สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1080 สาวใช้ตัวแสบ 984

ตอนที่ 1080 สาวใช้ตัวแสบ 984
ฝู้เฟิ่งหยีเดินออกมาด้วยความกังวล:“ชูหวินจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม?เชินหลิน ลูกจะไปดูไหม?”
เนื่องจากเหตุการณ์นี้ คนอื่นต่างมามุงดู ไถ่ถามด้วยความห่วงใย
“ทุกคนเข้าไปสนุกสนานกันต่อเถอะ พวกเราจะขอตัวไปดูก่อน”เย่เชินหลินไม่อยากให้ฝู้เฟิ่งหยีเป็นห่วง
ลี่หมินพาหลินหลิงและไห่ฉิงฉิงไปก่อน เย่เชินหลินพาฝู้เฟิ่งหยีและเนี่ยนโม่ตามออกไป จิ่วจิ่วนึกถึงที่เซี่ยชีหรั่นฝากให้เธอช่วยดูแลเนี่ยนโม่ :“ชิงเหยียนพวกเราก็ตามไปดูเถอะ”
เหยนชิงเหยียนพยักหน้า
“ชีหรั่น ชูหวินเป็นอย่างไรบ้าง?”โม่เสี่ยวจุนถามอย่างกังวล
“พี่ ขับรถไปเถอะ ไม่เป็นไรนะ ฉันมองอาการของชูหวินออก แต่เขากำลังไข้ขึ้น ฉันนวดให้เขา เพื่อลองดูว่าจะใช้วิธีการตามหลักแพทย์แผนจีนลดไข้ได้ไหม”เซี่ยชีหรั่นกล่าวปลอบโยนโม่เสี่ยวจุน
โม่เสี่ยวจุนมองเห็นรอยยิ้มที่มั่นใจของเซี่ยชีหรั่น เขาพยักหน้า ขับรถอย่างตั้งใจ ใช่แล้ว ต้องรีบไปโรงพยาบาล
เห็นเย่เชินหลินพาเนี่ยนโม่เข้าไปในรถ ซือซือรู้สึกไม่ยินยอม ทำไมเขาถึงเอาเด็กคนนี้มาอยู่ข้างกายตัวเอง เดิมทีคิดฉวยโอกาสเอาตัวเนี่ยนโม่ไป แต่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
หลินเจี๋ยมองเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ มองเห็นเซี่ยชีหรั่นโยนเสื้อคลุมทิ้งลงพื้น หลินเจี๋ยไม่ได้พูดอะไร ผู้หญิงที่มีจิตใจดีแบบนี้ ไม่แปลกว่าทำไมเห้าเซิงถึงชอบ
ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่น มันจะเป็นอย่างไร?มองเห็นอ้วกที่เลอะเต็มไปหมด ยังไม่คิดถอยหนี ?ยิ่งไปกว่านั้นเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเซี่ยชีหรั่น
เขาเดินยิ้มไปที่รถของตัวเอง ในเมื่อเห้าเซิงให้เขามาช่วยดูชีหรั่น เขาจะไม่ไปโรงพยาบาลได้อย่างไร นอกจากนี้พี่สาวของเขาก็ไปโรงพยาบาล ข้ออ้างนี้ก็ไม่เลว
ซือซือมองดูรอยยิ้มที่คาดเดาไม่ถูกของหลินเจี๋ย จึงประเมินอย่างระมัดระวังว่าเขากำลังคิดอะไร จนเมื่อรถของหลินเจี๋ยออกไปไกลแล้ว ซือซือถึงจะพบว่าตัวเองไม่ได้ตามหลินเจี๋ยไป
แต่ไม่ไปก็ดี เวลานี้จะได้มาคิดว่าจะจัดการกับเย่เชินหลินและเซี่ยชีหรั่นอย่างไร หากมีหลินเจี๋ยอยู่ด้วยเธอทำเรื่องต่างๆได้ยาก
โม่เสี่ยวจุนนำรถจอดลงที่หน้าประตูโรงพยาบาล เมื่อลงรถจึงรับลูกจากมือของเซี่ยชีหรั่น
“ชีหรั่น มาพี่เอง ให้เธออุ้มมาตลอดทางคงเหนื่อยแย่เลย”
ในความเป็นห่วงลูก โม่เสี่ยวจุนยังนึกถึงเซี่ยชีหรั่น
“ไม่เป็นไร พวกเรารีบเข้าไปเถอะ”
เซี่ยชีหรั่นวิ่งตามโม่เสี่ยวจุนเข้าไปอย่างรวดเร็ว
คุณหมอมองเห็นแบบนี้ จึงนำเด็กเข้าห้องฉุกเฉิน
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พี่ค่ะ ไม่เป็นอะไรแล้ว ไข้ของเด็กลดลงไปมาก”เซี่ยชีหรั่นกล่าวเสียงเบาปลอบใจโม่เสี่ยวจุน เขาพยักหน้า สายตาเอาแต่จ้องมองไปที่ห้องฉุกเฉิน ไม่พูดว่าเป็นห่วงก็จะโกหก ในเมื่อนั่นคือลูกของเขา
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกเบาใจลงมาก ใช้มืออังหน้าผากของชูหวิน เธอคิดว่าน่าจะพ้นขีดอันตรายแล้ว ไม่รู้ว่าผู้ใหญ่สองคนนี้ทำอย่างไร ลูกไข้สูงขนาดนี้ยังไม่รู้เรื่อง
รถยนต์แต่ละคันจอดลงหน้าโรงพยาบาล ดึงดูดความสนใจให้คนอื่นต้องหยุดดู
“นี่คือตระกูลของใคร ดูยิ่งใหญ่มาก ร่ำรวยจริงๆ”
ไห่ฉิงฉิงไม่ใส่ใจคนเหล่านั้นที่พูดออกมา เธอไม่เคยวิ่งเร็วแบบนี้มาก่อน ดึงโม่เสี่ยวจุนมา มองอย่างหวาดกลัว ไม่รู้จะเริ่มถามอย่างไร
“พี่สะใภ้ ไม่เป็นอะไรแล้ว เด็กปลอดภัยแล้วค่ะ”
เซี่ยชีหรั่นมองเห็นท่าทางของไห่ฉิงฉิง รู้ว่าเธอตกใจมาก นึกถึงแต่ก่อนที่พาเนี่ยนโม่ไปโรงพยาบาล ในตอนนั้นไม่มีใครสักคนอยู่เลย เธอยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายในต่างประเทศ โชคดีที่มีพี่สวี ถ้าไม่มีเขา เซี่ยชีหรั่นก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะผ่านมาได้อย่างไร
ไห่ฉิงฉิงดึงเซี่ยชีหรั่น ถามอย่างเร่งรีบ:“ไม่เป็นอะไรแล้วจริงหรือ?ไม่เป็นไรจริงๆ”เธอถามอย่างกังวล จากนั้นก็ปลอบใจตัวเอง ไม่เป็นไรจริงๆ นี่อาจเป็นความปรารถนาที่สุดของพ่อแม่ทุกคนบนโลกนี้
“พี่สะใภ้ ไม่เป็นไรแล้ว แต่ก่อนเนี่ยนโม่ก็มีอาการแบบนี้ นี่โชคดีที่เป็นตอนกลางวัน เนี่ยนโม่เป็นตอนกลางคืน ”เธอเพียงแค่พูดออกมาอย่างง่ายดาย ไม่ได้พูดถึงเรื่องอย่างอื่นที่ยากลำบาก
ได้ฟังเซี่ยชีหรั่นพูดแบบนี้ ความกังวลของไห่ฉิงฉิงก็ลดลง
เย่เชินหลินเดินเข้ามา ได้ยินสิ่งที่เซี่ยชีหรั่นพูดทั้งหมด เนี่ยนโม่ในเวลากลางคืน ชีหรั่น งั้นคุณทำอย่างไร?
หลินเจี๋ยก็ได้ยิน นี่คือผู้หญิงที่เข้มแข็ง เรื่องเหล่านั้นไม่อยากพูดถึง เซี่ยชีหรั่นทำให้ดวงตาเขาเปล่งประกายจริงๆ
การรอคอยคือความทรมานที่เจ็บปวดที่สุด โดยเฉพาะในเวลานี้
ไห่ฉิงฉิงจับมือโม่เสี่ยวจุนไว้ตลอด เอาแต่มองไปที่ห้องฉุกเฉิน
เนี่ยนโม่เดินมาจับมือของเซี่ยชีหรั่น ถึงแม้เขาจะยังเด็กแต่ก็เข้าใจคำพูดของเซี่ยชีหรั่น แท้จริงแล้วเขาก็ทรมานแม่แบบนี้ ตอนกลางคืนแม่พาเขาไปโรงพยาบาลได้อย่างไร
“แม่ครับ ก่อนหน้านี้แม่กับลุงสวีพาผมไปโรงพยาบาลใช่ไหม?”
เนี่ยนโม่มองเห็นบรรยากาศที่หนักอึ้ง ถามคำถามที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันอย่างน่าเอ็นดู
“ใช่แล้ว ตอนนั้นลูกยังเล็ก แม่ก็ยังไม่คุ้นเคยกับปารีส ถ้าลูกโตขึ้นต้องดูแลลุงสวีดีๆนะคะ ไม่มีความช่วยเหลือจากเขา ลูกจะมีชีวิตชีวาแบบทุกวันนี้ได้อย่างไร”
เซี่ยชีหรั่นพูดจากใจจริง เธอเพียงแค่รู้สึกหดหู่ ไม่ได้คิดมากเรื่องอื่น เย่เชินหลินอาจไม่อยากฟังคำนี้ ลูกชายของเขาทำไมถึงต้องดูแลสวีเห้าเซิง?มันไม่ยุติธรรม
หลินเจี๋ยมองดูเซี่ยชีหรั่น เมื่อแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวม นับว่าไม่เลว ดูเหมือนจะไม่เข้าใจเซี่ยชีหรั่นในมุมนี้ เขาสามารถมองเห็นเซี่ยชีหรั่นคนใหม่ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำให้คนรู้สึกสดชื่น
“คุณแม่ ผมเข้าใจแล้วครับ จากนี้ผมจะดูแลคุณแม่กับลุงสวีให้ดี” เนี่ยนโม่จับมือเซี่ยชีหรั่นและกล่าวอย่างหนักแน่น คนอื่นคิดว่าเด็กคนนี้เพียงแค่พูดเล่น ไม่รู้ว่านี่คือคำมั่นสัญญาของเนี่ยนโม่
หลังจากที่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือผู้หญิงของสวีเห้าเซิง เนี่ยนโม่ปฏิบัติต่อเธอดีมาตลอด คนอื่นไม่รู้ว่าเพราะอะไร
หลินเจี๋ยรู้สึกว่าการมาครั้งนี้ก็ไม่เสียเปล่า ถ้าเห้าเซิงรู้เข้าจะต้องดีใจมากแน่ๆ
แววตาของเย่เชินหลินเย็นชา ดูเหมือนหลังจากนี้จะเข้ากับเนี่ยนโม่ได้ไม่ค่อยดีมาก เด็กคนนี้ฉลาดเกินไป ยัยตัวเล็กเธอสอนลูกอะไรของเธอ คิดไม่ถึงว่าจะให้เขาไปทำดีต่อผู้ชายอีกคนหนึ่ง พ่อของเนี่ยนโม่คือผม ไม่ใช่สวีเห้าเซิง เนี่ยนโม่นามสกุลเย่ ไม่ใช่สวี
“เนี่ยนโม่ มานี่คุณย่าจะบอกให้ฟัง หลานไม่เพียงแต่จะต้องดูแลคุณแม่กับลุงสวี หลานต้องดูแลคุณพ่อของหลานด้วย!” ฝู้เฟิ่งหยีเดินไปหาเนี่ยนโม่และกล่าวด้วยรอยยิ้ม หลานของเธอโตเกินวัยจริงๆ นอกจากนี้ยังฉลาดมาก ทำให้คนสงสัยว่าเขาอายุสิบขวบกว่าไม่ใช่อายุเพียงแค่สองขวบหรือเปล่า
“คุณย่า ผมจะดูแลคุณย่าให้ดีครับ”เนี่ยนโม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าเด็กคนนี้”
ฝู้เฟิ่งหยีพูดอะไรไม่ออก
ประตูเปิดออก คุณหมอคนหนึ่งเดินออกมา
“คุณหมอคะ ลูกของฉันเป็นอย่างไรบ้าง?”
มองเห็นทุกคนดูวิตกกังวล คุณหมอตอบอย่างจริงใจ:“ยังโชคดีที่พาเด็กมาส่งทัน ระหว่างทางมีคนช่วยเขาลดไข้ ไม่อย่างนั้นสมองของเด็กจะได้รับอันตราย”
ประโยคนี้ทำให้คนทั้งแปลกใจและดีใจ ดูเหมือนเด็กจะปลอดภัยแล้ว
“ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ” ไห่ฉิงฉิงกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา เธอไม่กล้าคิด ถ้าลูกเป็นอะไรไป ไห่ฉิงฉิงเชื่อว่าเธอคงเป็นบ้า
“ไม่ต้องขอบคุณผม พวกคุณทำได้ดีแล้ว ถ้าไม่มีความพยายามของพวกคุณ อาการของเด็กจะยิ่งหนักกว่านี้เยอะ”คุณหมอเหลือบมองไห่ฉิงฉิง หรือว่ามีผู้เชี่ยวชาญอยู่ในคนทั่วไปจริงๆ?หากเด็กไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญเกรงว่าพวกเขาจะรักษายากมาก
ไห่ฉิงฉิงงงงวย ไม่รู้ว่าควรจะพูดต่ออย่างไร
“ชีหรั่น ขอบคุณนะ”โม่เสี่ยวจุนนึกถึงเซี่ยชีหรั่นที่ช่วยนวดลดไข้ให้ลูกของเขาระหว่างทาง ถ้าไม่ใช่ชีหรั่น โม่เสี่ยวจุนไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับไห่ฉิงฉิงอย่างไร
“พี่ ทำไมยังจะต้องเกรงใจฉันอีก?”เซี่ยชีหรั่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม เธอกับโม่เสี่ยวจุนรู้จักกันตั้งแต่เด็ก เรื่องของเขาก็คือเรื่องของเธอ
“ที่แท้ก็คือคุณนั่นเอง มองไม่ออกเลยว่าอายุน้อยขนาดนี้จะมีความสามารถเช่นนี้”
คุณหมอกล่าวชมเชย เขายังนึกไม่ถึงว่าจะเป็นหญิงสาวคนนี้จริงๆ
“ฉันมีลูก แต่ก่อนไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ คุณหมอเป็นคนบอกฉัน ถ้าช้ากว่านี้อาจจะรักษาลูกไว้ไม่ได้ หมอคนนั้นบอกฉันว่า ลูกของฉันสุขภาพไม่ดี จึงให้ฉันเรียนแพทย์แผนจีน การแพทย์จีนโบราณมีความกว้างขวางและลึกซึ้ง”จนถึงวันนี้เซี่ยชีหรั่นยังคงจำคำพูดของคุณหมอคนนั้นได้ดี เขาเป็นชาวฝรั่งเศสเชื้อชาติจีนอายุ 60 ปี อาจจะเพื่อเพื่อนร่วมชาติ ดังนั้นเขาจึงแนะนำให้เซี่ยชีหรั่นไปศึกษา คนเชื้อสายจีนผู้นั้นยังเป็นแพทย์แผนจีนที่เก่งมาก เซี่ยชีหรั่นได้เรียนรู้เทคนิคจากเขา
“ชีหรั่น ขอบคุณนะ”
ฝู้เฟิ่งหยีขอบคุณเซี่ยชีหรั่นเป็นครั้งที่สอง ไม่รู้ว่าขอบคุณที่เซี่ยชีหรั่นช่วยดูแลเนี่ยนโม่ หรือขอบคุณที่เซี่ยชีหรั่นช่วยดูแลชูหวิน
“ชีหรั่น ขอบคุณนะ”ไห่ฉิงฉิงมองเซี่ยชีหรั่นด้วยความจริงใจ เธอไม่ค่อยชอบเซี่ยชีหรั่นมาตลอด ถึงแม้จะบอกว่ารักอะไรก็รักตาม ในเมื่อในใจของโม่เสี่ยวจุนมีเซี่ยชีหรั่น ไห่ฉิงฉิงไม่ใช่ผู้หญิงโบราณ ที่สามารถยิ้มได้เมื่อสามีของตัวเองมีบ้านเล็กบ้านน้อย แต่ในตอนนี้เธอรู้สึกซาบซึ้งต่อเธอจริงๆ ถ้าไม่ใช่เธอไห่ฉิงฉิงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
“เอาล่ะไม่ต้องพูดแล้ว พี่สะใภ้ ชูหวินกับเนี่ยนโม่ก็เหมือนกัน”
“โอเค ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปเถอะ ฉิงฉิงกับฉันจะอยู่ดูแลลูกที่นี่”ไห่ลี่หมินนึกถึงวันเกิดของฝู้เฟิ่งหยีในวันนี้
“เด็กพ้นขีดอันตราย ฉันจะกลับไปดูแขกเหล่านั้นก่อนนะ”เย่เชินหลินคิดว่าทุกคนในครอบครัวต่างมาที่นี่ เขาต้องกลับไปดู
แต่ทว่าเย่เชินหลินไม่ได้คิดถึงแขกในงานเหล่านั้น เขาขอให้พ่อบ้านไปรับแขก หลินต้าฮุยก็ตามไปช่วย เซี่ยอี้ชิงก็อยู่ในงาน เย่เชินหลินสามารถปรากฏตัวที่โรงพยาบาลทำให้เขานึกถึงที่เนี่ยนโม่พูดว่าต่อจากนี้จะดูแลสวีเห้าเซิงในดี นี่เป็นลางที่ไม่ดี
เย่เชินหลินกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่คนเดียว มองเห็นจางชิงอยู่ไกลๆ
“คุณเย่” จางชิงเป็นเพียงแค่คนรับใช้ จะตามพวกเขาไปโรงพยาบาลได้อย่างไร:“ชูหวินเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
หยุดไปหลายนาทีจางชิงยังคงถามออกมาอีก เธอก็เพียงเป็นห่วงคนรอบข้างของเย่เชินหลิน นี่อาจเรียกได้ว่าเขารักอะไรก็รักตาม
“ปลอดภัยแล้ว”
เย่เชินหลินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง เขาไม่มีจางชิงอยู่ในสายตา
มองดูร่างสูงใหญ่ของเย่เชินหลิน จางชิงหัวเราะด้วยความปวดร้าว ด้วยเสียงเบามาก เย่เชินหลินจึงไม่ได้ยิน
ผู้หญิงคนนั้นพูดถูก ตราบใดที่มีที่ของเซี่ยชีหรั่น แสงสว่างของคนอื่นจะถูกบดบัง ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าอย่างไรคุณเย่ก็ยังมีเธอในสายตา ถึงแม้จะมองเห็นเป็นคนอื่นก็ตาม จางชิงก็พอใจแล้ว ตอนนี้ล่ะ?สายตาของคุณเย่มีแต่เซี่ยชีหรั่น เธอรู้สึกอิจฉาหล่อน อิจฉามาก
ในใจเย่เชินหลินเอาแต่คิดว่าทำอย่างไรเซี่ยชีหรั่นกับเนี่ยนโม่ถึงจะไม่กลับไปปารีส เขาจะมีกะจิตกะใจไปสนเรื่องอื่นได้ที่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือตระกูลเย่ เขาไม่ได้ระวังตัวจากภายนอก

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset