“หนูขอโทษค่ะ…พ่อ” เสี่ยวต้านเขอก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
“พ่อไม่อยากได้คำขอโทษครับ พ่อต้องการให้หนูบอกพ่อว่าทำไมถึงได้ไว้ใจทวดมากขนาดนี้”
“พ่อขา หนูหิวแล้วค่ะ…” เสี่ยวต้านเขอเปลี่ยนเรื่องทันที
แต่มันไม่ได้ผลกับหนานกงเฉวียน เขาบอกกับเธอแทน “ไฉ่เอ๋อร์ พ่อจะพูดกับหนูตรงๆ นะครับ ถ้าหนูยังอยากอยู่กับทวด หมายความว่าหนูไม่ต้องการพ่ออีกแล้ว เด็กคนอื่นไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เพราะพวกเขามีทวดที่น่ารัก แต่ทวดของลูกไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะครับ”
“พ่อคะ…คุณทวดออกจะดีนะคะ…” เสี่ยวต้านเขอพูดปกป้องทวดตัวเองทันที
“ก็ได้ ถ้าลูกเลือกคุณทวดก็ไปอยู่กับทวดก็ได้ พ่อจะไม่อยู่กับไฉ่เอ๋อร์อีก เพื่อปกป้องลูกมีบางอย่างที่พ่อบอกหนูไม่ได้ และเพื่อตัวลูกเองก็มีบางอย่างทีพ่อปล่อยให้หนูทำไม่ได้เหมือนกัน แต่ถ้าหนูคิดว่าคุณทวดดูแลหนูดีกว่าก็ไปกับทวดครับ”
ทันทีที่เสี่ยวต้านเขอได้ยินเช่นนี้ ดวงตาเธอเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ “พ่อคะ…พ่อไม่ต้องการเสี่ยวต้านเขอแล้วเหรอคะ”
“เสี่ยวต้านเขอต่างหากที่ไม่ต้องการพ่ออีกแล้ว รู้ไหมครับว่าแม่เป็นห่วงหนูทุกวันเลย แต่หนูไม่เห็นความหวังดีของแม่แล้วยังคิดกับแม่อย่างนี้ ไฉ่เอ๋อร์หนูแยกแยะถูกผิดได้ตั้งแต่ยังเล็กแต่ไม่ใช่ครั้งนี้ครับ หนูทำให้พ่อผิดหวังมากนะครับ…”
หนานกงเฉวียนค่อยๆ บอกกับเสี่ยวต้านเขอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเข้าใจ
“พ่อไม่โทษที่หนูเลือกคุณทวดหรอกนะครับ แต่พ่อคงจะใจสลายไปอีกนานที่รู้ว่าลูกตัวเองไม่เชื่อใจพ่อ”
“พ่อขา หนูไม่อยากจากพ่อไปค่ะ หนูไม่เอาอย่างนั้น”
“แต่ว่าลูกไม่ไว้ใจพ่อนี่ครับ หนูไม่เชื่อความคิดของพ่ออีกแล้ว”
เสี่ยวต้านเขอเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่หนานกงเฉวียนไม่ได้กดดันเธอ หลังจากเธอหยุดร้องไห้เขาถึงค่อยๆ ตะล่อมให้เธอเล่าทุกอย่างให้ฟังรวมถึงสิ่งที่ชายแก่เป่าหูเธอด้วย
ซ้ำยังมีเรื่องที่เขาบอกว่าแม่เลี้ยงนั้นต่างจากแม่จริงๆ
เมื่อได้ยินจากปากเสี่ยวต้านเขอ หนานกงเฉวียนไม่ได้พูดอะไร หากแต่…ในใจเขากลับสั่นไหวไปหมด
หลังคุยกันเสี่ยวต้านเขอผล็อยหลับบนตักของหนานกงเฉวียนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเขาทำงานเสร็จและอุ้มเธอกลับบ้าน แต่เมื่อเขาก้าวเข้ามาในบ้านก็พบผู้อาวุโสหนานกงกำลังรอพวกเขาอยู่
ทันที่ที่ผู้อาวุโสหนานกงเห็นหนานกงเฉวียนอุ้มเสี่ยวต้านเขอเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็ว่าขึ้น “ให้ฉันอุ้มเธอเอง…”
“ผมดูแลลูกสาวตัวเองได้ครับ…” หนานกงเฉวียนบอกปัด
“แต่ว่าไฉ่เอ๋อร์ชอบอยู่กับฉัน”
“นั่นมันเมื่อวานครับ!” หนานกงเฉวียนเอ่ยเสียงเย็นชา “ปู่ครับ เรื่องมาถึงป่านนี้แล้ว ผมขอพูดกับปู่ให้ชัดเจนเลยนะครับ เลิกพยายามทำให้ไฉ่เอ๋อร์กับผมแตกคอกันสักที เธอเป็นลูกสาวของผมนะครับ แล้วก็เลิกเป่าหูไฉ่เอ๋อร์เพื่อใช้เธอเป็นหมากตัวหนึ่งด้วยครับ ผมไม่ยอมเด็ดขาดเว้นเสียแต่ผมจะตายเท่านั้นแหละ!”
“น่าสนใจดีนี่…” ชายแก่หัวเราะ
หนานกงเฉวียนเมินเขาขณะอุ้มเสี่ยวต้านเขอกลับไปที่ห้องของเธอก่อนวางเธอลงบนเตียง
แต่เสี่ยวต้านเขอพลันลุกขึ้นมาและกอดพ่อของตัวเองไว้ “พ่อขา หนูตื่นตั้งแต่ที่เราอยู่ระหว่างทางแล้วค่ะ หนูได้ยินที่พ่อพูดกับทวดนะคะ
“ถึงหนูจะไม่เข้าใจว่าหมากคืออะไร แต่ก็รู้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดี
“พ่อขา หนูขอโทษนะคะ…”
“ต่อไปนี้ลูกอยู่ให้ห่างจากทวดนะครับ โอเคไหม”
“โอเคค่ะ”
“ตอนนี้ก็เข้านอนนะครับ” หนานกงเฉวียนกล่อมลูกสาวเข้านอนก่อนออกไปหลังจากเธอหลับไปแล้ว
ในขณะที่ผู้อาวุโสหนานกงยังคงนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นท่ามกลางบรรยากาศเย็นยะเยือกและโดดเดี่ยว
คนที่น่าสมเพชย่อมมีสิ่งที่คนอื่นไม่ชอบใจอยู่แล้ว
เมื่อคนนึกถึงสิ่งที่เขาทำและคำที่เขาพูด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะคิดเห็นอกเห็นใจเขา
“ปู่ครับ ผมจะบอกให้รู้ไว้ชัดๆ ตรงนี้ว่าผมจะไม่แก้แค้นเพราะไม่เคยรู้สึกว่าตระกูลโม่ทำอะไรผิดสักนิด! แล้วผมก็ขอเตือนปู่ไว้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทนกับการกระทำของปู่ ถ้ายังทำร้ายครอบครัวของผมต่อไป อย่ามาโทษว่าผมเนรคุณแล้วกันครับ”
“แล้วฉันไม่ใช่ครอบครัวของแกหรือยังไง”
“ใช่ครับ ปู่เป็นครอบครัวของผม ในเมื่อปู่เป็นครอบครัวของผมทำไมถึงทำร้ายภรรยาและลูกสาวของผมล่ะครับ” หนานกงเฉวียนถามกลับเสียงแข็ง “ถ้าปู่อยากจะล้างแค้นก็ทำไปคนเดียวสิ ถ้าปู่ตามหาตัวประกัน ข้างนอกมีคนลวงโลกอยู่เต็มไปหมด อย่ามาแตะต้องภรรยากับลูกสาวของผม
“ปู่ไม่ปล่อยแม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ไป ที่แย่ที่สุดคือเธอเป็นเหลนของปู่เอง!”
ผู้อาวุโสหนานกงไม่ตอบ อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองได้รับความเคารพใดๆ หลังจากกลับเข้าตระกูลอยู่แล้ว
แม้แต่ในบ้านของตัวเอง หนานกงเฉวียนยังคอยระวังเขาอยู่บ่อยครั้ง
ในเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันไม่ได้ มีประโยชน์อะไรต้องฝืนทนกันล่ะ
“ต่อไปนี้เราเป็นแค่หุ้นส่วนทางธุรกิจกัน อย่ามายุ่งว่าฉันควรทำอะไรอีก” ว่าจบผู้อาวุโสหนานกงก็หันหลังออกจากบ้านไป
แม้ว่าหนานกงเฉวียนจะปวดใจแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
ซูโยวหรานได้ยินชายทั้งสองคนมีปากเสียงกันมาแต่ไกล เพื่อไม่ให้ลำบากใจเธอจงใจรออยู่หลังประตูจนกระทั่งผู้อาวุโสหนานกงออกไป ก่อนเดินเข้าไปในบ้านและเอ่ยกับสามี “อย่าโกรธเลยนะคะ”
หนานกงเฉวียนดึงภรรยาเข้ามาในอ้อมแขนและกล่าวขอโทษด้วยเสียงเหนื่อยอ่อน “ผมขอโทษที่การแต่งงานกับผมทำให้คุณต้องลำบากขนาดนี้”
“ไม่ต้องห่วงนะคะ เพื่อเลี่ยงปัญหาพี่หนิงตัดสินใจให้ฝาแฝดย้ายโรงเรียนเทอมหน้าแล้วละค่ะ แค่พวกเขาไม่ได้เจอเสี่ยวต้านเขอ ปู่ก็คงจะใช้ประโยชน์จากเธอไม่ได้อีก” ซูโยวหรานกล่าวปลอบ
“อีกอย่างฉันเองต้องเป็นคนขอโทษที่ช่วยอะไรไม่ได้และไม่ดูแลเสี่ยวต้านเขอให้ดี”
“หน้าที่ของคุณคือดูแลหัวใจของผม และหน้าที่ของผมก็คือการปกป้องคุณกับเสี่ยวต้านเขอครับ”
ซูโยวหรานกระชับกอดหนานกงเฉวียนเมื่อได้ยินดังนั้น
อย่างไรก็ตามเธอเป็นกังวลว่าชายแก่จะลงมือรุนแรงอะไรอีกหลังจากทะเลาะกันวันนี้ หากแต่โม่ถิงกับถังหนิงไม่กลัวอยู่แล้ว…
เดิมทีผู้อาวุโสหนานกงวางแผนจะใช้เสี่ยวต้านเขอทำร้ายฝาแฝด แต่ตอนนี้แผนของเขาพังไปแล้ว เขาจะเหลืออะไรอีกล่ะ เขาทำได้เพียงกลับไปร่วมมือกับบริษัทภาพยนตร์สัญชาติอเมริกา
ในขณะเดียวกันเสี่ยวต้านเขอห่างจากสองพี่น้องไปทุกทีจนไม่มีทางได้เจอกันอีกต่อไป
เสี่ยวต้านเขอใจสลายแต่เธอยังมีพ่อกับแม่อยู่ข้างกาย จึงไม่ได้เสียทุกอย่างไปเสียทั้งหมด
มิตรภาพวัยเด็กแสนงดงามต้องมาถึงจุดจบทั้งอย่างนั้น…
จริงๆ แล้วผู้อาวุโสหนานกงไม่ได้คิดปล่อยฝาแฝดไปแต่เขาไม่ได้รีบร้อนอีกแล้ว แทนที่จะเครียดเรื่องนั้น สู้เขาหาทางก่อเรื่องเดือดร้อนก่อนมดราชินีสองจะออกฉายยังดีเสียกว่า
หากความพยายามครั้งสุดท้ายนี้ล้มเหลวอีก ชายแก่คงไม่มีเรี่ยวแรงเหลือไปสู้ต่อ ดังนั้นในครั้งนี้เขาจึงหมายมั่นที่จะทำให้โม่ถิงทุกข์ทรมาน!