ในวันที่มดราชินีสองถ่ายทำเสร็จสิ้นในท้ายที่สุด ไม่เพียงแต่นักแสดงกับทีมงานจะจัดงานเฉลิมฉลอง แต่ยังมีชายอีกคนหนึ่งที่ยินดีเป็นพิเศษ ผู้อาวุโสหนานกงนั่นเอง
สำหรับเขาแล้วมันหมายถึงอีกหนึ่งก้าวที่เข้าใกล้การลงมือตามแผนของเขา
ทว่าเดิมทีตอนนี้ปรสิตควรจะออกฉายแล้ว หากชายสูงวัยไม่เอาแต่เลื่อนกำหนดการฉายออกไป การทำการตลาดก่อนหน้านี้ของพวกเขาจึงสูญเปล่าทั้งหมด การเลื่อนกำหนดการฉายออกไปทำให้ชุนชิวไม่ได้อยู่ในกระแสและบริษัทภาพยนตร์อื่นๆ ได้รีบคว้าโอกาสนี้แทนทันที
ความนิยมของ มดราชินี ทำให้ทุกคนจับตามองศักยภาพของแวดวงไซไฟ และทุกคนต้องการคว้าส่วนแบ่งของเค้กก้อนนี้ ด้วยเหตุนี้วงการไซไฟจึงถูกคาดการณ์ว่าจะเติบโตสุดขีดในอีกสองถึงสามปีข้างหน้า
พนักงานที่ชุนชิวไม่พอใจในตัวผู้อาวุโสหนานกง อย่างไรเสียพวกเขาก็พยายามอย่างหนักเพื่อสร้างภาพยนตร์ และแม้แต่แย่งตัวทีมงานตัดต่อของถังหนิงมาด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับสูญเปล่า
พนักงานของบริษัทมักจะรวมตัวกันบ่นและระบายความไม่พอใจอยู่เรื่อยๆ
ไป๋จวินเหยี่ยได้ยินเสียงพร่ำบ่นส่วนใหญ่ในระหว่างนี้
ในฐานะผู้กำกับของปรสิต เขาไม่ได้โกรธอย่างที่คนอื่นๆ เป็น หากแต่เสียดายที่ภาพยนตร์ต้องลงเอยเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทำหรือการตัดต่อปรสิตก็มีศักยภาพพอที่จะเทียบกับมดราชินี ได้ ทว่าตอนนี้ผู้อาวุโสหนานกงกลับใช้มันเป็นเครื่องมือในการล้างแค้น
ไป๋จวินเหยี่ยผันตัวจากผู้กำกับภาพยนตร์นอกกระแสมาเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ไซไฟ ด้วยหวังว่าสักวันจะได้เชิดหน้าชูตาบ้าง แต่เขายังคงไม่เห็นโอกาสแม้แต่น้อย
หรือเขาต้องกลับไปอยู่อย่างวันที่กรีดข้อมือตัวเองเพื่อให้เป็นอิสระกัน
เมื่อนึกย้อนถึงอดีต ไป๋จวินเหยี่ยรู้ตัวว่าตลอดมาเขานั้นโง่เง่าเพียงใด อยู่ๆ ตอนนี้เขาก็รู้สึกว่ามันมีความหมายที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ใช้หนี้หมดด้วยการตกลงกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ และปลดหนี้ได้อย่างเป็นทางการ
เขาจึงเก็บข้าวของและไปหาคนคนหนึ่ง…
…
ถังหนิงแปลกใจเมื่อเห็นไป๋จวินเหยี่ยกลับมาหาเธอ ก่อนหน้านี้เธอพยายามอย่างหนักเพื่อจ้างเขา แต่เขาก็ไม่ยอมช่วย สุดท้ายเธอจึงต้องทำงานกับเฉียวมั่น
“อะไรกัน ที่นี่ไม่ต้อนรับผมแล้วเหรอครับ”
“ฉันแค่แปลกใจนิดหน่อยน่ะ” ถังหนิงต้อนรับเขาอยู่แล้ว “ฉันคิดว่าคุณดูถูกทีมงานของฉันเสียอีก”
“ไม่มีใครในปักกิ่งกล้าดูถูกทีมงานของคุณหรอกครับ” ไป๋จวินเหยี่ยหัวเราะ “ผมไม่ต้องการค่าจ้างมากหรอก แค่พอใช้กินอยู่อย่างไม่เดือดร้อนก็พอใจแล้วละ”
“ถ้าคุณไม่ได้มาที่นี่เพื่อชื่อเสียงเงินทอง แล้วทำไมคุณมาที่นี่ทำไมล่ะ” ถังหนิงรู้สึกว่าชายคนนี้ช่างประหลาดเสียเหลือเกิน
หากแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อไป๋จวินเหยี่ยยักไหล่ก่อนตอบ “ใครจะไปรู้ล่ะครับ บางทีอาจเป็นเพราะว่าทีมงานของคุณอบอุ่นแล้วก็มอบเหตุผลให้มีชีวิตอยู่ต่อไปก็ได้ครับ”
ถังหนิงไม่เข้าใจว่าไป๋จวินเหยี่ยต้องการแรงใจเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปมากแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงตกลงให้เขาอยู่ ซ้ำยังจัดการให้เขาเป็นผู้ช่วยเฉียวมั่นอีกด้วย
ไป๋จวินเหยี่ยไม่ได้เอาหน้าเพียงเพราะเขาเป็นรุ่นพี่ในวงการ และเฉียวมั่นก็ไม่ได้ไม่ชอบไป๋จวินเหยี่ยเพียงเพราะเขามาจากค่ายคู่แข่ง
ศิลปะไม่มีพรมแดน เฉียวมั่นเข้าใจเรื่องนี้ดี
อีกทั้งเธอยังรู้ดีว่าไป๋จวินเหยี่ยเป็นคนที่มีความสามารถอย่างมาก!
…
หลังจากถ่ายทำมดราชินีสองเสร็จสิ้น การตัดต่อเริ่มดำเนินการอย่างรวดเร็วเช่นกัน ในฐานะทีมงานผู้เชี่ยวชาญมือสมัครเล่น เหล่าตัวแสบในสตาร์ไชน์ต่างหลงใหลในความท้าทายครั้งใหม่นี้อย่างที่ถังหนิงคาดการณ์ไว้ อันที่จริงพวกเขาหลงใหลจนถึงขั้นที่คาดไม่ถึง
ไม่นานมดราชินีสองก็ได้ปล่อยตัวอย่างภาพยนตร์ตัวแรกออกมา
ไห่รุ่ยติดต่อทุกโรงภาพยนตร์รายใหญ่ในประเทศอย่างไม่รั้งรอ และให้พวกเขาฉายตัวอย่างภาพยนตร์ความยาวสามสิบวินาที
ก่อนที่คอภาพยนตร์จะได้ดูปรสิตพวกเขาก็ยลโฉมตัวอย่างภาพยนตร์ของมดราชินีสองแล้ว
ครั้งนี้ในฐานะตัวร้าย โม่ถิงเผยภาพลักษณ์ร้ายกาจเต็มพิกัดบนหน้าจอ แต่มันได้สร้างความตื่นเต้นสุดขีดได้สำเร็จ
มดขนาดใหญ่ยักษ์ในภาพยนตร์เองก็น่าสะพรึงพอแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขายังมีท่าทีน่ายำเกรงของโม่ถิงอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้จึงมีเส้นเรื่องที่น่าสนใจสุดๆ อยู่สามอย่างในตอนนี้ คนดีปะทะคนเลว คนเลวปะทะสัตว์ประหลาด และสัตว์ประหลาดปะทะกับคนดี เมื่อนำมาประกอบกันจึงชวนให้ภาพยนตร์น่าสนใจเต็มที ตัวอย่างภาพยนตร์เรียบง่ายความยาวสามสิบวินาทีเพียงพอที่จะทำให้คอภาพยนตร์ไชโยโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น พวกเขาแทบอดใจรอไม่ไหว
แฟนๆ พากันมารวมตัวตามช่องทางโซเชียลของไห่รุ่ยและเริ่มทิ้งความคิดเห็นไว้
[ฉันตื่นเต้นกับหนังเรื่องนี้สุดๆ เลย! ภาคต่อดูดีกว่าเรื่องแรกเพราะเนื้อเรื่องดูน่าสนใจมาก!]
[ฉันละอยากจะรู้ว่าทีมงานของถังหนิงสร้างตำนานมดราชินีขึ้นมาได้ยังไงจริงๆ มันไม่ได้ยกเรื่องรักๆ ใคร่ๆ มาเหมือนหนังเรื่องอื่นๆ เลย ฉันเกลียดเวลาที่ดูหนังระทึกขวัญและมีแต่เรื่องความลำบากลำบนของฮีโร่กับผู้หญิง!]
[เราต้องให้กำลังใจถังหนิงกับประธานโม่นะ! โดยเฉพาะประธานโม่ เขาหล่อเป็นบ้าเลย! ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะเป็นตัวร้ายของหนังเรื่องนี้ เท่สุดๆ!]
ทันใดนั้นความบ้าคลั่งเรื่องไซไฟก็ลามไปทั้วทั่งปักกิ่ง
ฉากที่มีเพียงคู่รักโม่ที่สร้างขึ้นมาได้…
…
ในตอนนี้จู้ซิงมีเดียเองก็มีข่าวดีเช่นกัน อดีตนักร้องอย่าง ฉินเสวี่ย ซึ่งหลินเฉี่ยนเฟ้นหามาด้วยตัวเองได้ประสบความสำเร็จในการแจ้งเกิดอีกครั้งบนเวทีในเวียนนา หลังจากมีปัญหาครั้งใหญ่กับต้นสังกัดเก่าของเธอ
ในจุดที่ตกต่ำที่สุดในชีวิต ฉินเสวี่ยต้องคุ้ยหาของตามกองขยะเพื่อความอยู่รอด
นี่เป็นเรื่องใหญ่ในวงการบันเทิง หญิงแก่คนหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตมากว่าครึ่งทศวรรษแล้วแจ้งเกิดอีกครั้งได้สำเร็จในวงการดนตรี ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังได้กลับไปยืนบนเวทีในฝันของเธออีกด้วย
ทุกคนในวงการเริ่มพูดว่าหลินเฉี่ยนถ่ายทอดความสามารถของถังหนิงมา และตอนนี้เธอสามารถดูแล จู้ซิงมีเดียได้ด้วยตัวเองแล้ว
หลังจากนั้นศิลปินที่มีความหวังในใจหลายคนได้ติดต่อหลินเฉี่ยนมาจนมีแฟ้นผลงานกองอยู่บนโต๊ะเธอเต็มไปหมดอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าจู้ซิงมีเดียจะกลับไปเป็นอย่างที่เคยเมื่อครั้งที่ถังหนิงยังอยู่
ดังนั้นเมื่อจัดงานเลี้ยงฉลองประจำปีของไห่รุ่ย ถังหนิงเอ่ยแนะโม่ถิง “ฉันอยากให้คุณหามืออาชีพไปร่วมงานกับหลินเฉี่ยนสักหน่อยน่ะค่ะ อย่างน้อยก็ทำให้เธอพะวงน้อยลงตอนที่เธอพยายามตามหาคนที่มีความสามารถคนใหม่”
“หลินเฉี่ยนบอกกับผมแล้วครับ แต่ไห่รุ่ยไม่คิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการดำเนินการของจู้ซิงมีเดีย หลินเฉี่ยนมีแผนของเธอเองครับ”
“นึกไม่ถึงว่าเธอจะเร็วกว่าฉันเลยนะคะเนี่ย” ถังหนิงหัวเราะขณะที่พับผ้าให้ลูกๆ ตัวเอง
หลังได้ยินคำตอบของถังหนิง โม่ถิงรั้งกายเธอเข้ามาในอ้อมแขนและให้เธอนั่งบนตัก “มดราชินี 2 จะออกฉายต้นปีหน้าครับ”
“ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะคะ”
“คุณลืมแล้วเหรอครับ ตาเฒ่านั่นเห็นบทของเรา ไม่ว่าเขาจะวางแผนอะไรไว้ ผมคิดว่าการออกฉายหนังของเราให้เร็วที่สุดจะเป็นการดีที่สุดครับ”
“อย่างนั้นเอาอย่างนี้ไหมคะ ถ้าเราอยากจะทำให้ตาเฒ่านั่นหัวเสียจริงๆ เราน่าจะเลือกวันแล้วออกฉายโดยที่ไม่บอกวันฉายก่อน”
“คุณมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอครับ” โม่ถิงถามพลางกอดภรรยาไว้ “ผมมั่นใจว่าคุณรู้ว่าหนังอาจล้มเหลวได้ถ้าไม่ทำการตลาดอย่างรอบคอบนะครับ”
“ฉันเชื่อมั่นในหนังของฉันค่ะ ฉันเชื่อมั่นในผู้ชม และที่สำคัญที่สุดคือฉันเชื่อมั่นในตลาดนี้ค่ะ ถ้ามันเป็นหนังที่แย่ อย่างนั้นประชาสัมพันธ์ให้ตายแค่ไหนก็ช่วยมันไม่ได้หรอกค่ะ แต่ถ้าเป็นหนังที่ดี แค่การบอกปากต่อปากก็เป็นการประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุดแล้วละค่ะ”