

เมื่อพวกเขาทั้งหมดจากไป จื่อฉางเหอตำหนิเซี่ยงเส้าหยุน “ข้าคิดว่าข้ากล่าวให้เจ้าฝึกฝนวิชาหอกอัสนีจนกว่าจำบรรลุถึงเจ็ดในสิบภายในสองวันเสียอีก? เหตุใดเจ้าจึงต้องวิ่งไปรอบ ๆ และสร้างแต่ปัญหา?”

“ข้าไม่ได้เป็นคนสร้างปัญหานะ พวกเขาต่างหากที่เป็นคนยั่วยุก่อน ข้าเพียงแค่ปกป้องตนเอง” เซี่ยงเส้าหยุนยักไหล่

“หืม ข้าไม่สนหรอก กลับไปในที่ของเจ้าเสีย และเริ่มฝึกฝนต่อได้แล้ว มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะปกป้องเจ้าจากการถูกกลั่นแกล้งได้!” จื่อฉางเหอดุอย่างเย็นชา

“ก็ได้ ศิษย์พี่พูดถูก แต่ข้าต้องมีเวลาพัก ถูกต้องไหม? ข้าไม่อยากเชื่อว่าพวกเขาจะกล้าทำเช่นนี้อย่างเปิดเผยในตำหนักยุทธ์” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว

“มีช่องทางมากมายซึ่งจะทำให้ชีวิตของผู้อาวุโสต้องยากลำบาก สำหรับศิษย์ระดับดวงดาวเฉกเช่นเจ้า” จื่อฉางเหอกล่าว และกล่าวเสริม “หากสามารถบรรลุขั้นห้าได้ในเร็ววัน ข้าสามารถพาเจ้าไปพบอาจารย์ของข้า เขาอยู่ที่นครขอบนภา ซึ่งจะเป็นสถานที่ซึ่งเจ้าจะได้ไปอยู่ในภายภาคหน้า” หลังจากกล่าวจบ เขาจากไปทันที

‘นครขอบนภารึ? เราไม่อาจอยู่ที่นั่นได้หากที่นั่นเป็นนครใหญ่’ เซี่ยงเส้าหยุนถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ลูกพี่ เราซวยแล้ว! หลังจากไปยุ่งเกี่ยวกับผู้อาวุโสที่สิบสาม คงจะพบเรื่องยากลำบากในตำหนักยุทธ์เสียแล้ว” เซี่ยหลิวฮุยกล่าวอย่างกังวล

“นี่เจ้ากลัวอะไรกัน? ศิษย์พี่ของข้าก็อยู่ที่นี่!” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว

“ตะ แต่ เขาปกป้องเพียงท่าน” เซี่ยงหลิวฮุยกล่าวหลังจากลังเลครู่หนึ่ง

“เขาปกป้องข้าและข้าจะปกป้องเจ้าเอง เห็นไหม เราจะปกป้องกันและกัน!” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว ขณะยื่นขวดให้เซี่ยหลิวฮุย “รับนี่ไป นี่คือน้ำจากน้ำพุดวงดาวปฐพี และมันจะเพิ่มพูนความแข็งแกร่งแก่เจ้า เมื่อเจ้าเป็นศิษย์ชั้นในแล้ว จะไม่ถูกผู้อื่นกลั่นแกล้งได้โดยง่ายอีก”

เซี่ยหลิวฮุยตัวสั่นเมื่อเห็นขวดน้ำเต้า และกล่าว “นะ นี่นะหรือน้ำจากน้ำพุดวงดาวปฐพี? ลูกพี่ ท่านจะมอบให้ข้าจริง ๆ หรือ?”

ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะจากไปยังเทือกเขาร้อยอสูร เขาได้สัญญาว่าจะแบ่งปันน้ำพุดวงดาวปฐพี หากสามารถเก็บมาได้ ซึ่งน้ำนั่นเพียงพอจะทำให้เหล่าศิษย์ต้องบ้าคลั่ง มันเป็นของเหลววิญญาณที่ไม่อาจซื้อได้ด้วยเงินตรา ดังนั้นเซี่ยหลิวฮุยจึงพบว่าเป็นเรื่องยากจะเชื่อ ที่เซี่ยงเส้าหยุนจะนำน้ำจากน้ำพุดวงดาวปฐพีมาแบ่งปันแก่ตนเช่นนี้

“เหตุใดจึงลังเลเช่นนี้? มันไม่ใช่สมบัติล้ำค่าเสียหน่อย” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวขณะยัดขวดน้ำเต้าใส่มือเซี่ยหลิวฮุย

เซี่ยหลิวฮุยเริ่มร้องไห้ออกมาขณะถือขวดน้ำเต้าในมือ “ลูกพี่จะเป็นลูกพี่ของข้าตลอดกาล! ข้าจะยืนเคียงข้างท่านตลอดไป แม้ว่าข้าจะตาย ข้าจะไม่ละทิ้งท่าน!”

“นี่เจ้าเอาจริงรึ” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวอย่างเฉยเมยก่อนจะถาม “เจ้าเห็นลู่เสี่ยวฉิงไหม?”

ก่อนที่เซี่ยหลิวฮุยจะทันได้ตอบ มีเสียงหนึ่งดังจากใกล้เคียง “เส้าหยุน ข้ารู้ว่านางอยู่ไหน”

เมื่อเซี่ยงเส้าหยุนมองไปที่ต้นเสียง เขาพบกับเหม่ยเหลียนฮวากำลังจ้องมองอย่างอ่อนโยน เขาไม่สนใจนางและถามต่อไปยังเซี่ยหลิวฮุย “เจ้ารู้ว่าที่อยู่ของนางไหม?”

“นะ แน่นอน นางถูกยอมรับให้เป็นศิษย์ส่วนตัวของผู้อาวุโสที่สิบเอ็ดแล้ว” เซี่ยงหลิวฮุยตอบกลับหลังจากงุนงงเล็กน้อย

“ข้าเข้าใจหล่ะ” เซี่ยงเส้าหยุนกระซิบ ก่อนจะกล่าวอีกครั้ง “ไปกันเถอะ ข้าจะเลี้ยงอาหารเจ้าด้วย!”

เหม่ยเหลียนฮวาเริ่มก้าวเท้าเร็วขึ้นและกล่าว “เส้าหยุน เรามาคุยกันก่อนได้ไหม?”

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset