หนานกงเฉวียนส่งคนไปคอยตามผู้อาวุโสหนานกงและเสี่ยวต้านเขอ หากแต่ชายสูงวัยรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
แม้ว่าเขาจะผิดหวังเล็กน้อย เขาก็เข้าใจว่าหนานกงเฉวียนรักลูกสาวตัวเอง
ไม่นานทวดเหลนก็มาถึงประตูโรงเรียน อย่างที่เขากะเวลาไว้อย่างเหมาะเจาะ พวกเขาได้พบกับแฝดโม่ทันทีที่มาถึง
เสี่ยวต้านเขอดึงทวดตัวเองไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น “คุณทวดขา ดูสิคะ พวกเขาอยู่ตรงนั้นไง!”
โม่จื่อซีได้ยินเสียงของเสี่ยวต้านเขอ ก่อนหันมาเห็นเธอกำลังลากชายสูงวัยมาทางเขาด้วยท่าทีตื่นเต้น ในขณะที่โม่จื่อเฉินอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน
“เควิน ดูสิ ฉันพาทวดของฉันมาที่นี่ด้วยละ!” เสี่ยวต้านเขอบอกเสียงร่าเริงพลางชี้ไปทางชายแก่
โม่จื่อซีมองเขาก่อนเอ่ยอย่างสุภาพ “สวัสดีครับ คุณทวด”
ไม่แปลกที่เสี่ยวต้านเขอจะชื่นชอบสองพี่น้องขนาดนี้ ลำพังแค่หน้าตาที่คล้ายคลึงกับโม่ถิงเพียงอย่างเดียว เขาก็ดูออกว่าพวกเขาคงเป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ
“สวัสดี เจ้าตัวเล็ก!”
“คุณทวดคะ ส่งหนูที่นี่ก็ได้ค่ะ หนูจะเข้าไปในโรงเรียนกับสองพี่น้องเอง!” เสี่ยวต้านเขอบอกชายแก่ก่อนจะจับมือโม่จื่อซีอย่างเคย
“โอเค งั้นทวดจะไปแล้วนะ!”
ผู้อาวุโสหนานกงมองมือเล็กที่จับกันไว้ก่อนแสยะยิ้ม หากไม่เป็นเพราะเรื่องเมื่อหลายปีก่อน เขาอาจเล็งหนึ่งในสองพี่น้องโม่เป็นว่าที่เหลนเขยก็ได้ น่าเสียดาย…
…ที่เขายังมีแค้นต้องชำระและไม่อาจปล่อยให้เหลนสาวเข้าไปเกี่ยวข้องกับฝาแฝดมากเกินไปได้
ซ้ำเหลนสาวของเขายังสมควรได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ด้วย…
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสหนานกงไม่รู้ว่ามีสายตาแปลกๆ คู่หนึ่งกำลังคอยจับจ้องเขาอยู่ตลอดเวลา…
โม่จื่อเฉินมักรักษาระยะห่างอยู่เสมอ และไม่เคยเข้าหาเสี่ยวต้านเขอก่อน เขาพูดกับเธอเป็นครั้งคราว แต่เขาก็รู้ถึงขอบเขตดี
ดูหมือนว่าเขาจะเข้าใจว่าศัตรูหมายถึงอะไร และหลังจากได้ยินพ่อแม่ตัวเองพูดถึงในบางโอกาส เขาก็เข้าใจว่าผู้อาวุโสหนานกงคือหนึ่งในพวกเขา!
ด้วยเหตุนี้เขาถึงเมินเฉยใส่เสี่ยวต้านเขออยู่บ่อยครั้ง แต่เขาก็เป็นอย่างนั้นกับทุกคนไม่ได้ต่างกัน!
โม่จื่อเฉินจึงถามแอบน้องชาย “จื่อเฉิน นายไม่ชอบเสี่ยวต้านเขอเหรอ”
“เปล่า ฉันไม่ได้ไม่ชอบเธอ” โม่จื่อเฉินตอบเสียงเฉยชา
โม่จื่อซีรู้ว่าน้องชายตัวเองมักเป็นเช่นนี้ เขาจึงไม่ได้เก็บมันมาคิดมาก
มีเพียงโม่จื่อเฉินที่รู้ว่าตัวเองระวังตัวกับชายสูงวัยแค่ไหน…
“วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ” ซูโยวหรานโทรหาหนานกงเฉวียนทันทีที่เห็นผู้อาวุโสหนานกงกลับมาที่บ้าน “เขาได้ทำร้ายอะไรแฝดโม่หรือเปล่าคะ”
“ไม่ครับ เขาเป็นมิตรอย่างน่าแปลกใจเลยละครับ…” หนานกงเฉวียนตอบ
“อย่างนั้นก็ดีไม่ใช่เหรอคะ”
“ไม่หรอกครับ จริงๆ มันเป็นสถานการณ์ที่แปลกมากต่างหาก ผมรู้จักปู่ของผม เขาไม่มีทางไม่รู้สึกอะไรพอเห็นว่าเสี่ยวต้านเขอสนิทกับแฝดขนาดไหนได้หรอกครับ” หนานกงเฉวียนอธิบาย
“โชคดีที่มันเป็นแค่ครั้งเดียว วันนี้ปู่แค่ไปส่งเสี่ยวต้านเขอที่โรงเรียนเพราะเขาอารมณ์ดี…”
เมื่อเธอนึกถึงเรื่องที่ผู้อาวุโสหนานกงไปส่งเสี่ยวต้านเขอที่โรงเรียน หัวใจก็เต้นระรัวไปด้วยความกลัว
“เราลดการเจอกันของเสี่ยวต้านเขอกับแฝดคงเป็นการดีที่สุด”
เมื่อเสี่ยวต้านเขอกลับมาถึงบ้าน ซูโยวหรานจึงเดินเข้าไปในห้องก่อนนั่งลงข้างเธอ “ต้านเขอคะ…”
“แม่ขา มีอะไรเหรอ” เสี่ยวต้านเขอถามขณะวางดินสอในมือลง
“รับปากกับแม่ได้ไหมคะว่าต่อไปนี้จะไม่เข้าใกล้สองพี่น้องเกินไปอีก” ซูโยวหรานถามอย่างอ่อนโยน
“ว่าแต่ทำไมล่ะคะ” เสี่ยวต้านเขอถาม “ก่อนหน้านี้แม่กลัวว่าทวดจะไม่ชอบใจ แต่จริงๆ แล้วคุณทวดไม่ได้ว่าอะไรนะคะ…”
“ไฉ่เอ๋อร์ มีเล่ห์เหลี่ยมและความร้ายกาจในโลกของผู้ใหญ่อยู่เต็มไปหมด แม่อธิบายให้หนูฟังทีเดียวไม่ได้ แต่แม่ทำลงไปเพื่อตัวหนูและแฝดนะคะ ถ้าไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีกับพวกเขา ลูกควรอยู่ให้ห่างจากพวกเขานะคะ” ซูโยวหรานใช้ชื่อจริงของเสี่ยวต้านเขอเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอจริงจังเพียงไหนด้วยซ้ำ
เสี่ยวต้านเขอมีท่าทีสลดเต็มที เธอชอบสองพี่น้องมากจริงๆ แต่เธอก็ไม่ได้ต้องการให้พวกเขาต้องเดือดร้อน
“แม่ไม่ได้โกหกเสี่ยวต้านเขอใช่ไหมคะ”
“เกี่ยวก้อยสัญญาเลยค่ะ” ซูโยวหรานรับปาก
แม้ว่าเสี่ยวต้านเขอจะเศร้าใจเหลือเกิน เธอก็ยังตกลงรับคำของซูโยวหราน ถึงเธอชอบฝาแฝดแต่ก็ไม่อยากให้พวกเขาตกอยู่ในอันตราย
วันต่อมาจึงเป็นอีกครั้งที่เสี่ยวต้านเขอเมินใส่สองพี่น้อง และตอบแทนความเป็นกันเองของโม่จื่อซีราวกับมันไม่มีอยู่จริง
โม่จื่อซีมองเสี่ยวต้านเขออย่างหงุดหงิดก่อนถามโม่จื่อเฉิน “ฉันไปทำอะไรให้เสี่ยวต้านเขอโกรธอีกแล้วเหรอ”
โม่จื่อเฉินส่ายหน้า…
ทว่ามันไม่ได้เป็นแค่วันเดียว เสี่ยวต้านเขอยังทำทีเย็นชาอยู่ทั้งสัปดาห์และมันก็ทำให้เธอทรมานใจ ยิ่งทำให้ซูโยวหรานเครียดและจนปัญญา
ผู้อาวุโสหนานกงรู้ถึงสถานการณ์นี้เช่นกัน ในระหว่างที่ซูโยวหรานไม่อยู่ เขาจึงเข้าไปในห้องของเสี่ยวต้านเขอก่อนถาม “ไฉ่เอ๋อร์ บอกทวดได้ไหมว่าทำไมหนูถึงไม่มีความสุขเลยละ”
“คุณทวด…” เสี่ยวต้านเขอกระโจนเข้าในอ้อมแขนของชายแก่
“บอกทวดมาซิ ทวดจะช่วยหนูแก้ปัญหาเอง”
“แม่บอกไม่ให้หนูบอกใครค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก ทวดไม่บอกแม่หรอกน่า เราเกี่ยวก้อยสัญญากันก็ได้…” ผู้อาวุโสหนานกงได้เรียนรู้ที่จะสื่อสารกับเด็ก ถึงได้ใช้วิธีแบบเด็กๆ กับเสี่ยวต้านเขอ
เสี่ยวต้านเขอคอดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า ถึงอย่างไรครั้งที่แล้วชายสูงวัยก็ไม่ได้ผิดสัญญากับเธอ
“แม่บอกว่าหนูเล่นกับฝาแฝดไม่ได้เพราะจะทำให้พวกเขาเป็นอันตรายค่ะ”
“บ้าเอ๊ย…ไฉ่เอ๋อร์ ทวดไม่ได้ไม่ยอมให้หนูเล่นกับพวกเขาสักหน่อย” ผู้อาวุโสหนานกงว่าอย่างเอ็นดู “หนูเป็นเพื่อนกับพวกเขาได้นะ ทวดไม่ได้โกรธแล้วพวกเขาก็จะไม่เป็นอันตรายด้วย ทำไมแม่ถึงบอกหนูอย่างนั้นละ”
“หนูไม่รู้ค่ะ” เสี่ยวต้านเขอส่ายหน้า
“ต้องเป็นเพราะว่าแม่ของหนูไม่ใช่แม่จริงๆ แน่ๆ มีแค่แม่จริงๆ เท่านั้นที่อยากให้ลูกตัวเองมีความสุข เข้าใจไหม ไฉ่เอ๋อร์”
เสี่ยวต้านเขอไม่ได้เข้าใจเสียทีเดียว หากแต่เธอจำคำของชายแก่ไว้
ซูโยวหรานนึกไม่ถึงว่าความไม่สนิทใจของเสี่ยวต้านเขอจะเริ่มก่อตัวมาตั้งแต่นั้น
ชายแก่ช่างเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหลือเกิน
ผู้อาวุโสหนานกงหมายจะใช้เสี่ยวต้านเขอเป็นเครื่องมือ หากเธอยังไว้ใจซูโยวหรานต่อไป แผนของเขาคงไม่มีทางสำเร็จ…
ดังนั้นนับตั้งแต่นี้เขาจะค่อยๆ เป่าหูเสี่ยวต้านเขอว่าเธอมีแม่เลี้ยงที่ร้ายกาจ…