“แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ” สามีของไป๋ชิงอีหัวเราะเยาะเย้ยตัวเอง
“ถ้าคุณไม่ตกลง คุณอาจจะได้นอนในโรงพยาบาลไปตลอดชีวิตก็ได้…” ไป๋ชิงอีข่มขู่พร้อมแสยะยิ้ม “ฉันจะไม่บังคับคุณหรอกนะคะ มันเป็นการตัดสินใจของคุณนี่”
เขาตกอยู่ในความเงียบโดยไม่ปริปากออกมาอีก อย่างไรเสียเขาก็คุ้นเคยกับเรื่องอย่างนี้ไปเสียแล้ว
ไป๋ชิงอีไม่เคยทำกับคนรอบตัวเหมือนพวกเขาเป็นมนุษย์ เธอปฏิบัติกับพวกเขาตามแต่ใจเธอต้องการ
“ผมหลงผิดที่ไปแต่งงานกับคุณ ไป๋ชิงอี ไปตายซะ”
เธอหัวเราะและไม่ตอบโต้ด้วยรู้ว่าเขายอมแพ้แล้ว
“นักข่าวจะมาสัมภาษณ์คุณในไม่กี่นาทีนี้ จำเรื่องที่ฉันบอกคุณเอาไว้ด้วยล่ะ…”
จังหวะนั้นแม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจก็ไม่อาจขัดคำสั่งของไป๋ชิงอีได้ ถึงอย่างไรเขาก็ไม่อาจปกป้องตัวเองได้ด้วยซ้ำ แล้วจะออกมาพูดปกป้องซ่งหลินหลินได้อย่างไร ดังนั้นเมื่อเขาเผชิญหน้ากับกล้องจึงยืนกราน “ผมไม่มีความเห็นเรื่องอื่นเพราะว่าผมนอกใจจริงๆ แต่ผมอยากจะบอกว่าผมไม่ได้โกหกซ่งหลินหลิน ถ้าคุณไม่เชื่อก็ไปสืบจากข้อความที่คุยกันของเธอได้ เธอสร้างพวกมันขึ้นมาเองครับ
“จริงๆ เธอรู้ว่าผมยังไม่ได้หย่ามาตั้งแต่แรก!
“แค่ตามสืบนิดหน่อยเธอก็คงรู้ความจริงแล้ว เธอจะคิดว่าผมหย่าแล้วได้ยังไงครับ”
ตลอดเวลาที่ชายหนุ่มตอบคำถามกับสื่อ ไป๋ชิงอีนั่งอยู่ข้างๆ เขาด้วยรอยยิ้มเยาะ เพราะหลังจากนี้เธอจะเป็นคนที่ถูกรู้จักในฐานะเหยื่ออย่างเป็นทางการ อย่างน้อยในสายตาของทุกคนนี่ก็ถือว่าเป็นหลักฐาน
ไม่นานคำตอบของชายหนุ่มก็กลายเป็นประเด็นร้อนแรง
ทว่ามันกลับยิ่งทำให้สถานการณ์ทั้งหมดน่าคลางแคลงใจ ซ่งหลินหลินอ้างว่าเธอไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อยและถูกหลอกลวง แต่จากคำพูดของสามีไป๋ชิงอี เธอรู้ทุกอย่างและแสร้งเป็นไม่รู้ ทั้งสองโจมตีกันและกัน พาให้เรื่องฉาวโฉ่นี้กลายเป็นเรื่องลึกลับที่ชวนพิศวง
ความเดือดร้อนเริ่มลอยมาหาซ่งหลินหลินอีกครั้งเพราะไม่ว่าเธอจะรู้หรือไม่ ไป๋ชิงอีก็เจ็บปวดเจียนตายไปแล้ว
ตอนนี้ในยามที่คำพูดของเธอเข้าปะทะกับไอ้เลวนั่น ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งคู่กำลังพยายามเกี่ยงกันรับผิดชอบ
“คอยดูว่าครั้งนี้ไห่รุ่ยจะล้างมลทินให้เธอยังไง!” ไป๋ชิงอีว่าขึ้นเสียงแข็ง “เธอก็เป็นแค่ศิลปิน ทุกอย่างคงจบลงแค่พวกเขาส่งเธอมาให้ฉันจัดการ แต่ไห่รุ่ยก็ยังตาต่ำ! ทำไมต้องพยายามเป็นคนดีด้วยล่ะ ถังหนิง ฉันรู้ว่าคุณเลือดเย็นแค่ไหน ฉันเรียนรู้มาจากคุณนั่นแหละ
“ในเมื่อพวกเขาเลือกทางนี้แล้ว ก็ควรรอรับผลเสียที่จะตามมา!”
…
ภายในห้องทำงานของโม่ถิง ถังหนิงได้เห็นสัมภาษณ์ของไอ้สารเลวนั่นแล้ว เธอวางโทรศัพท์ลงพลางหันไปหาสามีของเธอ “ถิงคะ…”
“นี่เป็นบันทึกเสียงที่ลู่เช่อได้มาจากโรงพยาบาลครับ” โม่ถิงวางปากกาบันทึกเสียงไว้บนโต๊ะ “เป็นอย่างที่ลู่เช่อรู้มาจากการสืบก่อนหน้านี้ ผู้ชายคนนี้ใช้ชีวิตอยู่ใต้เงาของไป๋ชิงอีมาหลายปี จริงๆ ครั้งนี้เขาคิดโทรแจ้งตำรวจหลังจากที่โดนทำร้ายด้วย
“จากบันทึกเสียงนี้ ถ้าเรารับประกันความปลอดภัยของเขาได้ ผมมั่นใจว่าเขาต้องดีใจมากที่ได้เป็นอิสระจากการควบคุมของเธอสักที”
“คุณจัดการแล้วเหรอคะ”
“ผมเตรียมทุกอย่างไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ” ตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มแผนแก้ข่าวให้ซ่งหลินหลิน โม่ถิงส่งลู่เช่อไปคอยติดตามไป๋ชิงอีและสามีของเธอ
คนที่ลู่เช่อส่งไปตามสืบความเคลื่อนไหวทั้งคู่รออยู่ที่โรงพยาบาลอยู่นานก่อนจะได้บันทึกเสียงที่มีประโยชน์มาในท้ายที่สุด
ไม่นานหลังจากนั้นไห่รุ่ยปล่อยบันทึกการรักษาที่ระบุถึงอาการบาดเจ็บที่ซ่งหลินหลินได้รับ พวกเขาเผยว่าไป่ชิงอีทำร้ายซ่งหลินหลินทำให้เธอได้รับบาดเจ็บหลายที่รวมถึงอาการซี่โครงหัก
ทว่าเมื่อผู้คนเห็นเช่นนี้ พวกเขากลับไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิดปกติที่ภรรยาจะสั่งสอนบทเรียนให้ชู้ และไม่คิดว่าไห่รุ่ยจะยกประเด็นนี้ขึ้นมาด้วยซ้ำ
หากแต่มีบางคนที่รู้สึกว่าไป๋ชิงอีทำเกินกว่าเหตุไป
แน่นอนว่าไป๋ชิงอีมีท่าทีตอบรับอย่างเคย และแสร้งราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น “บทเรียนเหรอ ฉันต้องหาคนไปสั่งสอนบทเรียนให้เธอด้วยเหรอ เทียบกับเธอแล้วฉันเป็นใครละ ถึงฉันจะโกรธแต่ก็ไม่เคยคิดจะไปตามเล่นงานเธอหรอก พวกคุณไม่เห็นว่าฉันทำกับสามีของฉันยังไงเหรอ แม้ว่าหลังจากที่เขาทำอย่างนั้นกับฉัน ฉันก็ไม่เคยใส่อารมณ์เลยสักครั้ง
“อีกอย่างพวกคุณรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้แค่ปลอมพวกมันทั้งหมดขึ้นมา…
“สามีฉันนอกใจก็ทรมานมากพอแล้ว ไม่อยากจะเชื่อว่าตอนนี้ฉันต้องมาทนกับเรื่องน่าขายหน้าอย่างนี้อีก”
ไป๋ชิงอีแสดงละครตบตาได้อย่างแนบเนียน แต่ไม่ได้เป็นเพราะเธอถูกบังคับให้ทำแต่เธอแค่ชอบแสดงต่างหาก
แน่นอนว่าสื่อมวลชนรู้สึกเห็นอกเห็นใจกับการคร่ำครวญของเธอ อย่างไรเสียเธอก็เป็นลูกสาวของนักกีฬาชื่อดังและมีพื้นเพครอบครัวใหญ่โต ไม่มีเหตุผลที่เธอจะลดตัวลงไปหาเรื่องซ่งหลินหลิน
“ทุกเซลล์ในตัวของเธอมีเพื่อการแสดงของเธอเลยนะเนี่ย” ถังหนิงหัวเราะหลังจากได้เห็นบทสัมภาษณ์ของไป๋ชิงอี “ถ้าเธอได้เข้าวงการบันเทิง ฉันว่าคงไม่มีใครขึ้นแท่นนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมสู้เธอได้หรอกค่ะ”
ไป๋ชิงอีนั้นแตกต่างจากคนอื่นลิบลับ เธอชอบที่จะทำตัวลวงโลก
“ลู่เช่อติดต่อกับทางโรงพยาบาลไว้แล้วครับ เราย้ายตัวเขาออกมาได้คืนนี้” โม่ถิงเอ่ยขณะที่เซ็นเอกสารบางอย่าง “ผมติดต่อสื่อให้มาสัมภาษณ์สามีของไป๋ชิงอีที่ทางเข้าโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้วครับ”
“หมายความว่าคืนนี้จะมีการแสดงที่น่าทึ่งเหรอคะ”
ในเมื่อไป๋ชิงอีไม่กลัวที่จะสร้างเรื่องฉาวโฉ่ พวกเขาก็จะแฉเธอให้หมดเปลือก นอกจากพ่อของเธอแล้ว อีกคนหนึ่งที่เข้าใจเธอที่สุดในโลกใบนี้จึงหนีไม่พ้นสามีของเธอ!
ซ่งหลินหลินเห็นว่าถังหนิงกับโม่ถิงพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยให้เธอกลับมาหยัดยืนได้ เธอรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมา ตลอดหลายปีมานี้นอกจากไอ้คนสารเลวนั่นที่มอบความอบอุ่นให้เธอบ้าง ก็ไม่มีใครที่จริงใจกับเธอขนาดนี้
เธอหวังว่าตัวเองจะช่วยอะไรได้บ้าง ทว่าน่าเสียดายที่เธอไม่อาจทำสิ่งใดได้แม้แต่น้อย
ความจริงแล้วเธออยากจะตอบแทนให้กับโม่ถิงและถังหนิง หากแต่ในฐานะนักร้องตกอับคนหนึ่ง…
…เธอจะทำสิ่งใดเพื่อราชากับราชินีได้กัน
เมื่อคิดเช่นนั้น ซ่งหลินหลินหยิบปากกาและกระดาษออกมาจากโต๊ะข้างหัวเตียง บางที…เธออาจจะพอเขียนเพลงให้พวกเขาได้ แต่ต่อให้เธอเขียนเพลงประกอบภาพยนตร์ให้มดราชินีสอง มันก็ยังไม่เพียงพอ เธออยากจะเป็นนักร้องส่วนตัวให้พวกเขา จะทำงานถวายชีวิตให้พวกเขา และตอบแทนสำหรับชีวิตพลิกผันซึ่งพวกเขาได้ช่วยเหลือเธอไว้
อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอยังพอมีประโยชน์บ้าง
…
ในขณะเดียวกันที่โรงพยาบาล สามีของไป๋ชิงอีมีท่าทีตื่นตระหนกขณะรอใครบางคนมารับเขา
เขาต้องการไปจากนังชั่วจอมปลอมโรคจิตแม้แต่ในความฝันตัวเอง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงได้ไปแต่งงานกับผู้หญิงแบบนั้น
ไป๋ชิงอีไม่เคยนอกใจหรือมีชู้ หากแต่เธอก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์เช่นกัน เหนือสิ่งอื่นใดประเด็นคือเธอทำร้ายร่างกายเขาอยู่บ่อยครั้ง แล้วมันก็น่าหวาดกลัว…