เมื่อได้ยินคำตอบของโม่ถิง ถังหนิงก็พยักหน้ารับ “ไม่ว่าคุณจะทำอะไร คุณก็หักหลังศิลปินของตัวเองไม่ได้สินะคะ”
แน่นอนว่าเธอเอ่ยเช่นนี้หลังมั่นใจแล้วว่าซ่งหลินหลินถูกหลอกจริง…
อย่างที่พวกเขาเคยปกป้องฮั่วจิงจิงเอาไว้
“แต่อยู่ๆ เราจะไปมีเรื่องกับลูกสาวแชมป์มวยปล้ำคนนั้นไม่ได้นะคะ!”
ครั้งนี้ถังหนิงรั้งให้โม่ถิงคิดให้ดี “คุณอาจจะไม่สนใจเพราะคุณชินแล้ว แต่ครั้งนี้ซ่งหลินหลินไม่ได้มีเรื่องกับคนธรรมดา เขาเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการกีฬา แล้วไป๋ชิงอีก็ขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์ร้อนและเจ้าแผนการด้วย
“ถ้าคุณไม่สะดวกใจไปพบเธอ ทำไมไม่ให้ฉันไปแทนล่ะคะ”
โม่ถิงลืมตามองถังหนิง “แค่รู้ว่าคุณนึกถึงความรู้สึกฉันก็พอแล้วค่ะ”
ในฐานะที่ถังหนิงเป็นผู้หญิง มักอ่อนไหวและคิดมาก ตอนนี้ผู้อาวุโสหนานกงกำลังจับตามองพวกเขาอยู่ พวกเขาต้องเลี่ยงการสร้างศัตรูเผื่อว่าพวกเขาจะตัดสินใจรวมหัวกัน
“ไห่รุ่ยหยัดยืนในปักกิ่งมานานหลายปีแล้ว พวกเขาไม่กลัวอุปสรรคอะไรอยู่แล้ว คุณต้องไว้ใจทุกคนในไห่รุ่ยที่มีประสบการณ์ในการชวนเชื่อมาหมดแล้ว แต่ถ้าคุณอยากไปก็ได้ครับ…ถ้าคุณโดนรังแกผมจะไม่ปล่อยพวกเขาไปเด็ดขาด!”
“คุณคิดว่าฉันจะตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนั้นเหรอคะ” ถังหนิงหัวเราะ
ด้วยเรื่องที่เกิดขึ้น ซ่งหลินหลินเกือบจะตกอยู่ในสภาพกึ่งเกษียณอายุพร้อมหน้าที่การงานแทบจะจบสิ้น ในฐานะเหยื่อ เธอทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าไอ้คนลวงโลกเสียอีก ทว่าไป๋ชิงอีกลับตามรังควานเธอไม่ยอมเลิกรา
ลู่เช่อไปที่บ้านตระกูลไป๋ในนามถังหนิงโดยเฉพาะ ขณะที่เขาเข้าไปในบ้านที่เหมือนกับเขาวงกต ก็เห็นไป๋ชิงอีกำลังเล่นกอล์ฟอยู่ที่สนามหญ้า
“ผู้ช่วยลู่คะ กลับไปบอกคุณผู้หญิงของคุณด้วย ว่าถ้าประธานโม่ตอบรับคำเชิญของฉันตั้งแต่แรก ฉันคงไม่โกรธขนาดนี้ ฉันจะจัดการเรื่องของซ่งหลินหลินด้วยวิธีของตัวเอง เธอไม่ต้องมากังวลเรื่องนี้หรอกค่ะ ฉันก็ไม่แน่ใจว่าไห่รุ่ยจะมีปัญญาจับตาดูคนอื่นได้ตลอดเวลาหรือเปล่านะคะ”
“คุณไป๋ครับ…ซ่งหลินหลินได้ชดใช้อย่างสาสมแล้วนะครับ…”
“เธอมายั่วยวนผู้ชายที่แต่งงานแล้ว คุณคิดว่าเธอทรมานพอแล้วเหรอ” ไป๋ชิงอีสวนกลับ “กลับบ้านไปถามคุณผู้หญิงของคุณว่าเธอทำกับหันอวี่ฝานกับโม่อวี่โหรวยังไงแล้วกัน!
“ฉันเป็นแฟนคลับของเธอ ฉันรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ!
“พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ฉันก็ได้เรียนรู้ลูกเล่นทั้งหมดของฉันมาจากคุณผู้หญิงของคุณนั่นแหละ!”
หากแต่ปัญหาของสิ่งที่เธอทำคือซ่งหลินหลินเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน!
หมายความว่าการเชิญของลู่เช่อนั้นไม่ได้ผล เขาไม่อาจโน้มน้าวไป๋ชิงอีได้
“ฉันเข้าใจว่าเธอรู้สึกยังไง แต่…สถานการณ์ของเธอมันต่างออกไปนิดหน่อย ช่างเถอะ แทนที่จะเสียเวลาของนายกับไป๋ชิงอี ฉันอาจจะหาที่อยู่ให้ซ่งหลินหลินด้วย อย่างน้อยมันก็ปลอดภัย”
“โอเคครับ คุณผู้หญิง” ลู่เช่อขานรับอย่างเชื่อฟัง
“กลับบ้านบ่อยๆ แล้วไปดูแลหลงเจี่ยให้ดีๆ เถอะ…”
เมื่อพูดถึงชื่อหลงเจี่ย รอยยิ้มปรากฎขึ้นบนใบหน้าของลู่เช่อ “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ พ่อผมช่วยดูแลลูกสาวให้อยู่ เสี่ยวมั่นจะได้ไม่เหนื่อยเกินไป”
ถังหนิงพยักหน้ารับอย่างยินดี “ถ้ามีเวลาฉันจะไปเยี่ยมเธอนะ”
สิ่งที่ถังหนิงไม่เข้าใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ของซ่งหลินหลินทั้งหมดคือการที่ไป๋ชิงอีแทบจะให้อภัยสามีตัวเอง แม้เธอจะเปิดเผยรูปที่เขานอกใจ เธอก็ยังนึกถึงเกียรติของเขาและเบลอหน้าเขาไว้ และแม้พ่อของเธอจะทำร้ายเขาจนต้องส่งเข้าโรงพยาบาล ไป๋ชิงอีก็ไม่เคยคิดโทษสามีตัวเองสักครั้ง กลับไปตามรังควานซ่งหลินหลินแทน
ด้วยเหตุนี้ถังหนิงจึงเริ่มสงสัยว่าซ่งหลินหลินกำลังโกหก
แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของศิลปิน เธอก็ติดร่างแหไปแล้ว จึงต้องการคลี่คลายเรื่องนี้ให้เรียบร้อย
ดังนั้นในช่วงที่เธอมีเวลาว่าง ถังหนิงจึงไปพบกับซ่งหลินหลินอีกครั้ง
ตอนนี้นักร้องชั้นนำขังตัวอยู่ในบ้านท่ามกลางควันบุหรี่ลอยคลุ้งอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองแต่อย่างใด
“ฉันขอโทษด้วยค่ะ คุณผู้หญิง ฉันไม่คิดว่าคุณจะมาหา”
หลังพูดจบ ซ่งหลินหลินก็ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาก่อนจมอยู่กับความหดหู่ด้วยการสูบบุหรี่ต่อไป
“ทำไมคุณทำตัวเองอย่างนี้ล่ะคะ” ถังหนิงถาม
“ฉันได้ยินว่าไป๋ชิงอีติดต่อท่าประธานไป แต่ท่านประธานไม่ได้เอาฉันไปแลก ฉันรู้สึกแย่จริงๆ ค่ะ ถัง
หนิง ถ้าพวกคุณยอมเอาฉันไปแลกยังจะดีซะกว่าอีกค่ะ” ถึงป่านนี้ซ่งหลินหลินไม่อาจกลั้นน้ำตาต่อไปได้อีก
“หลังจากฉันอยู่สังกัดไห่รุ่ยมาหลายปี ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ ค่ะ…”
“ในเมื่อคุณอยู่สังกัดไห่รุ่ยมานาน คุณก็น่าจะรู้ว่าถิงจะไม่ปล่อยให้ใครที่อยู่ภายใต้ความดูแลของเขาทำเรื่องไม่คิดหน้าคิดหลัง ถ้าเขายังปกป้องศิลปินภายใต้การดูแลของเขาไม่ได้ เขาจะเป็นผู้นำไห่รุ่ยได้ยังไงละคะ”
“แต่ฉันไม่คิดว่าตัวเองสมควรได้รับมันหรอกค่ะ ฉันมันคนสกปรกเกินไป…”
ซ่งหลินหลินหมายถึงรูปที่ที่หลุดออกมา…
“ฉันไม่รู้ว่ามีรูปพวกนั้นออกมาได้ยังไงจริงๆ ค่ะ ไม่รู้ว่าไอ้เลวนั่นแต่งงานแล้ว เขาเอาใบหย่าปลอมมาให้ฉันดูเพื่อหลอกฉันด้วยซ้ำ!
“ฉันนี่มันโง่จริงๆ …”
“คุณอาจจะโง่ แต่อย่าลืมว่าครั้งหนึ่งฮั่วจิงจิงเคยโง่มากกว่าคุณอีกนะคะ แต่ดูว่าตอนนี้เธอเป็นยังไงสิคะ” ถังหนิงกล่าวปลอบ “ตอนนี้สิ่งที่คุณต้องทำคือเลิกนั่งโทษตัวเอง คุณควรหาทางทำให้ไอ้เลวนั่นชดใช้แทนนะคะ คุณอาจจะรู้สึกอายที่ไปเป็นมือที่สามของคนอื่น แต่ชีวิตของทุกคนมีค่านะคะ อย่าทำให้ตัวเองดูน่าสมเพชอย่างนี้เลยค่ะ!”
“นึกไม่ถึงว่าคุณจะเป็นห่วงศิลปินธรรมดาอย่างฉันเลยนะคะ” ซ่งหลินหลินหัวเราะตัวเอง “คุณไม่กลัวเป็นศัตรูกับตระกูลไป๋บ้างเหรอคะ”
“ที่ฉันมาวันนี้เพื่อให้มั่นใจว่าคุณไม่ได้โกหกเราค่ะ…” ถังหนิงเอ่ยขณะลุกขึ้นยืน “ในเมื่อคุณไม่ได้เป็นคนผิด ฉันก็พอใจแล้วล่ะค่ะ
“แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นห่วงศิลปินธรรมดาหรอกนะคะ ผู้อาวุโสหนานกงจับตามองพวกเราอยู่ ฉันแค่ไม่อยากสร้างศัตรูเพราะเรื่องของคุณน่ะค่ะ”
“คุณทำเพื่อประธานโม่สินะคะ…”
“ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเถอะค่ะ” ถังหนิงว่าก่อนจะจากไป
ซ่งหลินหลินไม่ได้ทำตามคำของถังหนิง ไม่นานหลังถังหนิงออกไป เสียออดประตูดังขึ้นอีกครั้ง เดิมทีเธอนึกว่าถังหนิงย้อนกลับมาอีก แต่กลับต้องตกใจเมื่อมีใครบางคนครอบศีรษะของเธอก่อนเริ่มทำร้ายร่างกาย
“นี่สำหรับการยั่วยวนผู้ชาย ผู้ชายที่แต่งงานแล้วไงละ!”
ซ่งหลินหลินไม่รู้ว่าเธอทนมาราวๆ สิบนาทีได้อย่างไร จนกระทั่งคนที่ลงมือจากไปและเธอรู้ตัวว่าจมอยู่ในกองเลือด
เธอแท้งลูก…
ใช่ ไม่มีใครสนใจว่าเธอจะเป็นจะตายอย่างไรหรอก ในสายตาคนอื่นเธอก็เป็นแค่ภรรยาน้อยที่ทุกคนอยากให้ตายไปเสีย ใครจะมาสนใจว่าเธอถูกหลอกหรือเปล่ากัน
แต่แล้วก็มีไห่รุ่ย…
เมื่อเธอนึกถึงครอบครัวใหญ่นี้ เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น หากเธอสร้างข่าวขึ้นอีกไห่รุ่ยคงออกมาชี้แจงเพื่อเธออีกครั้ง
รู้เช่นนี้เธอจึงรีบโทรหาหมอประจำตัวและขอให้แอบรักษาเธอโดยไม่ให้ใครรู้…
ถังหนิงพูดถูก แม้ว่าเธอจะตาย เธอก็ไม่อาจก่อเรื่องให้ไห่รุ่ยได้อีก อย่างไรเสียในฐานะผู้นำของไห่รุ่ย โม่ถิงไม่มีทางทำเรื่องผิดเพราะเธอ!