“ถ้าแกเข้ามายุ่งอีก ฉันจะนับว่าแกเป็นหลานของฉันอีกแล้ว!”
หลังจากออกปากเตือน ผู้อาวุโสหนานกงหันหลังเดินออกไปจากห้องทำงานของหนานกงเฉวียน ฟังจากน้ำเสียง ดูเหมือนเขาจะเป็นจริงเป็นจัง
หนานกงเฉวียนไม่ได้พยายามอธิบายแต่อย่างใดเพราะเรารู้ว่ามันไม่มีความหมายใด
แม้แต่ซูโยวหรานยังสงสัยว่าสามีของเธอปล่อยข้อมูลให้ตระกูลโม่ล่วงรู้หลังจากได้ยินว่ามดราชินีสองออกฉายอย่างกะทันหัน หากแต่หนานกงเฉวียนกลับมาที่บ้านพร้อมท่าทีเหนื่อยล้าก่อนส่ายหน้า “ถ้าผมมีความกล้าพอจะทำอย่างนั้นก็คงดีล่ะครับ”
“ไม่ใช่คุณจริงๆ เหรอคะ”
หนานกงเฉวียนส่ายหน้าให้อีกครั้ง “ผมบอกว่าตั้งนานแล้วว่าปู่คงสู้ถังหนิงกับโม่ถิงไม่ได้หรอก เขาแค่ไม่เชื่อผมเอง”
“ปู่พูดอะไรกับคุณคะ”
“ปู่คิดเหมือนคุณนั่นแหละครับ เขาคิดว่าผมบอกข้อมูลกับตระกูลโม่”
“ปู่โกรธเหรอคะ” หลังว่าเช่นนี้ ซูโยวหรานพลันรู้สึกถึงเรื่องใหญ่ “โอ๊ะ ไม่นะ เสี่ยวต้านเขอกำลังเล่นอยู่ที่บ้านเพื่อนร่วมชั้นหลังเลิกเรียนวันนี้ ฉันจะรีบไปรับเธอที่นั่นค่ะ”
“ไม่จำเป็นหรอกครับ กว่าเสี่ยวต้านเขอจะทำความรู้จักเพื่อนไม่ง่ายเลย ปล่อยเธอไปเถอะครับ…” หนานกงเฉวียนเอ่ยขณะยื่นมือออกมาห้ามซูโยวหรานไว้
“แต่ว่า…”
ในท้ายที่สุดความเป็นจริงก็พิสูจน์ให้เห็นว่าสัญชาตญาณของซูโยวหรานนั้นถูกต้อง เพราะเสี่ยวต้านเขอยังไท่กลับถึงบ้านแม้ว่าจะพลบค่ำแล้วก็ตาม
ทั้วคู่นั่งกอดอกรออยู่ในห้องนั่งเล่น ในที่สุดก็ต่อสายหาแม่ของเพื่อนร่วมชั้น ทว่าคำตอบที่พวกเขาได้รับนั้นกลับเป็น “ฉันขับรถไปส่งเสี่ยวต้านเขอถึงหน้าบ้านเลยนะคะ เธอไม่ได้เข้าไปด้านในเหรอคะ”
หลังได้ยินเช่นนั้น หนานกงเฉวียนลุกพรวดขึ้นมาด้วยความโกรธ
เสี่ยวต้านเขอถูกลักพาตัวไปหน้าบ้านของพวกเขา
“เฉวียนคะ…ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดีคะ”
หนานกงเฉวียนไม่พูดอะไรออกมาขณะที่หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาปู่ตัวเอง น้ำเสียงของเขาไม่สงบนิ่งอย่างที่เคย ความจริงแล้วมันสั่นไหวเล็กน้อยด้วยซ้ำ “คืนไฉ่เอ๋อร์มาให้ผม…”
“เพื่อรับประกันว่าแกจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับแผนของฉันอีก ไฉ่เอ๋อร์จะอยู่กับฉันสักพัก หลังจากทุกอย่างจบลงแล้ว ฉันจะคืนเธอให้แกเอง”
“ปู่เป็นปีศาจหรือยังไงครับ ปู่จะไม่ปล่อยแม้แต่เหลนตัวเองไปเลยหรือไง” หนานกงเฉวียนถามอย่างไม่หัวเสีย “ผมบอกไปแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผม ไม่เกี่ยวสักนิดเดียว!”
“ในเมื่อแกรู้ว่าไฉ่เอ๋อร์เป็นเหลนของฉัน อย่างนั้นก็น่าจะรู้ว่าฉันคงไม่ทำร้ายเธอ งั้นก็ปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไปนั่นแหละ!”
หลังว่าจบ ชายแก่ก็วางสาย
“ปู่บอกว่าอะไรคะ” ซูโยวหรานถาม “เราจะให้เขาคืนเสี่ยวต้านเขอมาได้ยังไงคะ”
“เขาบอกว่าเราต้องรอจนกว่าทุกอย่างจะจบลงก่อน!” หนานกงเฉวียนบอกด้วยเสียงอ่อนแรง
“ฉันละสงสัยจริงๆ ว่าเขาบ้าไปหรือยังไง!” ซูโยวหรานพูดอย่างไม่พอใจ จากนั้นจึงเอ่ยด้วยความเป็นกังวล “เสี่ยวต้านเขอยังเด็กอยู่เลยนะคะ ถ้าเธอถูกบังคับให้อยู่กับปีศาจอย่างนี้ เราจะทำยังไงถ้าเธอมีแผลฝังใจล่ะคะ
“อีกอย่างเสี่ยวต้านเขอก็เป็นหวัดอยู่หน่อยๆ ด้วยค่ะ ปีศาจคนนั้นจะดูแลเธอได้จริงๆ เหรอคะ”
เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของซูโยวหรานหนานกงเฉวียนเอื้อมแขนออกมากอดเธอไว้ “ผมขอโทษครับ… ผมขอโทษ…”
“คุณต้องขอโทษกับเรื่องนี้ด้วยเหรอคะ…” ซูโยวหรานท้วง “คนอื่นต่างหากที่ต้องขอโทษคุณ ทำไมคุณต้องขอโทษด้วย”
คืนนั้นทั้งคู่ไม่อาจหลับได้ลงเมื่อไม่มีลูกสาวอยู่ข้างกาย…
หัวใจของพวกเขาเจ็บปวดเจียนตาย ในขณะที่ผู้อาวุโสหนานกงอยู่ในห้องทำงาน ซูโยวหรานอดไม่ได้ที่จะโทรหาถังหนิง
เธอรู้สึกมืดแปดด้าน เธออาจเป็นภรรยาที่อ่อนโยนของหนานกงเฉวียนและคุณแม่ที่น่ารักของเสี่ยวต้านเขอที่บ้านได้ หากแต่เมื่อเผชิญหน้ากับคนต่ำช้าอย่างผู้อาวุโสหนานกงเธอกลับจนปัญญา…
“พี่หนิงคะ ได้โปรดบอกฉันเถอะคะ คุณมีทางไหนที่ทำให้พ่อลูกเป็นอิสระจากปีศาจตัวนั้นไหมคะ”
ถังหนิงนึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นมากมายเพราะมดราชินีสองโดยเฉพาะไม่คาดคิดว่าผู้อาวุโสหนานกงจะคิดว่าหนังของพวกเขาออกฉายเพราะข้อมูลที่หลุดมาจากหนานกงเฉวียน
“ถ้าตาเฒ่านั่นยังกดดันเราอยู่ต่อไปอย่างนี้ ฉันคิดว่า… คิวดว่าฉันอาจจะฆ่าเขาเข้าสักวันหนึ่งค่ะ!”
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยนะ เหตุผลที่ถิงกับฉันออกฉายหนังของเราอย่างนี้เพราะเราเคยเห็นกับตาว่าผู้อาวุโสหนานกงแอบดูบทของนักแสดงคนหนึ่งตอนที่เขาแฝงตัวอยู่ในทีมงานของเราน่ะ เราไม่ได้ต้องการให้มันเป็นปัญหาหรอก”
“งั้นครั้งนี้ฉันจะบอกแผนทั้งหมดของเขากับคุณจริงๆ เพราะเทียบกับถุงกระดูกเก่าๆ นั่น ฉันไว้ใจคุณสองคนมากกว่าเสียอีก ได้โปรดช่วยฉันช่วยเสี่ยวต้านเขอด้วยนะคะ”
หลังจากได้ยินดังนั้น ถังหนิงรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาเล็กน้อย
“โยวหราน สิ่งที่ฉันช่วยเธอได้มากที่สุดคือการทำเหมือนไม่เคยได้รับสายนี้ เราจะไม่เตรียมรับมืออะไรทั้งนั้นเพราะมันอาจจะทำให้เสี่ยวต้านเขอตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ก็ได้”
ชายแก่จะทำอะไรไม่ได้บ้างกันล่ะ
“แต่ว่า…”
“เราจะไม่วิ่งหนีไปซ่อนหรอกนะ เราเตรียมเล่นเกมอะไรก็ตามที่ตาเฒ่านั่นอยากจะเล่น หน้าที่ของเธอคือไม่กระตุ้นให้เขาลงมือไปมากกว่านี้”
ทั้งสองตระกูลต้องมาถึงจุดนี้กันด้วยหรือ
ผู้อาวุโสหนานกงจะได้ประโยชน์อะไรบ้างล่ะ
หลังจากวางสายจากซูโยวหราน ถังหนิงหัวเสียไม่น้อย โชคดีที่เธอกับโม่ถิงรอบคอบ ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงได้ตกหลุมพรางของหนึ่งในแผนของชายแก่ไปแล้ว
อย่างไรก็ตามซูโยวหรานไม่ได้อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นที่อเมริกาอย่างละเอียดทั้งหมด อย่างไรเสียเธอก็ไม่รู้แน่ชัดว่าขายแก่วางแผนอะไรไว้บ้าง ทว่าไห่รุ่ยไม่ได้เกรงกลัว
“ฉันว่าเราต้องท้าชนกับเรื่องนี้แล้วละค่ะ ไม่อย่างนั้นตาเฒ่านั่นคงจะโทษคู่รักหนานกงและอาจจะระบายความโกรธกับเด็กอายุห้าหกขวบก็ได้”
หลังจากโม่ถิงได้ยินเช่นนั้น เขาพยักหน้า “ต่อให้ไม่มีคำเตือนของซูโยวหราน เราก็คงไม่ทำให้เกิดความสูญเสียอยู่แล้ว”
“ตาเฒ่านั่นกลายเป็นโรคจิตไปแล้ว”
“ผมเองก็กำลังเริ่มเกลียดปู่ตัวเองที่ไปเล่นงานเขาเมื่อก่อนแล้ว…” อยู่ๆ โม่ถิงว่าขึ้น
“อย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ ปู่คงไม่คาดคิดว่าเรื่องจะมาถึงขั้นนี้ มาคอยดูว่าผู้อาวุโสหนานกงจะมีลูกไม้ไหนมาเล่นเถอะค่ะ”
น่าเสียดายที่พวกเขาไม่รู้ว่าลูกไม้ของชายแก่นั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งที่พวกเขาไม่อาจทนได้
ชายสูงวัยเพียงแค่ใช้ไห่รุ่ยเป็นเรื่องเบี่ยงความสนใจ ในขณะที่เป้าหมายที่แท้จริงของเขาคือฝาแฝดต่างหาก!
หลังโม่ถิงกับถังหนิงหัวหมุนกับเรื่องอื่น เขาย่อมมีหนทางจับตัวเด็กสองคนอยู่แล้ว…
ดังนั้นแม้แผนของเขาจะมีโอกาสเพียงน้อยนิด แต่ วิกฤตการณ์หมาพันธุ์เดือด ก็ยังเดินหน้าเริ่มออกฉาย วิธีการถูกปรับเล็กน้อยแต่ผลที่ได้นั้นจะเป็นไปดังเดิม
ในเมื่อเขาวางแผนจะใส่ร้ายพวกเขา มันสำคัญว่าจะใช้เล่ห์สกปรกขนาดไหนด้วยหรือ
เขาจะอ้างว่าทีมงานของมดราชินีสองเข้ามาติดต่อพร้อมกับบทจากทางอเมริกา และจะไม่ปล่อยให้ไห่รุ่ยมีโอกาสแก้ตัว อย่างไรเสียถึงไห่รุ่ยจะเป็นบริษัทใหญ่แต่พวกเขาก็ไม่อาจเทียบกับฮอลลีวูดได้
สมาชิกในทีมงานที่ชายแก่วางแผนจะใช้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากตัวตนที่เขาเคยใช้เพื่อแฝงตัวเข้าไปในกองถ่ายมดราชินีสองช่างวางระเบิดนั่นเอง
ถึงอย่างไรเขาก็เคยทำงานในอเมริกามาก่อนจริง ก่อนที่ผู้อาวุโสหนานกงจะใช้ตัวตนของเขาเพื่อเข้าร่วมในกองถ่ายมดราชินีสอง
แม้ว่าตำรวจจะยังตามล่าตัวเขาอยู่เขาก็ยังมีตัวตนจริงอยู่บ้าง… แต่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผู้อาวุโสหนานกงคือการใช้ตัวตนนี้จะทำให้ไห่รุ่ยไม่มีพยานที่มีชีวิตอยู่