โม่จื่อซีเห็นที่โม่จื่อเฉินพูดกับเสี่ยวต้านเขอ เขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “จื่อเฉิน…นายไม่ชอบเสี่ยวต้านเขอเหรอ”
นี่เป็นครั้งที่สองที่โม่จื่อซีถามคำถามนี้ ในครั้งแรกโม่จื่อเฉินบอกเขาว่าเจ้าตัวไม่ได้ไม่ชอบเธอ
แต่ครั้งนี้เขาถูกจับได้คาตา เขาจะยังปฏิเสธอีกหรือ
สุดท้ายโม่จื่อเฉินจึงพยักหน้ารับ “เธอน่ารำคาญนิดหน่อยน่ะ…”
แม้โม่จื่อซีจะมีท่าทีผิดหวังเล็กน้อยเขาก็ตัดสินใจเข้าข้างน้องชายตัวเองจึงบอกกลับ “โอเค ถ้านายไม่ชอบเธอฉันก็ไม่ชอบเธอเหมือนกัน…”
โม่จื่อเฉินมองหน้าโม่จื่อซี ลูบศีรษะพี่ชายตัวเองเป็นคำตอบถึงเขาจะเป็นน้องชายก็ตาม…
เขารู้สึกโล่งใจ
…
หลังจากกลับถึงบ้าน เสี่ยวต้านเขอปล่อยโฮออกมา หากแต่เธอไม่สนิทสนมกับซูโยวหรานและหนานกงเฉวียนอีกแล้ว มีเพียงทวดของเธอที่ใกล้ชิดด้วยเท่านั้น
ซูโยวหรานมองดวงตาบวมที่แดงก่ำของเสี่ยวต้านเขอ แต่แม้เธอจะเป็นห่วงก็รู้ว่าเสี่ยวต้านเขอคงทำเพียงเมินเฉยใส่ตัวเอง
ไม่ต้องพูดอะไรก็รู้ว่าชายสูงวัยทำเกินไปเสียแล้ว
ครอบครัวเล็กๆ ขนาดสี่คนแตกคอกันเป็นสองฝ่ายก็เพราะเขา น่าเสียดายที่เสี่ยวต้านเขอยังเล็กและซูโยวหรานไม่อาจทำให้เธอเข้าเรื่องของผู้ใหญ่ได้ ต่อให้ทำเช่นนั้นเสี่ยวต้านเขอก็คงจะไม่เชื่อ อย่างไรเสียคุณทวดของเธอก็เอ็นดูเธอสุดๆ และคอยตามใจเธอทุกอย่าง
ตอนนั้นเองอยู่ๆ เธอก็พลันนึกถึงถังหนิงขึ้นมา
แม้ไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่จะไปนึกถึงถังหนิง เธอก็ไม่ต้องการตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างนี้อีกต่อไป เธอต้องหาทางเอาชนะใจเสี่ยวต้านเขอกลับมาให้ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีประโยชน์อะไรจะมาพูดเรื่องนี้ทีหลัง
เธอจึงบอกกับหนานกงเฉวียนว่าเธอต้องการเจอถังหนิง หนานกงเฉวียนอยากจะคัดค้านแต่ในจังหวะที่คำพูดจะหลุดออกมาจากปากเขาก็กลืนมันกลับลงไป
“เอาสิครับ…ผมจะให้คนไปส่งคุณที่นั่นเอง”
ความสัมพันธ์ของเขากับลูกสาวกำลังย่ำแย่ และภรรยาของเขาก็ตกที่นั่งลำบาก เขาคาดไม่ถึงว่าภรรยาตัวเองจะใส่ใจเรื่องของเสี่ยวต้านเขอขนาดนี้ เขาจึงปล่อยให้ลูกสาวตัวเองถูกตามใจต่อไปไม่ได้
เขาถึงยอมให้ซูโยวหรานพบกับถังหนิง เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปลอบใจคนอย่างแท้จริง
มีบางเรื่องที่ผู้หญิงไม่อาจคุยต่อหน้าผู้ชายได้ แต่กับผู้หญิงคนอื่นพวกเธอมีเรื่องให้ต้องระบายไม่สิ้นสุด และซูโยวหรานคงมีบางอย่างต้องระบาย
ไม่นานหลังจากนั้นหนานกงเฉวียนโทรหาผู้ช่วย “ไปรับไฉ่เอ๋อร์จากโรงเรียนเดี๋ยวนี้เลย”
“แต่ว่าเธอยังเรียนอยู่นะครับ…”
“ลาหยุดซะ” หนานกงเฉวียนเอ่ย หากเขาไม่ลงมือโดยเร็ว สุดท้ายผู้อาวุโสหนานกงคงพาตัวเธอไปอีกแน่
“รับทราบครับ ท่านประธาน” ผู้ช่วยขานรับคำสั่งทันที
…
ความจริงแล้วถังหนิงนึกไม่ถึงว่าซูโยวหรานจะได้พบตัวเองอีก แม้จะอยู่ในฐานะที่ทำเมินเฉยใส่ซูโยวหรานหากต้องการได้ อีกฝ่ายก็มาอยู่หน้าประตูบ้านแล้วจึงไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธเธอ
ซูโยวหรานดูเคร่งเครียดเมื่อเหยียบเข้ามาในไฮแอทรีเจนซีอีกครั้ง อย่างไรเสียตอนนี้เธอก็เป็นภรรยาของหนานกงเฉวียน และกำลังมาพบกับภรรยาของคู่อริ มันดูเหมือนเป็นเรื่องผิดไปสักหน่อย หากแต่นอกจากถังหนิงเธอก็ไม่รู้ว่าใครจะช่วยเธอได้อีก
“ทำตัวอย่างที่เคยเถอะ เธอไม่ต้องประหม่าขนาดนี้ก็ได้” ถังหนิงเอ่ย “โยวหราน เธอกำลังมีเรื่องลำบากใจใช่ไหม”
“พี่หนิงคะ มีบางอย่างที่ฉันต้องการให้คุณช่วยค่ะ” ซูโยวหรานบอกหลังรวบรวมความกล้า “ไฉ่เอ๋อร์ไม่เชื่อฟังฉันหรือพ่อของเธออีกแล้ว เราทั้งคู่เลยกังวลมากเลยละค่ะ”
“ตาเฒ่านั่นคงไม่เห็นด้วยกับพวกเธอเพราะเสี่ยวต้านเขอสนิทสนมกับเจ้าสองแสบของฉันน่ะสิ” ถังหนิงตอบ “เธอมาหาฉันก็ไม่แปลกอะไรหรอก”
“ตอนนี้ฉันไม่รู้จะทำยังไงเลยค่ะ”
“ยังไม่รู้ว่าตาเฒ่านั่นคิดทำอะไรอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะไม่ระแวงเขาหรอก” ถังหนิงหัวเราะออกมาเบาๆ “ฉันแค่กลัวว่าผู้อาวุโสหนานกงจะใช้ไฉ่เอ๋อร์เป็นหมากในระยะยาวและเก็บเธอไว้ข้างตัวน่ะสิ เจ้าสองแสบของฉันย้ายโรงเรียนได้อยู่แล้ว ว่าแต่เธอล่ะ”
“ฉันถึงได้มาหาคุณที่นี่ไงคะ…” ซูโยวหรานสบตาถังหนิงอย่างไม่ปิดบัง “คุณสอนให้ฉันเอาชนะใจไฉ่
เอ๋อร์กลับมาได้ไหมคะ”
ถังหนิงครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนระบายยิ้ม “ว่ากันตามทฤษฎี เสี่ยวต้านเขอเป็นเด็กผู้หญิง เธอก็น่าจะเข้าใจว่าเด็กผู้หญิงคิดยังไง ผู้อาวุโสหนานกงอาจจะมีลูกเล่นเยอะ แต่เขาคงไม่มีทางเข้าใจจิตใจของเด็กผู้หญิงหรอก
“มีทางเดียวที่จะเกลี้ยกล่อมเด็กได้ เธอต้องเขาใจว่าพวกเข้าชอบอะไร…
“การเก็บความลับของเสี่ยวต้านเขอไว้และช่วยเธอปิดบังถึงจะทำให้อยู่ฝ่ายเดียวกันได้ นั่นเป็นวิธีที่ผู้อาวุโสหนานกงกำลังใช้อยู่ ดูจากท่าทีที่เสี่ยวต้านเขอทำกับเธอ เขาต้องเป่าหูความคิดแย่ๆ เกี่ยวกับพวกเธอสองคนกับเสี่ยวต้านเขอแน่
“แต่แน่นอนว่าปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือหนานกงเฉวียน!” ถังหนิงใช้เวลาทั้งบ่ายบอกซูโยวหรานถึงประสบการณ์ของเธอกับเด็กๆ และเล่ามุมมองการใช้ชีวิตของตัวเอง
แน่นอนว่าถังหนิงไม่เคยคิดว่าเธอจะลงเอยด้วยการเป็นที่ปรึกษาในการเลี้ยงลูก
ด้วยเหตุนี้ถังหนิงดูออกว่าตระกูลหนานกงกำลังระส่ำระสายเต็มที ตราบใดที่ผู้อาวุโสหนานกงยังอยู่ เธอไม่อาจสบายใจและปล่อยให้สองพี่น้องอยู่โรงเรียนเดียวกับเสี่ยวต้านเขอต่อไปได้
ในเมื่อโชคชะตาไม่เข้าข้างพวกเขา พวกเขาก็ไม่สามารถก้าวล่วงเข้าไปในเขตอันตรายต่อไปได้
หากชายสูงวัยตัดสินใจใช้เสี่ยวต้านเขอเป็นเครื่องมือทำร้ายฝาแฝดจริง มันคงสายเกินจะมานั่งเสียใจ
ถังหนิงจึงเรียกโม่จื่อเฉินมา อุ้มเขาไว้ระหว่างขาก่อนถาม “ถ้าแม่ย้ายโรงเรียนให้ลูก ลูกจะคิดยังไงคะ”
โม่จื่อเฉินไม่ได้มีความเห็นมากนักแต่โม่จื่อซีนั้นไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ส่วนโม่ถิงเขาขอแค่ให้ฝาแฝดเรียบจบเทอมแรกก่อน
หากเขารู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น เขาคงไม่ปล่อยให้พวกเขาได้เจอกับตั้งแต่แรก…
ในขณะเดียวกัน หลังจากหนานกงเฉวียนรับไฉ๋เอ๋อร์มาจากโรงเรียน เขาปล่อยให้เธออยู่ในห้องทำงานเพื่อให้เธอทำการบ้านได้
หากเป็นเมื่อก่อน เสี่ยวต้านเขอคงนั่งบนตักเชาด้วยท่าทีน่ารักระคนซุกซน ทว่าเสี่ยวต้านเขอไม่สนิทสนมกับพ่อตัวเองอีกแล้ว
ถึงอย่างไรผู้อาวุโสหนานกงก็บอกเธอว่าพ่อกับแม่คนใหม่ของเธอกำลังวางแผนจะมีน้องชายอีกคน และเมื่อเวลานั้นมาถึงพวกเขาก็จะไม่รักเธออีกต่อไป หากแต่คุณทวดของเธอจะรักเธอต่อไป
เมื่อรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ หนานกงเฉวียนวางเอกสารในมือลงและกวักมือเรียกเสี่ยวต้านเขอ “เสี่ยวต้านเขอ มานี่หน่อยครับ”
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนวิ่งเข้าหาอ้อมแขนของพ่อและนั่งลงบนตักของเขา
“บอกพ่อได้ไหมครับว่าทำไมพักนี้ถึงได้ทำตัวห่างเหินกับพ่อขนาดนี้ครับ”
“ทวดบอกหนูว่าพ่อกับแม่กำลังจะมีน้องชายและก็จะไม่สนใจหนูอีกแล้วค่ะ…”
“แค่เพราะทวดบอกลูกก็เลยเชื่อเหรอครับ เสี่ยวต้านเขอ หนูอยู่กับพ่อมาห้าปีแล้วนะ พ่อเคยทำไม่ดีกับหนูเหรอ พ่อดีกับหนูขนาดนี้แต่หนูก็ยังเชื่อใจแต่คุณทวด จะไม่ให้พ่อปวดใจได้ยังไงครับ”