ราชาเหนือราชัน – ตอนที่ 84 : สังหาร

“ตาแก่เผิง พวกเขายังตามเราอยู่ไหม?” เซี่ยงเส้าหยุนถาม

ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงพยักหน้า “ขอรับ พวกเขายังคงตามเราตลอดเวลา

“พวกเขารอคอยให้เราเผยช่องว่าง เช่นนั้นเราจะเผยช่องว่างแก่พวกมัน ผู้อาวุโสเจิ้นเผิง พาเซี่ยหลิวฮุยไปก่อน มาดูกันหากพวกมันหมายหัวข้า เมื่อพวกมันออกมาแล้ว เราจะจัดการพวกมันทั้งหมดในคราวเดียว” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว

“ลูกพี่ แล้วถ้าหากข้าไปเพียงผู้เดียวเล่า?” เซี่ยหลิวฮุยกล่าว

“ไม่ พวกเจ้าทั้งสองต้องไปด้วยกัน หากตาแก่เผิงยังอยู่นี่ พวกมันคงไม่กล้าโผล่หัวออกมา” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว

ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ดังนั้น เขาพยักหน้า และจากไปพร้อมเซี่ยหลิวฮุย

“หากพวกมันเป็นคนของตระกูลอู่ บางทีอาจถึงคราวลบชื่อตระกูลนี้ออกจากเมืองอู่เสียแล้ว” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าวคำเบาด้วยแววตาไร้ปราณี

เซี่ยงเส้าหยุนมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ไร้ผู้คนในเมืองกับเสี่ยวไป่ เขาก้าวเข้าเร็วขึ้น ผู้ไล่ตามส่งสัญญาณแก่คนในกลุ่ม ก่อนจะวิ่งไปดักหน้าด้วยความรวดเร็ว เด็กหนุ่มมุ่งหน้าไปยังนอกเมืองด้วยความเร็วไม่มากนัก เพื่อให้ผู้ที่ไล่ตามสามารถตามได้ทัน

“เจ้าหนู หยุดเดี๋ยวนี้!” เสียงตะโกนดังขึ้นจากบริเวณใกล้เคียง

“พะ พวกเจ้า ปะ เป็นใครกัน? หะ เหตุใดจึง ละ ไล่ตามข้าเช่นนี้?” เซี่ยงเส้าหยุนถามด้วยความตื่นตระหนก

แทนที่จะหยุด เขากลับวิ่งให้เร็วขึ้น กลุ่มคนที่ไล่ล่าเขาทั้งหมดล้วนขี่สัตว์อสูรรทั้งสิ้น และมีมากกว่าสิบคน

“ข้าบอกให้หยุดอยู่ตรงนั้น! หากไม่เชื่อฟังก็จงตายเสีย!” หัวหน้ากลุ่มตะโกน เขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธ์ระดับแปรสภาพ และยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมหาศาล ตอนนั้นเอง เซี่ยงเส้าหยุนวิ่งด้วยความเร็วเท่าที่จะทำได้

กลุ่มคนไล่ตามเซี่ยงเส้าหยุนได้ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เมื่อเขาสังเกตเห็นอีกกลุ่มคนอยู่เบื้องหน้าเขา กลุ่มใหม่นั่นคือกลุ่มของเวิ่นจิ๋นรุ่ยที่พบกันที่ตลาดก่อนหน้า ดวงตาเขาเป็นประกาย ก่อนจะตะโกนใส่เวิ่นจิ๋นรุ่ยอย่างรวดเร็ว “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ! คุณชายผู้นี้จะต้องสอนบทเรียนแก่คนของเจ้า!”

เมื่อกลุ่มของเวิ่นจิ๋นรุ่ยสังเกตเห็นอีกกลุ่มที่กำลังเข้ามา และเมื่อเห็นเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนเช่นนั้น พวกเขาได้ข้อสรุปทันทีว่าคนอีกกลุ่มมีจุดหมายเดียวกับพวกตน

“คุ้มกันคุณชาย!” ชายสูงวัยที่อยู่ข้างเวิ่นจิ๋นรุ่ยตะโกน

“เจ้ากลัวสิ่งใดกัน? หากพวกมันกล้าจะทำสิ่งใด ก็จงสังหารพวกมันทั้งหมดเสีย นี่เจ้าคิดว่าผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาเพียงคนเดียวจะสามารถสู้กับตระกูลเวิ่นได้หรือ?” เวิ่นจิ๋นรุ่ยกล่าวขณะคิ้วหมวด

“เนื่องจากพวกเขามีผู้ฝึกยุทธ์ระดับราชาคอยคุ้มกัน พวกเขาอาจมีภูมิหลังอันทรงพลังก็เป็นได้ แต่หากพวกเขาพยายามโจมตีเรา เราก็จะสู้กับพวกเขาด้วย เราไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดอยู่แล้ว” ชายสูงวัยกล่าว

“หยุดอยู่ตรงนั้น!” กลุ่มคนด้านหลังเซี่ยงเส้าหยุนตะโกน

จากมุมมองจองของกลุ่มเวิ่นจิ๋นรุ่ย เซี่ยงเส้าหยุนถูกไล่ล่าจากกลุ่มคนเหล่านั้น หากกลุ่มคนด้านหลังนั้นอยู่ใต้อาณัติเซี่ยงเส้าหยุน ทำให้เวิ่นจิ๋นรุ่ยเริ่มเกร็ง เมื่อกลุ่มคนใกล้เข้ามา

“เจ้ากล้าฉกฉวยสิ่งที่ข้าหมายตาไว้ ได้เวลาสะสางแล้ว!” เซี่ยงเส้าหยุนตะโกนอีกครั้ง ตอนนั้นเอง กลุ่มที่ไล่ล่าอยู่ด้านหลังได้ใกล้เข้ามาแล้ว มันจึงดูราวกับเซี่ยงเส้าหยุนนำกลุ่มคนเหล่านี้มาสู้กับกลุ่มของเวิ่นจิ๋นรุ่ย

“บ้าฉิบ! เจ้าจะต้องเป็นฝ่ายทุกข์ทรมาณแทน! สังหารมันเสีย!” เวิ่นจิ๋นรุ่ยมิได้เป็นคนขลาด เมื่อเขามองเห็นเซี่ยงเส้าหยุนมาพร้อมคนกลุ่มใหญ่ จึงออกคำสั่งให้กลุ่มของตนโจมตีแทนที่จะนั่งรอเป็นเป็ดน้อย

กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังหมายตาเพียงเซี่ยงเส้าหยุนเท่านั้น แต่ยังไม่ทันได้มีโอกาสได้กล่าวสิ่งใด กลุ่มคนของเวิ่นจิ๋นรุ่ยก็ได้จู่โจมพวกเขาเสียแล้ว

เซี่ยงเส้าหยุนหลบการโจมตีที่พุ่งเป้ามาที่ตน และปล่อยฝ่ามือเข้าโจมตี ก่อนจะตะโกน “สังหาร! ไปจัดการพวกมันเสีย”

“สังหารพวกมันให้หมด!” เวิ่นจิ๋นรุ่ยคิดว่าเซี่ยงเส้าหยุนพยายามสังหารพวกตน จึงได้สั่งให้คนของตนโจมตีหมายจะสังหารเช่นกัน

ขณะกลุ่มที่ไล่ล่าเซี่ยงเส้าหยุนนั้น พวกเขาล้วนตกใจกับสิ่งทีเกิด เมื่อหนึ่งในคนของตนถูกสังหาร พวกเขาก็บ้าคลั่งเช่นกัน         “นี่เจ้ากล้าจู่โจมเรา กลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งงั้นหรือ? ตายเสีย!” หัวหน้ากลุ่มคำรามก่อนจะพุ่งตรงมาที่คนของเวิ่นจิ๋นรุ่ยด้วยกระบี่ในมือ และตอนนั้นเอง การต่อสู้ที่โกลาหลได้บังเกิดขึ้น ทั้งสองกลุ่มเข้าห้ำหั่นกันอย่างกล้าหาญ เซี่ยงเส้าหยุนแอบไปรอบสนามรบด้วยฝีเท้าอันยอดเยี่ยม โดยไร้ซึ่งส่วนร่วมใดในการต่อสู้

“อ๊ากกก!”

การต่อสู้ของทั้งสองกลุ่มเป็นไปอย่างดุเดือด เมื่อทั้งสองกลุ่มสังหารกันเอง เลือดพุ่งออกไปทุกทิศทาง

ขณะที่แอบหลบอยู่ท่ามกลางความโกลาหล เซี่ยงหยุนไม่ลืมที่จะตะโกนให้คนพวกนั้นห้ำหั่นกัน ในตอนท้าย ยอดฝีมือระกับแปรสภาพเกือบจะโจมตีเขา แต่โชคดี เขาสามารถหลบหนีได้ทัน มิเช่นนั้น คงถูกสังหารไปแล้ว

“ได้เวลาหนีแล้ว” ในที่สุดเซี่ยงเส้าหยุนก็หลบหนีออกจากสนามรบนั่น

“เจ้าหนู หยุดอยู่ตรงนั้นเสีย! ฆ่ามันก่อน!” เวิ่นจิ๋นรุ่ยออกคำสั่งขณะนั่งบนสัตว์ภาหนะ

ด้วยคำสั่งนั่น สัตว์อสูรได้พุ่งเข้าใส่เด็กหนุ่มทันที โดยรวมถือว่ากลุ่มของเวิ่นจิ๋นรุ่ยนั้นได้เปรียบในการต่อสู้ แม้จะมีจำนวนคนน้อยกว่าก็ตาม แต่ยอดฝีมือระดับแปรสภาพของพวกเขานั้นล้วนแข็งแกร่งมาก

ยอดฝีมือซึ่งร่วมมือกันสังหารกลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งทีละคน จนทำให้คนของกลุ่มนักล่าสิ่งโตคลั่งต้องสั่นด้วยความหวาดกลัว

เวิ่นจิ๋นรุ่ยเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวขั้นแปด และยังขี่สัตว์อสูรชั้นกลางช่วงท้าย เขาไล่จับเซี่ยงเส้าหยุนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฟาดฟันดาบเข้าใส่ที่หลังของเซี่ยงเส้าหยุน

เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย เซี่ยงเส้าหยุนก้มลงทันที และหลบเลี่ยงการโขมตีนั้นได้ทัน ขณะที่ก้มตัวลง สัตว์อสูรได้เข้าถึงตัว และกำลังกระทืบเด็กหนุ่มลงกับพื้น

มันคือหมีอสูร การกระทืบซึ่งมีความรุนแรงมหาศาล และหากใครถูกมันโจมตีเข้า คงจะกลายเป็นเนื้อสับทันที ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ เสี่ยวไปได้แสดงความกล้าหาญออกมา มันคำรามออก เสียงคำรามของราชาสัตว์ร้ายทำให้หมีตกใจจนตัวสั่น และหยุนได้ทันท่วงที

ชั่วขณะที่หมีตัวสั่นนั้น เสี่ยวไป่ได้กระโดดขึ้นไปบนตัวของมัน และขย้ำอย่างแรงด้วยความโกรธ สำหรับเซี่ยงเส้าหยุนนั้น เขาใช้โอกาสนี้กลิ้งหลบก่อนจะลุกขึ้นยืน หลังจากนั้น เขาส่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับดวงดาวที่ใกล้ตัวลอยไปไกลด้วยลูกเตะ

“เสี่ยวไป่ อย่าเสียเวลากับพวกเขาเลย ไปกันเถอะ” เซี่ยงเส้าหยุนกล่าว

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เสี่ยวไป่กระโดดลงจากหลังหมี หลังจากฉีกขย้ำเนื้อของมันเป็นชิ้นๆ และวิ่งตามเซี่ยงเส้าหยุนไป

“บ้าเอ้ย! จับเขา!” เวิ่นจิ๋นรุ่ยคำราม

เมื่อสิ้นคำสั่ง ชายสูงวัยระดับแปรสภาพซึ่งสังหารกลุ่มนักล่าสิงโตคลั่งหลายคนที่อยู่ใกล้เคียง ก่อนจะไล่ล่าเซี่ยงเส้าหยุน

“ตาย!” ชายสูงวัยคำรามขณะส่งกรงเล็บเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน

ด้วยพลังที่กรงเล็บปล่อยออกมาจากมือ และพุ่งเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุน หากโดนโจมตีแล้วละก็ เซี่ยงเส้าหยุนคงต้องถูกหั่นเป็นเศษเนื้ออย่างไม่ต้องสงสัย

“ผู้อาวุโสเจิ้นเผิง ท่านอยู่ที่ไหน?” ในที่สุดเซี่ยงเส้าหยุนก็ร้องขอความช่วยเหลือ เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ย่างกราย

“ใครที่กล้าทำร้ายคุณชายของข้าจะต้องตาย!” ผู้อาวุโสเจิ้นเผิงคำราม ขณะปรากฏตัวจากท้องฟ้า เขาส่งลูกเตะใส่ศีรษะของชายสูงวัย

ตู้ม!

ศีรษะของชายสูงวัยผู้โชคร้ายระเบิดออก

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน

我不是大魔王
Score 7.8
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง I’m not the Overlord! ราชาเหนือราชัน เรื่องย่อ นครขอบนภา เมืองอู่ ตำหนักยุทธ์ ตำหนักยุทธ์คือสถานที่ในเมืองอู่ ที่ได้คัดเลือกผู้ฝึกยุทธ์จากต่างเมืองมาเป็นลูกศิษย์ ทุกฤดูใบไม้ผลิ จะมีการคัดเลือกลูกศิษย์หน้าใหม่ เพราะเหตุนั้น บุตรหลานและผู้เยาว์จากหลากหลายหมู่บ้านใกล้เคียง ต่างก็หลั่งไหลกันมาเพื่อเข้ารับการทดสอบเข้าตำหนักยุทธ์ พวกเขาต่างมาแสวงหาซึ่งกำลัง ในปีนี้ การคัดเลือกเป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว วันนี้ได้มีเด็กหนุ่มผู้หนึ่งที่แต่งตัวราวกับบัณฑิตได้ยืนอยู่ตรงหน้าประตูหลักของตำหนักยุทธ์ อ้อนวอนขออนุญาตเพื่อให้ได้เข้าไป เด็กหนุ่มผู้นี้น่าจะมีอายุราวสิบห้าถึงสิบหกปีและมีคุณสมบัติที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างดี เป็นเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าที่หล่อเหลาเจิดจ้า ข้อบกพร่องคือร่างกายมีรูปร่างที่ผอมและเสื้อผ้าของเขาก็ขาดรุ่งริ่งราวกับผ่านพ้นอะไรมามากมาย ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้ยากไร้ “เจ้าหนุ่ม ข้ากล่าวไปหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นอยู่อีก? ช่วงเวลาที่ตำหนักยุทธ์ได้คัดเลือกเหล่าลูกศิษย์ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากจะเข้าร่วมตำหนัก เจ้าจงรอฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้าและจงกลับมาอีกครั้งหนึ่ง” ทหารยามที่ยืนเฝ้าสังเกตการณ์ข้างหน้าตำหนักได้กล่าวต่อสักคำหนึ่งกับเด็กหนุ่มราวกับใกล้จะหมดความอดทน ทหารยามอีกคนหนึ่งเผยท่าทีดุร้ายจับจ้องประหนึ่งคมมีดไปยังเด็กหนุ่มพร้อมตะคอกใส่ “เจ้ามาที่นี่ก็สามวันแล้ว หากเจ้ายังไม่ไปให้พ้นจากตรงนี้ อย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือนนะ” ทหารยามทั้งสองเชี่ยวชาญในการรับมือกับบุคคลที่ไร้ยางอายที่จะคิดเข้าไปให้ได้ เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มเจิดจ้าและหัวเราะ พูดว่า “พี่ชายทั้งสองอย่าทำเช่นนี้เลยข้า เซี่ยงเส้าหยุนเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ในรอบร้อยปี! ตราบใดที่พวกท่านอนุญาตให้ข้าเข้าไปข้างใน ข้าก็จะได้เป็นลูกศิษย์ของตำหนักยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นนะ ข้ายังจะเป็นลูกศิษย์ที่เลิศล้ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของตำหนักยุทธ์! และเมื่อนั้นข้าจะไม่ลืมบุญคุณของท่านทั้งสองเลย” “ไร้สาระ! เรียกตัวเองว่าอัจฉริยะในรอบร้อยปีงั้นรึ? มองดูรูปร่างผอมบางของเจ้าก่อนไหม? ข้าเดิมพันว่าเจ้ารับหมัดของข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ!” ทหารยามเผยสายตาดุร้ายขณะที่เขาตวาดเด็กหนุ่มพร้อมปล่อยหมัดออกไป ขณะที่หมัดกำลังเข้าใกล้ เด็กหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเซี่ยงเส้าหยุนตะโกนขึ้น “หยุดนะ” ดูเหมือนว่าเสียงร้องของเซี่ยงเส้าหยุนจะได้ผล มีพลังอำนาจบางอย่าง ราวกับว่าเขาคือบุคคลที่คนนับหมื่นจะต้องตกอยู่ภายใต้ตัวเขา ทหารยามผู้ที่มีสีหน้าดุดันเหม่อมองชั่วขณะหนึ่ง ดูเหมือนจะมีบางสิ่งที่แปลกประหลาดจากตัวเด็กหนุ่ม แรงกดดันมหาศาลที่อธิบายไม่ได้ที่ฉายผ่านดวงตาที่มองมา ถึงแม้ว่าทหารยามยังคงเย้ยหยันอย่างเย็นชา “กลัวแล้วงั้นรึ? งั้นก็ไสหัวไปซะไม่อย่างนั้นวันนี้จะต้องได้เห็นดีกันแน่” “นี่มันช่างน่าขัน นายน้อยผู้นี้ได้พบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ใยจึงต้องหวาดกลัวด้วยเล่า?” เซี่ยงเส้าหยุนคิดกับตัวเอง แต่ทว่าท่าทียังคงชวนสงสารเวทนา เขาเผยรอยยิ้มอีกครั้งและพูดว่า “ดูสิ่งนี้สิ!” ในมือของเขาปรากฎชิ้นส่วนหินที่ส่องแสง หินก้อนนั้นดูบริสุทธิ์และไร้มลทิน ผู้ใดพบเห็นย่อมต้องตกตะลึง ทหารยามหวาดระแวงที่จะจ้องมองหินก้อนนั้น เมื่อมองให้ดี สีหน้าของเขาดูเปลี่ยนไปราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังจะเกิดขึ้น เซี่ยงเส้าหยุน หัวเราะ “ฮี่ฮี่ อยากได้ใช่มั้ยล่ะ? ถ้าเกิดว่าให้คุณชายคนนี้ได้เข้าสู่ตำหนัก เจ้าเศษหินนี่…” เพี๊ยะ! ก่อนที่เซี่ยงเส้าหยุนจะพูดจบ ทหารยามได้ฟาดฝ่ามือใส่เขา หินส่องแสงโดนตบหลุดไปจากมือของเซี่ยงเส้าหยุน “เจ้ากล้าดียังไงถึงได้ใช้หินขยะนี่มาติดสินบนข้า! ข้าคิดว่าถ้าเจ้าไม่ได้เห็นโลงศพ เจ้าก็จะไม่มีวันหลั่งน้ำตาสินะ” ทหารยามยกหมัดขวาเข้าใส่เซี่ยงเส้าหยุนและกำลังจะต่อยไปยังใบหน้าของเด็กหนุ่ม “เวรเอ้ย ข้าจะเจอคนมีตาแต่หามีแววไม่อีกเท่าไหร่กัน” เซี่ยงเส้าหยุนก่นด่าตัวเขาเอง เขาหลับตาลงโดยที่ไม่ต้องทะเลาะเพราะรู้ว่าตัวเขาเองไม่มีทักษะที่จะต้านรับมันได้ ขณะที่กำปั้นกำลังจะเข้าไปทักทายใบหน้าของเด็กหนุ่ม ก็มีเสียงทุ้มลึกและดุดัน ดังขึ้น “หยุดเดี๋ยวนี้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset