“ผมรู้สึกเหมือนตัวเองหลับไปนานมากเลย…” หนานกงเฉวียนว่าด้วยเสียงอ่อนแรง
“คุณไม่รู้เหรอคะว่าตัวเองสลบไปตั้งแปดวัน ฉันเกือบคิดว่าคุณจะทิ้งเสี่ยวต้านเขอกับฉันไปซะแล้ว…” ซูโยวหรานร่ำไห้สะอึกสะอื้นขณะที่ซบลงบนอกของหนานกงเฉวียน “คุณรู้ไหมว่าฉันผ่านแปดวันนี้มาอย่างยากลำบากแค่ไหน!”
หนานกงเฉวียนเพิ่งฟื้นขึ้นมา เป็นธรรมดาที่เขาจะยังงุนงง หากแต่เขาก็ดูออกว่าตลอดหลายวันมานี้ซูโยวหรานทั้งหวาดกลัวและกังวลขนาดไหน
“ขอโทษที่ทำให้คุณลำบากขนาดนี้นะครับ”
น้ำตาเปรอะเปื้อนทั่วใบหน้าเธอขณะที่เธอลุกขึ้นนั่ง มือลูบซีกแก้มของหนานกงเฉวียน “เสี่ยวต้านเขอกับฉันจะทำยังไงถ้าไม่มีคุณคะ รับปากว่าจะไม่ทำให้เรากลัวอย่างนี้อีกนะคะ โอเคไหม”
หนานกงเฉวียนอยากจะยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาบนหน้าของเธอ แต่เขากลับไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขยับตัวแต่อย่างใด
ทั้งคู่กอดกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งในที่สุดหมอก็มาถึงพร้อมเสียงเคาะประตูในเวลาต่อมา
“ในที่สุดคุณหนานกงก็ฟื้นแล้วนะครับ”
ซูโยวหรานลุกขึ้นและเช็ดน้ำตาพลางพยักหน้ารับ “ค่ะ คุณหมอ ช่วยตรวจดูว่ามีอาการข้างเคียงอะไรหรือเปล่าด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ การผ่าตัดของคุณหมอลู่ไม่มีที่ติอยู่แล้ว จะไม่มีอาการข้างเคียงแน่นอนครับ” หมอตอบ “แล้วผมก็บอกให้คนไปตรวจดูกล้องวงจรปิดให้คุณแล้ว เราเจอว่ามีบุคคลต้องสงสัยอยู่บ้าง ต่อไปนี้คุณแค่ต้องหลีกเลี่ยงพวกเขาไว้ครับ”
“ขอบคุณนะคะ คุณหมอ”
“ถ้าคุณต้องขอบคุณใครสักคนก็ไปขอบคุณประธานโม่เถอะครับ” คุณหมอเอ่ยก่อนหันหลังออกจากห้องไป ก่อนปิดประตูด้านหลังให้สนิท หลังจากเขาจากไป ซูโยวหรานลงไปนอนซบบนอกของหนานกงเฉวียนอีกครั้ง
“คุณจำได้ไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่คุณจะหมดสติไป”
หนานกงเฉวียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนส่ายหน้า “ผมโดนโจมตีจากด้านหลังแล้วก็เห็นคนร้ายไม่ชัดน่ะครับ”
“แต่ฉันมั่นใจว่าคุณรู้ว่าเป็นฝีมือของใคร ทันทีที่คุณมีอาการเข้าขั้นสาหัส ปู่ก็ขึ้นคุมชุนชิวทันที ฉันยังได้ยินด้วยว่าเขาเลื่อนวันฉายปรสิตออกไป แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดหรอกค่ะ สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือคุณต้องพักฟื้นตัวต่างหาก
“คุณรู้ไหมคะว่าครั้งนี้ใครเป็นคนช่วยคุณไว้ ตระกูลโม่ค่ะ!” ซูโยวหรานเอ่ยพลางกุมมือเขาไว้ “ระหว่างนี้ตระกูลโม่เป็นห่วงคุณมากเลยนะคะ ทั้งหมดต้องขอบคุณความช่วยเหลือของพวกเขาที่ทำให้คุณรอดมาได้”
“จริงเหรอครับ”
“เฉวียน…ถังหนิงแนะนำให้คุณแกล้งทำเหมือนยังป่วยหนักเพื่อความปลอดภัยของคุณน่ะค่ะ คุณคิดว่ายังไงคะ”
หนานกงเฉวียนคิดอยู่ชั่วขณะก่อนจะบอก “เรียกผู้ช่วยของผมมาให้ทีครับ ผมอยากจัดประชุมคณะกรรมการบริหาร…”
“แต่ถ้าทำอย่างนั้น ปู่จะรู้ว่าคุณฟื้นแล้วนะคะ…”
“อย่ากลัวไปเลยครับ แค่ทำตามที่ผมบอกเถอะ” หนานกงเฉวียนสั่ง หากชายแก่ลงมือทำเรื่องรุนแรงได้ขนาดนี้ ใครจะบอกได้เขากำลังวางแผนร้ายอะไรไว้อีก
ซูโยวหรานกดจูบลงบนหลังมือหนานกงเฉวียนก่อนพยักหน้ารับ “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ เดี๋ยวจะไปจัดการให้นะคะ”
…
ซูโยวหรานถือโอกาสนี้บอกถังหนิงกับโม่ถิงว่าหนานกงเฉวียนฟื้นแล้ว ไม่เพียงแต่เธอจะขอบคุณพวกเขา เธอยังต้องการมั่นใจว่าความพยายามของพวกเขาจะไม่สูญเปล่า เธอจึงจะสำนึกในบุญคุณของทั้งคู่ที่ช่วยชีวิตสามีของเธอตลอดไป
หลังจากถังหนิงได้ยินว่าหนานกงเฉวียนฟื้นแล้ว เธอรู้สึกเหมือนได้ปลดเปลื้องเรื่องหนักใจบนบ่า ด้วยพวกเขาไม่ต้องการรู้สึกผิดไปมากกว่านี้
ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือแผนที่ล้มเหลวของผู้อาวุโสหนานกง
“ตอนนี้หนานกงเฉวียนฟื้นขึ้นมาแล้ว คุณคิดว่าเขาจะทำอะไรเหรอคะ” ถังหนิงถามสามี
โม่ถิงวางเอกสารในมือลงก่อนตอบ “หนานกงเฉวียนจะไม่หนีปัญหาโดยการแกล้งป่วยหนักหรอกครับ เขามีวิธีจัดการเรื่องนี้ในแบบของเขา เราแค่ต้องคอยดูครับ”
ถังหนิงพยักหน้า “ฉันแค่หวังว่าตาเฒ่านั่นจะไม่ทำเรื่องโหดร้ายกับเขามากกว่าเดิมนะคะ”
“เขาไม่ทำหรอกครับเพราะว่าเขาจะไม่มีโอกาสนั้นต่างหาก!”
หนานกงเฉวียนตกหลุมพรางของปู่ตัวเองเพราะเขาระวังตัวไม่มากพอ แต่หากเขาพลาดอีกครั้งอย่างนั้นก็คงโง่เง่าเต็มที…
หนานกงเฉวียนรอบคอบเกินกว่าจะโง่เช่นนั้น
…
ในขณะเดียวกันที่ชุนชิว ผู้อาวุโสหนานกงได้รับเชิญให้เข้าประชุมคณะกรรมการบริการเป็นการด่วน ในฐานะผู้รักษาการประธานบริหาร ทำไมเขาถึงได้รับแจ้งช้าขนาดนี้กัน
ไม่นานผู้ถือหุ้นของบริษัทและผู้บริหารรับสูงต่างมารวมตัวกันในห้องประชุม ผู้อาวุโสหนานกงยืนอยู่หน้าประตูและจ้องมองทุกคนอย่างสงสัยเมื่อพวกเขาเอ่ยกับเขา “ยินดีด้วยนะครับผุ้อาวุโส ในที่สุดหลานชายของคุณก็ฟื้นแล้ว”
ท่าทีของผู้อาวุโสหนานกงเปลี่ยนไปเมื่อเห็นซูโยวหรานพาหนานกงเฉวียนเข้ามาในห้องต่อหน้าต่อตา
“ปู่ครับ…”
“แกฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่” ผู้อาวุโสหนานกงถาม “ทำไมถึงไม่อยู่ในโรงพยาบาล”
“ถ้าผมพักนานไปกว่านี้ ผมเกรงว่าบริษัทจะไม่เป็นของผมอีกต่อไปแล้วน่ะสิครับ” หนานกงเฉวียนหัวเราะ “ผมเรียกประชุมครั้งนี้เพราะอยากจะขอความเห็นทุกคนเกี่ยวกับเรื่องบางอย่างน่ะครับ ผมคิดว่าปู่เองก็น่าจะฟังสิ่งที่ผมต้องพูดก่อน”
ผู้อาวุโสหนานกงยิ้มเยาะขณะที่เข้ามาในห้องและนั่งลงอย่างเช่นคนอื่นๆ
“ผมมั่นใจว่าทุกคนคงได้ยินว่าผมถูกทำร้ายเมื่อแปดวันก่อน การฟื้นขึ้นมาอีกครั้งมันไม่ง่ายสำหรับผมเลย บอกได้เลยละว่าโอกาสของผมมันริบหรี่มาก
“น่าเสียดายที่ตำรวจยังไม่ได้เบาะแสว่าใครเป็นคนร้ายและผมก็ตัดสินใจว่าจะไม่สืบเรื่องนี้ต่อไปด้วย
“ผมเรียกประชุมวันนี้เพราะมีบางอย่างที่ต้องการแจ้งครับ ก่อนอื่นผมอยากจะถามปู่ถึงเหตุผลที่เลื่อนวันฉายปรสิตออกไปครับ ถ้าปู่บอกความจริงกับผม ผมจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องวันฉายอีก ผมให้โอกาสปู่แค่ครั้งเดียวนะครับ”
ชายสูงวัยเงยหน้ามองหนานกงเฉวียน เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายคล้ายพยายามคาดเดาความคิดของหลานชาย
“เลิกทดสอบขีดจำกัดของตัวเองสักทีครับ หนังเรื่องนี้เกิดจากความทุ่มเทของทุกคนในบริษัท เราเชื่อใจปู่อย่างไม่มีเหตุผลไม่ได้ ปู่ต้องชี้แจงเหตุผลที่น่าเชื่อถือกับเรา แค่ปู่ตอบเรามา ผมสัญญาว่าข้อมูลนี้จะไม่รั่วไหลไปให้คนภายนอกรู้แล้วปู่ก็จะทำตามแผนต่อไปได้ ผมจะไม่เข้าไปยุ่งกับมัน”
“ฉันบอกแผนของฉันให้แกรู้ก็ได้ แต่ทุกคนที่อยู่ที่นี่วันนี้จะต้องเซ็นข้อตกลงรักษาความลับ” ผู้อาวุโสหนานกงตอบ “ฉันเสียเดิมพันครั้งนี้ไปไม่ได้”
หนานกงเฉวียนสูดหายใจลึกและพยักหน้า “ตามที่ปู่ต้องการเลยครับ”
หลังจากนั้นทนายความมาถึงพร้อมกับข้อตกลงรักษาความลับหลายฉบับและขอให้ทุกคนลงชื่อ
เมื่อทุกคนเซ็นข้อตกลงเสร็จสิ้น ในที่สุดชายสูงวัยถึงได้เผยแผนการของตัวเอง
เขาอธิบายว่าขโมยเนื้อเรื่องมาจากมดราชินีสองและขายให้กับชาวอเมริกันได้อย่างไร จากนั้นจึงบอกว่าพวกเขาจะฉายภาพยนตร์ก่อนไห่รุ่ย และนั่นเป็นเหตุผลที่เขายืนกรานจะออกฉายปรสิตภายหลัง อย่างไรเสียหากถังหนิงตกเป็นข่าวฉาวเรื่องลิขสิทธิ์ ใครจะเป็นคนที่ได้ผลประโยชน์ในท้ายที่สุดกันล่ะ
ผลงานที่ซื่อตรงของพวกเขาจะต้องมีชัยชนะเหนือกว่าอย่างแน่นอน!
หลังได้ยินแผนของปู่ตัวเอง หนานกงเฉวียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ปู่นี่มันโหดเหี้ยมจริงๆ!”
“แกบอกเองว่าจะไม่เข้ามายุ่งกับแผนของฉันถ้าฉันเปิดเผยออกมา”
“ครับ ผมรับปากกับปู่ไว้เองแล้วก็จะไม่กลับคำด้วย ในเมื่อปู่เลือดเย็นพอที่จะวางยาหลานตัวเองได้ มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องห้ามไม่ให้ปู่ล้างแค้นล่ะครับ”