สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1015 สาวใช้ตัวแสบ 919

ตอนที่ 1015 สาวใช้ตัวแสบ 919
เมื่อเห็นสิบสามยังยืนอยู่ที่เดิม เซี่ยชีหรั่นก็ค่อย ๆ เดินไปก่อน
หลายวันหลังจากที่ใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมแปลกใหม่ เซี่ยชีหรั่นก็รู้สึกยังปรับตัวไม่ทัน ที่สำคัญคือเธอไม่ชอบการที่ไม่มีเย่เชินหลินอยู่ด้วย
“คุณเซี่ย คุณอยากได้หนังสือแบบไหนคะ?” สิบสามวางอาหารเช้าในมือแล้วถามเธอ เพราะสิบสามไม่รู้ความชอบส่วนตัวของเซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินก็ไม่ได้ให้ข้อมูลกับเธอก่อนหน้านี้ด้วย
ตอนนี้เซี่ยชีหรั่นเองก็ไม่รู้ว่าอยากอ่านหนังสืออะไร
“แล้วแต่เลยก็ได้ ฉันแค่อยากหาอะไรทำแก้เบื่อหน่อย” เซี่ยชีหรั่นคิดอยู่สักพักแล้วค่อยตอบ เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าตอนนี้จะอ่านหนังสืออะไรได้อีก คำว่าแล้วแต่ของเธอได้บอกให้สิบสามเข้าใจว่าซื้อหนังสืออะไรมาเธอก็อ่านหนังสือนั้น
“คุณเซี่ยรอสักครู่นะ เดี๋ยวฉันไปหามาให้” สิบสามพยักหน้าและไม่พูดอะไรต่อ
เซี่ยชีหรั่นกลืนอาหารที่ไร้รสชาตินั้นและตอนนี้เธอก็เริ่มคิดถึงเย่เชินหลินขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากห่างจากเขาหลายวันเธอก็ยิ่งคิดถึงเขาอย่างบ้าคลั่ง เซี่ยชีหรั่นไม่กล้าคิดว่าถ้าหากสักวันเธอต้องไปจากเขาจริง ๆ เธอคงจะเป็นเหมือนคนตายทั้งเป็น
สิบสามทำงานไวมาก ก่อนที่เซี่ยชีหรั่นจะทานอาหารเช้าเสร็จเธอก็เข้ามาพร้อมกับหนังสือกองโต
เมื่อเห็นหนังสือในมือของสิบสาม เซี่ยชีหรั่นรู้สึกผิดมาก “อันที่จริงเธอเอาแค่เล่มสองเล่มมาก็พอแล้ว ฉันแค่ตั้งใจจะดูผ่าน ๆ เอง” เพียงประโยคเดียวของเธอก็ทำให้คนอื่นต้องทำงานหนักแบบนี้ เซี่ยชีหรั่นยิ่งรู้สึกหนักใจเข้าไปใหญ่
“หนังสือเหล่านี้มีหลายประเภท ถ้าคุณยังต้องการหนังสืออะไรเพิ่มก็บอกฉันได้เลยนะคะ” สิบสามรู้สึกดีต่อเซี่ยชีหรั่น ที่จริงคนอย่างพวกเขาจะไม่มีความรู้สึกส่วนตัวมาปะปนกับหน้าที่การงาน แต่เธอก็มองเซี่ยชีหรั่นในแง่บวก สิบสามคิดว่าอาจเพราะเซี่ยชีหรั่นเป็นแฟนของเย่เชินหลินเธอถึงคิดเข่นนี้ก็ได้
“ขอบคุณนะ แค่นี้ก็พอแล้ว” เซี่ยชีหรั่นเดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วเห็นหนังสือที่กองอยู่บนโต๊ะนั้นก็อดคิดถึงอดีตไม่ได้ ชีวิตเมื่อก่อนไม่ได้ดีเหมือนตอนนี้ แต่เมื่อก่อนมีความสุขมากกว่า เพราะไม่มีความกังวลและไม่รู้จะกังวลไปเพื่ออะไร
เมื่อสิบสามเห็นเซี่ยชีหรั่นจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เธอจึงยกจานอาหารขึ้นแล้วออกจากห้องไปอย่างเงียบ ๆ เธอปิดประตูเบา ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของสาวน้อยในห้องนั้นทำให้เธอรู้สึกอิจฉามาก เพราะเธอไม่เคยมีรอยยิ้มที่สดใสแบบนี้มาก่อนเลย
เซี่ยชีหรั่นหยิบหนังสือบนโต๊ะขึ้นมา เธอเห็นหนังสือการจัดการ หนังสือวรรณคดี หนังสือนิทาน หนังสือบทกวีและหนังสือปรัชญา สิบสามนั้นเป็นคนรอบคอบจริง ๆ
เซี่ยชีหรั่นจึงหยิบหนังสือนิทานขึ้นมาอ่าน เธออ่านเรื่องราวชีวิตของคนอื่นแล้วใคร่ครวญถึงชีวิตตนเอง เธอค่อย ๆ อ่านทีละคำค่อย ๆ พลิกทีละหน้า เวลาหลั่งไหลดั่งสายน้ำ เซี่ยชีหรั่นจมสู่โลกอีกมิติหนึ่ง
เรื่องราวเรื่องหนึ่งในหนังสือทำให้เซี่ยชีหรั่นต้องหันมองออกไปนอกหน้าต่าง
มีคู่รักคู่หนึ่งถูกพ่อแม่บังคับให้เลิกกัน ทั้งสองจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปด้วยกัน พระเอกสัญญากับนางเอกว่าจะไปหาเธออย่างแน่นอน นอกเสียจากเขาจะออกจากบ้านไม่ได้
เป็นนิทานเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง แต่ภาษาของนักเขียนละเอียดอ่อนจนทำให้เซี่ยชีหรั่นอ่านไปร้องไห้ไป เธอคิดถึงเย่เชินหลินมาก เธอพยายามโทรหาเขาตั้งหลายสายแต่เขาไม่เคยรับสายเธอและไม่เคยคิดจะโทรกลับเลย เขาไม่ตอบแม้แต่ข้อความของเธอด้วยซ้ำ
เซี่ยชีหรั่นยิ่งกังวลเย่เชินหลินเข้าไปใหญ่
เธอวางหนังสือในมือลงแล้วกดหมายเลขที่คุ้นเคยนั้นอีกครั้ง ภาวนาในใจอยู่เสมอว่า เชินหลิน คุณรับสายฉันหน่อยได้ไหม ขอร้องแล้วล่ะ ช่วยรับสายฉันที
เหมือนสวรรค์ไม่รับฟังคำวิงวอนของเธอ ไม่ว่าเซี่ยชีหรั่นจะโทรยังไงเย่เชินหลินก็ไม่ยอมรับสายเธอ
เย่เชินหลินนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน เขาจัดการเอกสารไปด้วยและสายตาจ้องมองโทรศัพท์ไปด้วย ตอนนี้ดูเหมือนว่าการมองโทรศัพท์เป็นนิสัยส่วนตัวใหม่ของเขาไปแล้ว เพียงเวลาสั่น ๆ ไม่กี่วันเขาก็ได้พัฒนานิสัยใหม่เรียบร้อยแล้ว
เย่เชินหลินมองไปที่โทรศัพท์ ภาพที่เขาวิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลได้ปรากฏขึ้นในหัวของเขา เขาเห็นใบหน้าที่รู้สึกผิดของเย่เฮ่าหรัน จงหวีฉวน ทั้งหมดนี้เพราะนายคนเดียว เย่เชินหลินลุกขึ้นนั่งอย่างกระสับกระส่าย เขาเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถลืมเซี่ยชีหรั่นได้ เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนใจแข็งมาตลอด เย่เชินหลินเศร้าใจที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองทำไม่ได้ ตราบใดที่คน ๆ นั้นคือเซี่ยชีหรั่น พลังทั้งหมดของเขาก็จะแตกสลายไม่เป็นท่า ไม่ สองมือเย่เชินหลินกุมหัวเอาไว้ เขาจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
โทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้นอย่างไม่รู้จักหยุด แรงสั่นสะเทือนนั้นได้กระทบไปยังจิตใจของเย่เชินหลิน แต่เมื่อนึกถึงความเลวของจงหวีฉวนแล้ว เย่เชินหลินก็ค่อย ๆ สงบอารมณ์ได้
ไม่ เขาจะรับสายเซี่ยชีหรั่นและจะส่งข้อความกลับไปหาเธอไม่ได้ เย่เชินหลินกลัวว่าตัวเองจะห้ามใจไม่ได้
เซี่ยชีหรั่นเริ่มกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเย่เชินหลิน เขาถึงส่งเธอมาอยู่ที่เกาะร้างแห่งนี้ แล้วจะเกิดเรื่องใหญ่อะไรได้ล่ะ?
“เชินหลิน คุณช่วยตอบข้อความฉันหน่อยได้ไหม?” เซี่ยชีหรั่นส่งข้อความถึงเย่เชินหลินอีกครั้ง เธอไม่รู้ว่าเธอหวังอะไรอยู่ แต่เธอแค่อยากได้ยินเสียงของเขาเท่านั้น เธออยากรู้ว่าเขายังสบายดีอยู่ใช่ไหม
ข้อความของเธอก็เหมือนก้อนหินที่จมสู่ก้นมหาสมุทร ไม่มีเสียงตอบรับเลย
เย็นวันนี้ เซี่ยชีหรั่นไม่อยากอาหารเลย เธอยังอยู่ในห้องสมุด แต่สิบสามพยายามบังคับให้เธอกลับไปพักผ่อนในห้องนอน
เธอนั่งอยู่คนเดียวบนเตียงที่หรูหรา เซี่ยชีหรั่นไม่รู้สึกง่วงเลย ตอนนี้เธอคุ้นเคยกับรูปแบบการตกแต่งห้องนอนของเธอแล้ว ห้องนี้ไม่ต่างอะไรกับห้องนอนของเย่เชินหลินเลย เพราะของตกแต่งที่คุ้นเคยนี้ เซี่ยชีหรั่นจึงคิดถึงเย่เชินหลินครั้งแล้วครั้งเล่าจนนอนไม่หลับสักที
จนกระทั่งตีสี่ เซี่ยชีหรั่นถึงค่อย ๆ หลับไป ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูร้อน หกโมงเช้าเธอก็ตื่นขึ้นมาแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุของตัวเองหรือคิดถึงเขามากไป ไม่ว่าเซี่ยชีหรั่นจะนอนยังไงก็นอนไม่หลับสักที
ตื่นขึ้นมาในยามเช้าตรู่ เซี่ยชีหรั่นยังคงใช้เวลากับความคิดถึง เธอคิดถึงเสียงหัวเราะและความสุขเมื่ออยู่กับเย่เชินหลิน
สิบสามมาเคาะประตูของเซี่ยชีหรั่นแต่เช้าเพื่อเรียกเธอไปกินอาหารเช้า แต่เซี่ยชีหรั่นไม่รู้สึกหิวแล้ว
“สิบสาม เธอไปกินก่อนเลย ฉันขอหลับต่ออีกสักพัก” เซี่ยชีหรั่นไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เธอรู้ดีว่าถ้าเธอบอกไปว่าไม่อยากกิน สิบสามต้องบังคับให้เธอกินแน่ ตอนนี้เซี่ยชีหรั่นกินอะไรไม่ลงจริง ๆ
ก่อน 11 โมง สิบสามก็มาเคาะประตูเรียกเซี่ยชีหรั่นไปกินข้าวอีกครั้ง
“คุณเซี่ยคะ อาหารเที่ยงพร้อมแล้วนะ” เซี่ยชีหรั่นไม่สามารถหาข้อแก้ตัวที่ดีได้ในชั่วขณะ เธอจึงค่อย ๆ เตรียมตัวเสร็จแล้วลงไปห้องอาหาร เธอเดินไปมองไปและชื่นชมกับสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยแต่ไม่เคยชินนี้
เมื่อเห็นสิบสามเดินมาจากฝั่งตรงข้ามเซี่ยชีหรั่นก้มหัวลงแล้วเดินเร็วขึ้น
“คุณเซี่ย ใจเย็น ๆ ค่ะ ค่อย ๆ เดินก็ได้” สิบสามไม่ได้เป็นคนที่จะคอยเป็นห่วงคนอื่น เพียงแค่การเคลื่อนไหวของเซี่ยชีหรั่นนั้นเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดมาก ถ้าไม่ทันระวังแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยชีหรั่นสิบสามต้องรับผิดชอบ
เซี่ยชีหรั่นยิ้มและพยักหน้า เธออยากเดินให้เร็วที่สุดแต่ก็เร็วได้เท่านี้
เมื่อมองไปที่อาหารอันโอชะบนโต๊ะนั้น เซี่ยชีหรั่นไม่รู้สึกอยากอาหารเลย เธอค่อย ๆ กินเข้าไปทีละเม็ดสองเม็ด ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วเธอกินไปแค่ครึ่งชาม
สิบสามจ้องมองเซี่ยชีหรั่นด้วยความงุนงง เธอไม่เคยเห็นคนที่กินน้อยขนาดนี้มาก่อน
“ฉันอิ่มแล้วล่ะ” เซี่ยชีหรั่นยิ้มพูด แต่รอยยิ้มสดใสของเธอไม่ต่างอะไรจากรอยยิ้มที่ขมขื่น
เซี่ยชีหรั่นไม่ได้มองสิบสามและเดินกลับไปห้องอ่านหนังสือคนเดียว เธอเดินไปด้วยแล้วส่งข้อความให้เย่เชินหลินไปด้วย
เธอใช้ชีวิตวนเวียนอยู่แบบนี้เป็นเวลาหลายวัน เซี่ยชีหรั่นกินอาหารน้อยลงทุกครั้ง ตอนนี้เธอแค่เห็นอาหารก็รู้สึกอยากอาเจียนแล้ว
เธอกังวลเย่เชินหลินมากขึ้นเรื่อย ๆ เวลานานไป เซี่ยชีหรั่นก็ยิ่งคิดมาก จงหวีฉวนทำอะไรเย่เชินหลินหรือ เซี่ยชีหรั่นอยากโทรไปถามจงหวีฉวนมาก เธอยังจำหมายเลขโทรศัพท์ของเขาได้อย่างชัดเจน เธอป้อนตัวเลขที่ง่ายดายเหล่านั้นลงไปในโทรศัพท์ แต่เธอไม่รู้จะพูดอย่างไรถ้าหากโทรติดแล้ว
เซี่ยชีหรั่นวางโทรศัพท์ลง เธอจะถามจงหวีฉวนว่าเขาทำร้ายเย่เชินหลินหรือ? เซี่ยชีหรั่นส่ายหัว เธอทำแบบนั้นไม่ได้ นั่นคือพ่อของเธอนะ เธอพูดไม่ออกจริง ๆ
เซี่ยชีหรั่นคิดถึงเรื่องราวของนิทานในหนังสือนั้นอีกครั้ง เว้นแต่ผมจะไปหาคุณไม่ได้ เชินหลิน หรือว่าคุณก็มาหาฉันไม่ได้เหมือนกัน? หลายวันแล้วที่คุณไม่สนใจฉันเลย เชินหลิน เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่?
สิบสามมาเรียกเธอไปกินข้าว แต่เซี่ยชีหรั่นให้สิบสามไปกินก่อน เธอเอาแต่คิดเรื่องนี้ไปจนถึงตอนเย็น ฝนตกลงมาในช่วงฤดูร้อน ทำให้อากาศที่อบอ้าวค่อย ๆ เย็นลง
สิบสามพยายามเรียกเธอหลายครั้งแต่ไม่ได้ผล เธอเริ่มรู้สึกกังวลเซี่ยชีหรั่น นี่เป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยมีมาก่อน
จนกระทั่งตีสี่เซี่ยชีหรั่นถึงจะนอนหลับ แต่ในขณะที่หลับอยู่เธอได้ฝันถึงเด็กน้อยคนหนึ่งกำลังร้องไห้บอกแม่ว่าเขาหิวอย่างไม่หยุด เสียงนั้นฟังดูน่าสงสารมากและทำให้เซี่ยชีหรั่นตกใจตื่นขึ้นมาทันที
เธอลูบท้องของเธอและน้ำตาก็ค่อย ๆ ไหลลงมา หลายวันที่ผ่านมาเธอเอาแต่กังวลเย่เชินหลินจนลืมไปว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว เธอยังมีลูกน้อยอยู่ในท้องด้วย
เธอนึกถึงส้งหลิงหลิงที่เป็นสาเหตุทำให้ตัวเล็กเย่เจิ้งเหิงมีโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด ในเวลานั้นเย่เชินหลินไม่ต้องการเด็กคนนี้เลย แต่ส้งหลิงหลิงพยายามจะรักษาเด็กคนนี้ไว้ เธอตั้งใจทำให้ตัวเองป่วยจนลืมใส่ใจร่างกายของตัวเองและลูก เมื่อนึกถึงความจงใจของส้งหลิงหลิงที่ทำให้ตัวเล็กเย่เจิ้งเหิงต้องเป็นโรคร้ายตั้งแต่ยังเป็นทารกในครรภ์แล้ว เซี่ยชีหรั่นก็ไม่กล้าเสี่ยงอีก เธอจะปล่อยให้ลูกของเธอต้องติดโรคร้ายโดยที่ยังไม่มีโอกาสเติบโตไม่ได้
ไม่ เชินหลินเป็นคนเก่งขนาดนี้ เขาต้องไม่เป็นไรสิ
เซี่ยชีหรั่นนึกถึงผลงานของเย่เชินหลินในอดีต เขาไม่ใช่คนอ่อนแอ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะคิดทำร้ายเขาได้
ต่อให้เป็นพ่อของเธอก็คงต้องคิดให้รอบคอบก่อนทำ เซี่ยชีหรั่นเบิกตากว้าง หรือว่าเชินหลินกำลังมีปัญหากับพ่อของเธออยู่?
พ่อได้รับตำแหน่งที่เขาต้องการแล้ว แล้วเขายังมีปัญหากับเชินหลินไปอีกทำไม? เซี่ยชีหรั่นไม่สามารถหาคำตอบได้ บางทีเธออาจไม่กล้าคิดเกี่ยวกับคำตอบนี้ก็ได้ เซี่ยชีหรั่นไม่กล้าคิดเลยว่าจงหวีฉวนจะเกี่ยวข้องกับการตายของเย่เฮ่าหรัน
เซี่ยชีหรั่นมองออกไปนอกหน้าต่าง ตอนนี้เธอไม่ต่างอะไรจากนกในกรง ไม่ว่าจะกังวลมากแค่ไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี เธอต้องตั้งสติดี ๆ ต้องดูแลร่างกายของตัวเองให้ดีก่อน แล้วมีลูกที่แข็งแรงให้เขา
เย่เชินหลินไม่ได้เปิดเผยเรื่องของเหยนชิงเหยียน ผลการสอบสวนยืนยันแล้วว่าเหยนชิงเหยียน ไม่รู้เกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เลย คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด
“เป็นยังไงบ้างแล้วต้าฮุย?” เย่เชินหลินเคาะโต๊ะเบา ๆ ล่าสุดจำนวนข้อความจากเซี่ยชีหรั่นค่อย ๆ น้อยลงแล้ว เขากลับไปเป็นเหมือนเก่า ตอนนั้นเขาอยู่ต่างประเทศ เซี่ยชีหรั่นส่งข้อความถึงเขา
“ยังไม่ได้บทสรุปทั้งหมดเลยครับ เพราะแพทย์ในเวลานั้นลาออกไปแล้ว แต่มีคนบอกว่าวันนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาตรวจร่างกายเหมือนกันครับ”
หลินต้าฮุยบอกกับเย่เชินหลินในสิ่งที่เขารู้ ตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร เขาต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อตามหาแพทย์ที่ลาออกไปแล้ว
ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใครกันแน่นะ? เป็นคนของจงหวีฉวนหรือ? หลินต้าฮุยก็สงสัยในตัวของจงหวีฉวนเหมือนกัน
“ไปสืบตัวตนของผู้หญิงคนนั้น” เย่เชินหลินครุ่นคิดอย่างรวดเร็วว่าใครเป็นคนสลับผลตรวจในวันนั้น
“รับทราบครับคุณเย่ แล้วก็งานในบริษัทหลินหลิงจัดการได้ดีเยี่ยมมากเลยครับ” หลินต้าฮุยรู้สึกตลกหลินหลิง เพราะช่วงนี้ไห่ลี่หมินแวะมาบริษัทฝู้ซื่อกรุ๊ปแทบทุกวัน และทุกคนต่างรู้กันว่าไห่ลี่หมินมาหาใครที่นี่

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset