ซูโยวหรานทรุดลงหน้าห้องฉุกเฉินและร้องไห้ออกมาอย่างสิ้นหวัง เพื่อให้สมจริงมากที่สุด เธอไม่ได้ตามดูว่าหนานกงเฉวียนถูกส่งตัวออกไปสำเร็จหรือไม่ด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ต้องการทำตัวมีพิรุธ
บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องที่หนานกงเฉวียนเข้าผ่าตัดครั้งสำคัญ ในที่สุดผู้อาวุโสหนานกงจึงได้มาปรากฏตัวที่โรงพยาบาล ทว่าเมื่อซูโยวหรานเห็นเขา เธอคว้าคอเสื้อเขามาเขย่าตัวอีกฝ่ายอย่างเกรี้ยวกราด “คุณพอใจแล้วใช่ไหมคะ ชีวิตสามีของฉันกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย นี่เป็นสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม
“นี่คือสิ่งที่คุณเรียกว่าการแก้แค้นเหรอ ถ้าคุณไม่ใช่ปู่ของเขา ฉันคงจะทำร้ายคุณจนตายซะเดี๋ยวนี้!”
ไม่นานพยาบาลรีบพุ่งเข้ามาดึงตัวซูโยวหรานออกไป
ผู้อาวุโสหนานกงรู้สึกวูบไหวในใจขึ้นมาบ้าง เขานึกไม่ถึงว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบนี้ อย่างไรก็ตามนักฆ่าก็ได้เตือนเขาว่ามีความเสี่ยงและอาจจะเลวร้ายถึงขั้นเสียชีวิตได้
แต่เขาก็ยังเลือกใช้ยาโดยไม่ลังเล
มันเห็นได้ชัดว่าเขากลายเป็นคนเหี้ยมโหดเพราะความกระหายที่จะล้างแค้นได้เพียงไหน!
ความเหี้ยมโหดนี้เป็นต้นเหตุของสิ่งที่เขาเผชิญอยู่ในตอนนี้ หนานกงเฉวียนกำลังอาการทรุดลงอยู่ในห้องฉุกเฉิน
เขาบอกตัวเองมาตลอดว่าคนเราต้องเสียสละเพื่อไปให้ถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ และเขาเชื่อว่าเหตุผลที่เขายังยืนอยู่ตรงนี้ เป็นเพราะว่าเขาไม่เคยเป็นคนที่เสียสละแม้แต่น้อย
“คุณมันเลวยิ่งกว่าสัตว์ซะอีก! ฉันขอให้คุณกลับไปอยู่ในคุกแล้วตายข้างในนั้นไปซะ!”
เสียงปรามาสของซูโยวหรานดังก้องเข้าไปในหูของผู้อาวุโสหนานกง หากแต่เขากลับไม่ได้รับรู้สิ่งใด…
…
ในขณะเดียวกันทันทีที่หนานกงเฉวียนถูกส่งตัวเข้ามาในห้องฉุกเฉินเขาก็ถูกย้ายออกไปทันที หมอของเขาตัดสินใจแล้วว่านั่นเป็นทางที่ง่ายที่สุดที่จะเลี่ยงไม่ให้ใครสงสัย
หลังมาถึงโรงพยาบาลทหาร หนานกงเฉวียนถูกพาเข้าไปในห้องผ่าตัดทันที
ขณะที่ลู่กวงหลีกับถังอี้เฉินมาถึงห้องผ่าตัด พวกเขาตรวจดูบันทึกการรักษาของหนานกงเฉวียนและเตรียมยาสลบบางตัวไว้
“ฉันผ่าตัดคนเดียวได้ เธอไม่ต้องช่วยฉันหรอก” ลู่กวงหลีเอ่ย “เธอทำงานมาทั้งคืนแล้ว กลับไปพักสักหน่อยเถอะ”
“โอเค แต่คุณต้องรับปากว่าการผ่าตัดครั้งนี้จะสำเร็จนะ” ถังอี้เฉินบอก
“ไปเถอะน่า” เขาตอบเสียงเรียบขณะเดินตรงเข้าไปในห้องผ่าตัด
แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะไม่พอใจที่ถังอี้เฉินเอาแต่ช่วยถังหนิงตลอดเวลา ตอนนี้เขาก็เริ่มเคยชินและเตรียมพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลถังแล้ว
ซ้ำชีวิตคนเราก็ไม่แน่นอน ต่อให้หนานกงเฉวียนนอนไร้สติต่อไปอย่างนี้โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน สุดท้ายเขาก็คงฟื้นขึ้นมาด้วยสมองที่ใช้การไม่ได้
ถังอี้เฉินมั่นใจว่าลู่กวงหลีคงไม่มีปัญหา เธอจึงเบาใจและกลับไปที่ห้องรอเรียกเพื่อพักผ่อนสักหน่อย แต่ไม่นานกลังจากเธอเอนหลังนอน ถังหนิงก็มาถึงโรงพยาบาลเพื่อถามไถ่อาการของหนานกงเฉวียน
“เธอนี่ช่างเลือกเวลาโผล่มาได้เหมาะเจาะจริงๆ …ฉันกำลังจะพักสักหน่อยเชียว”
“งั้นก็นอนต่อไปเถอะ ฉันจะไปรอด้านนอก”
“เธอไม่กลัวว่าพวกสื่อจะโผล่มาเหรอ” ถังอี้เฉินพาถังหนิงเข้ามาในห้องรอเรียก “ไม่ต้องห่วงหรอก การผ่าตัดอย่างนี้เป็นของกล้วยๆ สำหรับลู่กวงหลี เธอเครียดเกินไปแล้ว”
“ฉันเชื่อมั่นฝีมือของหมอลู่อยู่แล้วละ ฉันแค่กลัวเรื่องภายนอกน่ะ” ถังหนิงอธิบาย “ถึงยังไงก็มีปู่ที่โหดร้ายจนน่าตกใจคอยสอดส่องอยู่…”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ถังหนิงพูด ถังเซวียนก็ลอยเข้ามาในหัวของถังอี้เฉิน
ถังเซวียนเองก็เป็นคนที่เลือดเย็นพอที่จะหมายเอาชีวิตคนในครอบครัวตัวเอง “ฉันเริ่มชินกับการเห็นเรื่องอย่างนี้ในโรงพยาบาลแล้วละ”
ถังหนิงไม่ได้ตอบขณะที่ยังอยู่ในห้องกับถังอี้เฉินต่อไป สองชั่วโมงให้หลัง ในที่สุดถังอี้เฉินก็ได้รับสายจากลู่กวงหลี บอกเธอว่าผ่าตัดเสร็จแล้ว “เขาจะฟื้นขึ้นมาในอีกสองชั่วโมง เธอส่งตัวเขากลับไปได้แต่ต้องระวังให้มากด้วย”
“ขอบคุณนะคะ…”
“เธอก็รู้ว่าจะต้องตอบแทนฉันคืนนี้ยังไงนี่” ลู่กวงหลีวางสายไปหลังว่าจบ
ถังอี้เฉินหน้าขึ้นสีระเรื่อขณะหันไปบอกกับถังหนิง “ตอนนี้เธอย้ายตัวเขากลับไปได้แล้วละ”
“ขอบคุณนะคะ พี่ ฉันมารบกวนพี่เรื่องความเป็นความตายตลอดเลย”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่า ดาราดังอย่างเธอมาขอบคุณก็คุ้มค่าแล้วละ อีกอย่างถ้าเธอไม่ขอให้ฉันช่วยจะไปขอให้ใครช่วยล่ะ” ถังอี้เฉินขยิบตาให้ “รีบย้ายตัวเขาออกไปจากที่นี่เถอะ ฉันยังต้องพักสักหน่อย เพราะคืนนี้ฉันคงไม่ได้นอนอีก…”
ถังหนิงไม่เซ้าซี้ต่อในขณะที่รีบส่งตัวหนานกงเฉวียนกลับไปที่โรงพยาบาลเดิม
ผู้อาวุโสหนานกงไม่รู้แม้แต่น้อยว่าถังหนิงกับซูโยวหรานร่วมมือกันอย่างนี้
เมื่อพวกเขากลับมาถึงโรงพยาบาล หนานกงเฉวียนถูกย้ายตัวกลับมาสำเร็จใต้จมูกผู้อาวุโสหนานกง ทว่าเขากลับไม่สังเกตเห็นแต่อย่างใด! ซูโยวหรานได้รับข้อความสั้นๆ จากถังหนิงในเวลาต่อมา “การผ่าตัดสำเร็จ เขาจะฟื้นขึ้นมาในสองชั่วโมง ระวังตัวด้วยนะ”
ตอนนั้นเองที่ซูโยวหรานรู้สึกได้ปลดปล่อยความทุกข์ที่แบกไว้บนบ่า
ไม่นานหลังจากนั้น ไฟป้ายห้องฉุกเฉินดับลงพร้อมกับหมอของหนานกงเฉวียนที่เดินออกมา “เราพยายามช่วยยื้อชีวิตเขาไว้ได้ แต่โอกาสที่จะฟื้นขึ้นมายังริบหรี่ครับ”
หลังซูโยวหรานได้ยินเช่นนี้ เธอค้อนมองผู้อาวุโสหนานกงด้วยสายตาเกลียดชังอีกครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับทำเพียงออกไปจากโรงพยาบาลหลังรู้ว่าหลานชายตัวเองยังไม่ตาย
หมอเอ่ยถามซูโยวหรานหลังจากนั้น “คุณส่งตัวเขาไปที่โรงพยาบาลไหนเหรอครับ หมอคนไหนที่มีฝีมือน่าทึ่งขนาดนี้กัน”
“ลู่กวงหลี คุณรู้จักเขาไหมคะ” ซูโยวหรานตอบ
“โอ้…” หมอถึงกับอึ้งไปพลางยกนิ้วชื่นชมให้ซูโยวหราน “เป็นเข้าขั้นอัจฉริยะเลยละ ยากมากที่จะให้เขาผ่าตัดให้ใครสักคนนะครับ น่าทึ่งมากที่คุณทำให้เขาช่วยคุณได้”
เธอไม่ใช่คนที่น่าทึ่ง ทั้งหมดเป็นเพราะถังหนิงต่างหาก
“คุณหมอคะ สามีของฉัน…”
“อย่างที่หมอลู่บอกไว้ละครับ สามีของคุณจะฟื้นภายในสองชั่วโมงนี้ รอก่อนนะครับ”
พอได้ยินเช่นนั้น ซูโยวหรานก็เบาใจได้ในที่สุด
“เพื่อความปลอดภัยของคุณ ผมจะหาห้องใหม่ให้สามีของคุณแล้วกันครับ มันจะไม่มีกล้องวงจรปิดและไม่มีใครแอบฟังได้”
“ขอบคุณค่ะ คุณหมอ”
“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณผมหรอกครับ”
หลังพูดจบ หมอเดินออกไปพร้อมกับคนอื่นๆ ที่อยู่ทำหน้าที่ที่เหลืออยู่
นับตั้งแต่นั้นซูโยวหรานระวังตัวขึ้นมาก หากผู้อาวุโสหนานกงรู้ว่าหนานกงเฉวียนรักษาตัวหายแล้ว เขาจะมาฉีดยาพิษอีกเข็มและวางยาหนานกงเฉวียนเพิ่มหรือเปล่า ซูโยวหรานไม่คิดอยากไปเสี่ยง
ตอนนี้หนานกงเฉวียนฟื้นแล้ว เธอจะไม่ปล่อยให้เขาออมมือกับชายแก่อีกต่อไป
หากพวกเขาประมาทระเบิดเวลานี้ต่อไป คงมีแต่จะทำให้มีเหยื่อมากขึ้น
ระหว่างสองชั่วโมงหลังการผ่าตัด หัวใจของซูโยวหรานรวดร้าวด้วยความระส่ำระสาย…
ยิ่งเมื่อได้มองหนานกงเฉวียนนอนนิ่งอยู่บนเตียง เธอสัมผัสได้ถึงกระแสความกังวลที่ค่อยๆ กลับมา…
ทว่าในจังหวะนั้นเอง น้ำเสียงแหบแห้งก็ดังมาจากบนเตียงในท้ายที่สุด “ยะ โยวหราน…”
ซูโยวหรานหันไปและเห็นว่าดวงตาของหนานกงเฉวียนค่อยๆ ขยับลืมขึ้น ตอนนั้นเองที่เธอโผเข้าไปด้วยความดีใจทันที “ถังหนิงไม่ได้โกหก คุณฟื้นขึ้นมาแล้วจริงๆ ด้วย ในที่สุดคุณก็ฟื้นแล้ว!”