สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1013 สาวใช้ตัวแสบ 917

ตอนที่ 1013 สาวใช้ตัวแสบ 917
ส้งหลิงหลิงยิ่งตัดขาดจากโลกภายนอกก็ยิ่งทำให้ความรักของเธอที่มีต่อเย่เชินหลินเพิ่มมากขึ้น ที่ผ่านมาความรักของเธออาจเป็นเพราะหวังผลตอบแทน แต่ตอนนี้เธอถามถึงความห่วงใยอย่างจริงใจ
“ไม่รู้เหมือนกัน ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของเขากับคุณพ่อไม่ค่อยดี พอเกิดเรื่องขึ้นมา บางทีเขาก็ดูเหมือนเศร้าแต่บางทีก็ดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เหยนชิงเหยียนพูดอย่างไม่แน่ใจ หลายวันที่ผ่านมาเขาก็ไม่ค่อยได้เจอเย่เชินหลินเหมือนกัน
“เหยนชิงเหยียน โม่เสี่ยวจุนต่างหากที่เป็นเย่จื่อห้าน ตอนนั้นโม่เสี่ยวจุนเคยตรวจดีเอ็นเอกับเย่เฮ่าหรันก็จริง แต่ฉันเองที่เป็นคนเปลี่ยนผลตรวจนั้น”
ส้งหลิงหลิงไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงกล้าเล่าเรื่องนี้ให้เหยนชิงเหยียนฟัง แต่ไม่กล้าเล่าให้เย่เชินหลินฟัง?
เหยนชิงเหยียนฟังอยู่อย่างเงียบ ๆ โม่เสี่ยวจุนต่างหากที่เป็นน้องชายของเย่เชินหลิน? ทุกอย่างนี้เป็นฝีมือของส้งหลิงหลิง เพราะการกระทำของเธอ เขาจึงต้องเป็นลูกชายตระกูลเย่โดยที่ไม่ตั้งใจ
“ส้งหลิงหลิง ทำไมคุณถึงทำร้ายผมแบบนี้?” เหยนชิงเหยียนตะโกนถามอย่างบ้าคลั่ง “คุณรู้ไหมว่าพวกเขาดีกับผมมากแค่ไหน คุณพ่อไม่ได้มองผมด้วยซ้ำก่อนที่เขาตาย คุณพ่อต้องหัวใจวายที่รู้ว่าผมไม่ใช่ลูกเขาแน่ ส้งหลิงหลิงคุณกล้าดียังไงถึงมายุ่งกับชีวิตผม”
เหยนชิงเหยียนแทบจะเปลี่ยนสีหน้าไม่ทัน
จิ่วจิ่วเดินเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ส้งหลิงหลิง กรรมจะตามเธอทันแน่” เหยนชิงเหยียนพูดจบก็วางสายนั้นทันที เขารู้สึกไม่สบายใจมาก เขารู้ว่าเขาเป็นใคร เขายังคงเป็นเด็กยากจนที่ไม่มีอะไรเลย เขาไม่ใช่เย่จื่อห้านผู้สูงส่งคนนั้น
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” จิ่วจิ่วมองไปที่ห้องรับแขกที่ว่างเปล่าและถามเขา เธอเพิ่งปลอบเซี่ยชีหรั่นเสร็จ แล้วเขาคนนี้เป็นอะไรไป
“เปล่า แล้วคุณมาได้ไง?” เหยนชิงเหยียนเห็นจิ่วจิ่วเดินมาคนเดียว “แล้วชีหรั่นล่ะ? เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“เธอคิดมาก ปลอบตั้งนานกว่าจะดีขึ้น ฉันตั้งใจแวะมาดูคุณแต่ไม่คิดว่าคุณจะมานั่งอยู่ที่นี่คนเดียว” จิ่วจิ่วส่ายหัว ชีหรั่นคิดมากไปเองหรือเปล่า เย่เชินหลินกับเธอก็มีความสัมพันธ์ที่ดีขนาดนี้ ทั้งสองยังมีลูกกันด้วยซ้ำ แล้วเขาจะเกลียดเซี่ยชีหรั่นได้อย่างไร?
เย่เชินหลินไม่ได้เกลียดเซี่ยชีหรั่นโดยส่วนตัว แต่เขาเกลียดความสัมพันธ์ทางสายเลือดของเธอกับศัตรูเขามากกว่า
เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าจิ่วจิ่วมีธุระต่อ เธอจึงแกล้งหลับตาแล้วหายใจเบา ๆ ตามธรรมชาติ
หลังจากจิ่วจิ่วจากไปเซี่ยชีหรั่นก็ลืมตาขึ้น เชินหลินมีเรื่องอะไรต้องปิดบังกับภรรยาของเขาด้วย เขาทำไมต้องแบกไว้คนเดียว
จู่ ๆ เธอก็คิดถึงจ้าวเหวินอิงขึ้นมา เซี่ยชีหรั่นมองดูเวลาแล้วโทรหาจ้าวเหวินอิง
อีกด้านหนึ่งของมหาสมุทร จ้าวเหวินอิงดีใจมากที่ได้รับสายเธอ
“ชีหรั่น ว่าไง เป็นไงบ้าง จะคลอดเมื่อไหร่” จ้าวเหวินอิงดีใจอย่างบอกไม่ถูก
“ก็โอเคค่ะ แล้วแม่สบายดีใช่ไหมคะ” เซี่ยชีหรั่นสูดหายใจเข้า ความอึดอัดในใจของเธอหายไปหมดเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของจ้าวเหวินอิง
“ชีหรั่น แล้วเชินหลินล่ะสบายดีไหม?” จ้าวเหวินอิงถามถึงลูกเขยของเธออย่างเป็นห่วง
เซี่ยชีหรั่นเงียบไปสักพักแล้วตอบ “เขาไม่ค่อยโอเคเลยค่ะ”
จ้าวเหวินอิงตกใจเงียบไปสักพักแล้วรีบถามต่อ “ชีหรั่น เชินหลินเป็นอะไรเหรอ?” จ้าวเหวินอิงคิดว่าเย่เชินหลินนั้นร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว
เซี่ยชีหรั่นไม่รู้ว่าจะอธิบายความไม่สบายใจของเย่เชินหลินอย่างไร “พ่อเสียแล้วค่ะ”
“จงหวีฉวน?” จ้าวเหวินอิงถามอย่างสะท้อนใจ เซี่ยชีหรั่นยังลืมความสัมพันธ์ทางสายเลือดนี้ไม่ได้อีกหรือ
“ไม่ค่ะ เย่เฮ่าหรัน” ถ้าจงหวีฉวนตาย เซี่ยชีหรั่นไม่กล้าคิดว่าคนอื่นจะปรบมือชอบใจหรือไม่
“ชีหรั่น ตอนนี้พ่อเธอป่วยยังไม่หายดีเลย ช่วงนี้พวกเราคงกลับไปไม่ได้ เธอต้องดูแลตัวดี ๆ นะ แต่แล้วทำไมจู่ ๆ ท่านประธานจงถึงเสียล่ะ?” จ้าวเหวินอิงไม่เข้าใจเลยว่าทำไมปีนี้ถึงมีคนป่วยตั้งหลายคน แต่สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดคือเซี่ยชีหรั่น เพราะตอนนี้เธออยู่ในประเทศบ้านเกิดคนเดียว
“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอกนะ พวกท่านอยู่ต่างประเทศก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ” เซี่ยชีหรั่นไม่ได้ระบายความอึดอัดในใจของเธอออกมา แต่เพียงเน้นย้ำให้จ้าวเหวินอิงดูแลตัวเองให้ดี
เย่เชินหลินยืนอยู่นอกประตูแล้วมองเซี่ยชีหรั่นจากที่ไกล
เขาเกลียดตัวเองที่ยังไม่เด็ดเดี่ยวมากพอ เซี่ยชีหรั่นเป็นลูกสาวของศัตรู แต่เขาก็ยังคิดถึงและอยากเจอเธอตลอด
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอจึงหันไปมองแต่ไม่เห็นใครเลย เชินหลิน นั่นใช่คุณไหม?
ขณะที่เซี่ยชีหรั่นหันไป เย่เชินหลินก็ได้ถอยกลับไปในที่มืดทันที จนกว่าเซี่ยชีหรั่นคุยโทรศัพท์ต่อ เขาถึงจะเดินออกมาจากที่มืดนั้น
ในเวลานั้นเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“จงหวีฉวน ไม่ง่ายเลยนะที่ได้รับสายจากคุณ” เย่เชินหลินพูดอย่างประชดประชัน
“เย่เชินหลิน วันนี้ผมจะบอกคุณตรง ๆ เลยนะ คุณต้องแต่งงานกับลูกสาวผม จงหยุนซางนะ ไม่ใช่เซี่ยชีหรั่น” ดูเหมือนจงหวีฉวนจะลืมไปว่าเซี่ยชีหรั่นก็เป็นลูกสาวของเขาเช่นกัน
ตั้งแต่เริ่มแรก เซี่ยชีหรั่นก็เป็นได้เพียงเครื่องมือที่ให้เขาใช้มาตลอด
“ใช่เหรอ แล้วเซี่ยชีหรั่นล่ะ”
เย่เชินหลินพูดจาประชดประชัน แต่ไม่รู้ว่าเขากำลังประชดจงหวีฉวนหรือประชดตัวเองอยู่
“เย่เชินหลิน ถ้าคุณไม่ยอมแต่งกับจงหยุนซางล่ะก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจนะ”
“จงหวีฉวน คุณฝันไปเถอะ ผมจะไม่ขอเซี่ยชีหรั่นแต่งานและจะไม่แต่งงานกับจงหยุนซางด้วย เพราะเธอทั้งสองเป็นลูกสาวของคุณ”
จงหวีฉวนไม่เชื่อว่าเย่เชินหลินจะตัดใจจากเซี่ยชีหรั่นได้ นอกเสียจากมีสาเหตุที่ทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจจริง ๆ และจงหวีฉวนก็อยากพนันกับตัวเองว่าต่อให้เย่เชินหลินจะตัดใจจากเซี่ยชีหรั่นได้ อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่เรื่องของวันสองวัน
“เย่เชินหลิน คุณคิดให้ดีก็แล้วกันนะ ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับคำขอของผม ผมก็ไม่รู้ว่าลูกสาวผมเซี่ยชีหรั่นคนนี้จะอยู่อย่างสุขสบายแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ขอแค่ผมต้องการ ผมเชื่อว่าเซี่ยชีหรั่นคงต้องเชื่อฟังผมอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรแล้วเธอก็ยังเป็นลูกสาวผมอยู่ดี” จงหวีฉวนเชื่อมั่นในตัวเองมาก ทุกครั้งที่เขาทำให้เซี่ยชีหรั่นผิดหวัง เขาก็หาวิธีที่จะทำให้เซี่ยชีหรั่นยอมยกโทษจนได้
“จงหวีฉวน จริงเหมือนกันที่เซี่ยชีหรั่นเป็นลูกสาวของคุณ แต่เธอก็เป็นผู้หญิงของผมเหมือนกันนะ”
หลังจากที่เย่เชินหลินพูดจบก็วางสายทันที
จงหวีฉวนจึงส่งข้อความถึงเย่เชินหลิน
เย่เชินหลิน นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ถ้าคุณยังไม่เห็นด้วย ผมอยากให้คุณรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณสามารถทนรับได้หรอก คุณต้องเข้าใจว่าตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ในสถานะเดิมแล้วนะ
หลังจากอ่านแล้วเย่เชินหลินไม่ได้ลบข้อความนั้น เขามองไปที่เซี่ยชีหรั่นแล้วคิดในใจ จงหวีฉวน คุณไม่เว้นแม้แต่ลูกสาวตัวเอง คุณยังเหลือความเป็นคนอยู่หรือเปล่า?
เย่เชินหลินไม่อยากสนใจเซี่ยชีหรั่น แต่ก็ถึงกับตัดใจไม่ได้จริง ๆ
เซี่ยชีหรั่น ถือว่าผมเป็นหนี้คุณในชาติที่แล้วนะ เขาส่งข้อความถึงฐานหนึ่งแล้วให้จัดคนสี่คนคอยคุ้มกันเซี่ยชีหรั่นไว้
เช้าวันรุ่งขึ้นในอากาศที่แจ่มใส
เซี่ยชีหรั่นนอนคนเดียว เธอตื่นขึ้นมาด้วยความหนาวเหน็บอ้างว้าง เธอถอนหายใจยาว ๆ และเดินไปที่หน้าต่างอย่างเกียจคร้าน จากนั้นค่อย ๆ ดึงผ้าม่านออก
เสียงเปิดประตูทำให้เซี่ยชีหรั่นต้องหันไปมอง
“เชินหลิน คุณมาแล้วเหรอ” ใบหน้าที่เศร้าหมองของเซี่ยชีหรั่นก็เกิดรอยยิ้มขึ้นมา เธอไม่คิดว่าจะเจอหน้าเย่เชินหลินในยามเช้าแบบนี้ “เชินหลิน คุณไปเคลียร์งานก่อนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก” เซี่ยชีหรั่นพูดด้วยความเห็นใจเขา
“คุณเก็บของก่อนนะ วันนี้จะพาคุณกลับไปที่คอนโด” เย่เชินหลินพูดด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำ น้ำเสียงของเขายังคงเยือกเย็นเช่นเคย จงหวีฉวนจะใช้กลอุบายอะไรกับเซี่ยชีหรั่นกันแน่ เย่เชินหลินไม่กล้าที่จะคิด แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจได้ก็คือคนอย่างจงหวีฉวนนั้นน่ารังเกียจและไร้ยางอายแน่นอน ฉะนั้นเขาไม่สามารถปล่อยให้เซี่ยชีหรั่นต้องเสี่ยงกับเขาได้
“เชินหลิน แต่ฉันอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่”
เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ เธอไม่อยากไปจากเย่เชินหลิน โดยเฉพาะช่วงที่เย่เฮ่าหรันจากไป ไม่มีใครรู้เลยว่าเธอคือคนใกล้ชิดสนิทที่สุดของเย่เชินหลิน เซี่ยชีหรั่นเองก็รู้มานานแล้วว่าเย่เชินหลินให้ความสำคัญกับเย่เฮ่าหรันมากแค่ไหน
“ที่นี่ไม่ปลอดภัย” เย่เชินหลินพูดอย่างรัดกุม
เซี่ยชีหรั่นมองหน้าเย่เชินหลินเหมือนกำลังถูกหลอก ที่นี่คือคฤหาสน์ของตระกูลเย่นะ ใครจะมาทำร้ายเธอที่นี่ได้? เซี่ยชีหรั่นไม่อยากเชื่อคำพูดของเย่เชินหลินเลย
สีหน้าเย่เชินหลินเคร่งขรึมกว่าเดิม เขาเงียบไปสักพักค่อยพูดต่อ “คุณไปพักผ่อนดูแลลูกในท้องก่อน ที่นี่ไม่ปลอดภัยจริง ๆ มีคนมาขู่ผม ดังนั้นคุณกลับไปอยู่ที่คอนโดก่อน เพราะมีไม่กี่คนที่รู้จักที่นั่น หรือไม่ผมซื้อคอนโดให้คุณใหม่ คุณจะได้อยู่คนเดียว”
เมื่อพูดจบดวงตาของเย่เชินหลินก็เปล่งประกายขึ้น เขาเพิ่งคิดได้ว่าจิ่วจิ่วและคนอื่น ๆ รู้จักคอนโดใหม่นี้แล้ว ดังนั้นที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
“คุณไปเตรียมตัวก่อน”
เย่เชินหลินหยิบโทรศัพท์ออกมาติดต่อฐานหนึ่งของเขา
“ซื้อบ้านลับให้ผมหลังหนึ่ง พวกคุณมารับเธอแล้วพาไปที่นั่นเลย ต้องรักษาความปลอดภัยของเธอให้ดีนะ” เย่เชินหลินเน้นย้ำอย่างชัดเจน หลังจากส่งข้อความนั้นออกไปเขาบีบกำปั้นไว้แน่น ๆ และรอยเล็บบนฝ่ามือได้เน้นย้ำถึงความกังวลของเขาในขณะนี้
“คุณจะอยู่กับฉันที่นั่นไหม?” เซี่ยชีหรั่นมองเย่เชินหลินด้วยความคาดหวัง เธอไม่ขอให้ได้พบเขาทุกวัน อย่างน้อยสักอาทิตย์ละครั้งก็ยังดี
เย่เชินหลินไม่ได้ตอบเธอ แต่เขายังเร่งให้เซี่ยชีหรั่นไปเตรียมตัว
“ถ้าคุณไม่อาบน้ำแต่งตัว เราก็ไปกันเลย” เย่เชินหลินเห็นว่าเซี่ยชีหรั่นไม่มีทีท่าที่จะเตรียมตัวไปเขาจึงพูดเช่นนี้ เขารู้ว่าถ้าไปหาเธอบ่อย ๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการเปิดเผยเป้าหมาย คงไม่ต้องพูดถึงคอนโดเขตใหม่ที่เธออยู่ในตอนนี้
เมื่อเซี่ยชีหรั่นได้ยินก็ต้องฝืนใจไปแต่งตัว
หลังจากเตรียมตัวเสร็จจิ่วจิ่วก็ได้รอเธออยู่ที่ห้องรับแขกแล้ว เธอพยุงเซี่ยชีหรั่นออกมาแล้วมุ่ยปากพูด “ชีหรั่น ช่วงนี้เราไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันเลย แล้วเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก”
เซี่ยชีหรั่นหยิบคำถามที่สวยงามแต่น่าเศร้าขึ้นมาพูดกับเธอ “ไม่มีงานเลี้ยงไหนที่ไม่มีการเลิกราหรอก อีกอย่างฉันก็ไม่ได้ไปแล้วกลับไม่สักหน่อย”
จิ่วจิ่วยังคงกังวลเซี่ยชีหรั่นที่ต้องจากไปคนเดียว
“หรือไม่ก็ให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนเธอดีกว่า” จิ่วจิ่วมองไปที่เย่เชินหลินเพื่อขอร้องเขา เธอยังคงคุ้นเคยกับการขอคำแนะนำจากเย่เชินหลินและเรื่องนี้เธอจำเป็นต้องขอความคิดเห็นจากเขาก่อน
“ที่ชีหรั่นต้องออกไปก็เพราะมีคนคอยจ้องเล่นงานเธออยู่ ถ้าคุณไปด้วยอีกคนมันจะไม่เป็นการชี้เป้าให้เขาเหรอ?” เย่เชินหลินพูดโดยไม่ได้หันมามองเธอ
เขาไม่เคยมองไปที่เซี่ยชีหรั่นเลย
จิ่วจิ่วเห็นว่าคุณเย่ชอบเซี่ยชีหรั่นมากขนาดนี้ เขาคงไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรอก ความกังวลของจิ่วจิ่วก็ค่อย ๆ จางหายไป เธอกลับไปเป็นจิ่วจิ่วที่ไร้ความกังวลอีกครั้ง
เมื่อมีรถขับเข้ามาเย่เชินหลินก็แสดงสีหน้าพึงพอใจที่ได้เห็นการทำงานของฐานหนึ่งของเขาอย่างมีประสิทธิภาพ

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset