สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1082 สาวใช้ตัวแสบ 986

ตอนที่ 1082 สาวใช้ตัวแสบ 986
“ขอแค่พี่สวีต้องการ”
เขาดูแลเธอและเนี่ยนโม่มาโดยตลอด แล้วจะปฏิเสธเรื่องการทำอาหารแค่นี้ได้อย่างไร?
“พวกคุณคุยเรื่องอะไรกันอยู่?” หลินเจี๋ยรู้สึกสับสนและสีหน้าทำตัวไม่ถูกเมื่อครู่นี้ก็เริ่มดีขึ้น
“หลินเจี๋ย วันนี้จะให้คุณลองชิมฝีมือของเสี่ยวอ้ายดู” สวีเห้าเซิงยิ้มพูด “ถ้าคุณได้ลองชิมสักครั้งรับรองคุณจะรู้ว่าฝีมือของเธอไม่เลวไปกว่าแม่ครัวของเรา”
หลินเจี๋ยเป็นคนให้ความสำคัญกับอาหารการกินมาก แต่เมื่อได้ยินสวีเห้าเซิงพูดแบบนี้ หนอนโลภในท้องของเขาก็เหมือนถูกกระตุ้น
“งั้นต้องขอขอบคุณพี่สวีที่ให้โอกาสผมได้ชิมฝีมือคุณเซี่ยแล้วล่ะ”
หลินเจี๋ยไหลตามน้ำได้อย่างธรรมชาติมาก
“ไม่มีปัญหาค่ะ แล้วที่บ้านมีวัตถุดิบอะไรบ้างล่ะ?” เซี่ยชีหรั่นยินดีมาก เพราะฝีมือของเธอไม่ใช่อย่างที่เคยเป็นแล้ว
“น่าจะมีหลายอย่างนะ” หลินเจี๋ยพูดอย่างไม่มั่นใจ
เพราะคุณป้าเป็นคนซื้อวัตถุดิบทุกอย่างในบ้าน และอีกอย่างเขาไม่ได้เข้ามาที่นี่ทุกวันด้วย
สวีเห้าเซิงยิ้ม ดูเหมือนว่าผู้ชายทุกคนจะเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด หลังจากรู้จักเซี่ยชีหรั่นวัตถุดิบในบ้านของเขาเยอะขึ้น ที่สำคัญคือเขาอยากกินอาหารที่เซี่ยชีหรั่นทำ ในตอนแรกฝีมือของเธอไม่ได้ดีมากนัก เขาจึงไม่รู้สึกพิเศษอะไร แต่พักหลังฝีมือของเซี่ยชีหรั่นเริ่มพัฒนาขึ้น จนทำให้เขาไม่ชอบอาหารข้างนอกเลย
“ไป เราไปดูกันว่ามีผักอะไรบ้าง” เซี่ยชีหรั่นคิดเพียงว่าต้องทำอาหารให้สวีเห้าเซิงกิน จนลืมถามเขาว่าทำไมถึงเรียกเธอมาที่นี่
“ผมมีธุระต่อ พวกคุณสองคนไปกันก่อนนะ ผมต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อเขียนรายงานการวิจัยนี้ให้เสร็จก่อน” สวีเห้าเซิงอยากไปด้วย แต่เขายังมีงานในมืออีกมากมาย เพื่อจะให้ทันกินข้าวกับพวกเขา เขาจึงต้องเร่งงานให้เสร็จก่อน
“พี่สวี คุณไปทำงานก่อนเลย เดี๋ยวเราทำอาหารเสร็จแล้วค่อยเรียกคุณ” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างอ่อนโยน “ดูแลสุขภาพด้วยนะ”
เมื่อได้รับความห่วงใยจากเซี่ยชีหรั่นแล้วทำให้เขามีความสุขมากกว่าสิ่งอื่นใดและด้วยประโยคนี้ทำให้เขามีแรงจูงใจมากกว่าเดิม
“ไปกันเถอะ เห้าเซิงจะทำงานต่อแล้ว เราอย่ารบกวนเขาอีกเลย” หลินเจี๋ยมองทั้งสองที่เหมือนไม่เต็มใจที่จะห่างกัน เขาจึงพูดอย่างติดตลก “คนไม่รู้คงคิดว่าพวกคุณกำลังลาจากกันชั่วนิรันดร์แล้วล่ะ”
“พูดอะไรของคุณเนี่ย ไปกันเถอะ” เมื่อเซี่ยชีหรั่นนึกถึงการตายของเย่เฮ่าหรันแล้วเธอรู้สึกกลัวความตายมาก
สวีเห้าเซิงยืนมองเซี่ยชีหรั่นและหลินเจี๋ยเดินเข้าไปในห้องครัวด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ จากนั้นเขาค่อยเข้าไปในห้องทำงานที่หลินเจี๋ยให้เขา
หลินเจี๋ยเปิดประตูตู้แช่แข็งแล้วพูด “คุณต้องการอะไรเลือกเอาเลยนะ” เข้าไม่กล้าแม้แต่จะมองเข้าไป เพราะกลัวว่าเซี่ยชีหรั่นจะถามถึงวัตถุดิบอื่น ๆ
“คุณแน่ใจแล้วหรือว่าคุณเคยเข้ามาที่นี่?” เซี่ยชีหรั่นถามด้วยรอยยิ้ม วันนี้หลินเจี๋ยมีสีสันจริง ๆ
“เคยเข้ามาที่นี่……” หลินเจี๋ยพูดอย่างเหลือทน แต่เมื่อหันมองตู้เย็นที่ว่างเปล่านั้น เขากลับเบิกตากว้างแล้วพูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “มันก็แค่ผัก คุณต้องการอะไรเดี๋ยวผมไปซื้อให้ก็ได้”
เซี่ยชีหรั่นมองไปที่ท้องฟ้าและเห็นว่ายังไม่ได้มืดสนิท ถ้าปล่อยให้ผู้ชายคนนี้ไปเลือกซื้อผักคงไม่ใช่เรื่อง ช่างเถอะ เธอไปเองดีกว่า เผื่อจะได้ผักที่ต้องการและสดใหม่ด้วย
“เดี๋ยวฉันไปเองดีกว่า ให้เจ้าชายแบบคุณไปซื้อผักคงไม่ได้ผักกลับมาหรอก”
“ทำไมผมถึงไปซื้อไม่ได้ล่ะ?”
คำพูดของหลินเจี๋ยเริ่มขาดความมั่นใจ เพราะเขาเป็นคนชอบเที่ยวชอบดื่ม เรื่องแบบนี้จะถึงมือเขาได้อย่างไร?
“งั้นเราไปด้วยกัน อย่างน้อยก็ช่วยคุณถือของได้”
ลูกคนมีฐานะแบบนี้แค่อ้าปากก็มีอันจะกินแล้ว จะซื้อผักเป็นได้อย่างไร? แทนที่เธอไปซื้อเองจะดีกว่า
หลินเจี๋ยรู้ตัวว่าเขาซื้อผักไม่เป็นจริง ๆ และเซี่ยชีหรั่นก็ให้เกียรติเขาแล้ว ถ้าเขายังเถียงอยู่คงจะเป็นการอวดรู้อวดเห็น แล้วจะดื้นรั้นไปเพื่ออะไร?
บนรถของหลินเจี๋ยไม่เคยขาดผู้หญิงมาก่อน จึงมีนิตยสารแฟชั่นอยู่ในรถของเขาและลูกอมที่สาว ๆ ชอบก็ไม่เคยขาด
“คุณชอบดูพวกนี้เหรอ?” เซี่ยชีหรั่นมองไปที่นิตยสารและขนมต่าง ๆ เหล่านั้น โชคดีที่เธอไม่ได้ถามว่าเขาชอบกินลูกอมแบบนี้หรือ?
“ของคนอื่น ผมจะชอบดูได้ไง?” หลินเจี๋ยพูดด้วยสีหน้าโกรธแค้น ต่อไปผู้หญิงคนไหนกล้าทิ้งของที่น่าอับอายไว้บนรถเขาอีก เขาจะทิ้งพวกเธอตั้งแต่วันแรกเลย
“จริงเหมือนกัน นิตยสารแฟชั่นแบบนี้มีแต่สาว ๆ ที่อ่านกัน เรื่องกินเรื่องเที่ยว เสื้อผ้าอาหารที่พัก ข้อมูลครบถ้วนเลยล่ะ”
เซี่ยชีหรั่นจัดระเบียบประเภทนิตยสารทั้งหมดอย่างคร่าว ๆ เธอไม่รู้ว่าจะมีผู้หญิงสักที่คนที่เคยนั่งรถของคุณหลินคนนี้
เธอเปิดเจอหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า 《ELLE》 นี่มันนิตยสารแฟชั่นของฝรั่งเศสไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงอยู่ที่นี่ได้? นิตยสารนี้เป็นนิตยสารแฟชั่นรายสัปดาห์ของฝรั่งเศส แต่หน้าปกของนิตยสารฉบับนี้กลับกลายเป็นผลงาน ‘เจ็บปวด’ เซี่ยชีหรั่นจำได้ ครั้งสุดท้ายที่ตัวแทนบอกเธอว่า ‘เจ็บปวด’ จะขึ้นเป็นหน้าปกนิตยสารฉบับหนึ่ง แต่ที่ทำให้เซี่ยชีหรั่นไม่เข้าใจคือ 《ELLE》 ทำไมถึงเลือกหน้าปกที่เคยเห็นมีมาก่อนด้วย
เมื่อหลินเจี๋ยเห็นเซี่ยชีหรั่นเปิดอ่านหนังสือเหล่านั้น เขาอดไม่ได้ที่จะโยนมันลงถังขยะทั้งหมด เขาแอบมองเซี่ยชีหรั่นผ่านกระจกหลังเพื่ออยากรู้ว่าเธอกำลังคิดจะหัวเราะเยาะเขาใช่ไหม เผื่อเขาจะได้เตรียมตัวเตรียมใจทัน
เซี่ยชีหรั่นเห็นอะไรกันแน่ ทำไมทำสีหน้าเป็นแบบนี้ หลินเจี๋ยสงสัยมาก
เจ็บปวด ทุกครั้งที่เซี่ยชีหรั่นเห็นผลงานนี้หัวใจของเธอจะเต้นแรงขึ้น บางความเจ็บปวดไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่สามารถลืมมันไปได้จริง ๆ
บรรยากาศบนรถเงียบลง หลินเจี๋ยไม่พูดอะไร เซี่ยชีหรั่นก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน
“ถึงแล้ว” หลินเจี๋ยเห็นว่าเซี่ยชีหรั่นไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เขาจึงเตือนเธอ
“อ้อ โทษทีนะ ละเมอไปหน่อย”
เซี่ยชีหรั่นรู้สึกใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอเปิดประตูลงรถแล้วเดินตรงไปข้างหน้าโดยที่ลืมคุยกับหลินเจี๋ย
เมื่อหลินเจี๋ยมองสีหน้าของเซี่ยชีหรั่นแล้วยิ่งสงสัยว่าเธอเห็นอะไรในนิตยสารเหล่านั้น
《ELLE》 ปรากฏขึ้น ที่จริงไม่มีอะไรพิเศษ แต่แหวนบนหน้าปกทำให้รู้สึกเจ็บปวดใจ หรือว่าเซี่ยชีหรั่นไม่พอใจที่เห็นสิ่งนี้?
หลินเจี๋ยลองเปิดหนังสือดู รู้สึกประทับใจกับหมี่ลี่ที่กล่าวถึง แต่เห็นแค่ผลงานไม่เห็นผู้เขียน
เซี่ยชีหรั่นเดินเข้าห้างเหมือนคนไร้วิญญาณ ในหัวยังคงคิดแต่เรื่องเหล่านั้น
“ไปซื้อผักกันเถอะ ดูคุณสิ เหมือนคนไร้วิญญาณจริง ๆ คนไม่รู้คงคิดว่าคุณอกหักมาแน่เลย” หลินเจี๋ยพูดแซวเธอ ก่อนมาเซี่ยชีหรั่นยังอารมณ์ดี ๆ อยู่เลย หรือว่าเพราะความเจ็บปวดนั่นจริง ๆ?
เซี่ยชีหรั่นพยายามดึงสติกลับมา ตอนนี้อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย เธอจะให้คนอื่นเห็นด้านเปราะบางของเธอไม่ได้
เดินไปถึงโซนผักสด เซี่ยชีหรั่นค่อย ๆ ย่อตัวลงแล้วเริ่มเลือกวัตถุดิบที่ชอบ
“คุณชอบกินอะไร?”
แม้เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าหลินเจี๋ยชอบอะไร แต่เนื่องจากเธอต้องทำอาหารในบ้านตระกูลหลิน ดังนั้นเธอจึงต้องถามเจ้าของบ้านเพื่อเป็นการให้เกียรติ
“หือ?” หลินเจี๋ยคิดว่าเขาฟังผิด
“คุณชอบกินอะไร? ฉันจะได้เลือกถูก”
เซี่ยชีหรั่นถามด้วยความอดทนอีกครั้ง หรือว่าคุณหลินไม่มีอาหารที่ชอบ? เขาชอบรสชาติยอดนิยม? เซี่ยชีหรั่นคิดไปยิ้มไป
“ยิ้มอะไร ผมกำลังคิดว่าเห้าเซิงชอบกินอะไรอยู่”
หลินเจี๋ยหาเหตุผลที่ดีให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะเส็งเคร็งแค่ไหน แต่ขอให้เอาตัวรอดได้ก็พอ
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าพี่สวีชอบกินอะไร คุณเลือกของคุณก็พอ หรือว่าคุณบอกฉันว่าคุณอยากกินอะไร เดี๋ยวฉันเลือกให้เองก็ได้ แต่ฉันคิดว่าคุณเลือกเองจะดีกว่านะ ฉันจะได้ไม่ต้องถามคุณอีก” เซี่ยชีหรั่นไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าอันน่าอึดอัดใจของหลินเจี๋ย เธอยังเชื่อว่าหลินเจี๋ยกำลังคิดถึงอาหารจารโปรดของสวีเห้าเซิงอยู่
“มิน่าล่ะ คุณถึงรู้ว่าเห้าเซิงชอบกินอะไร”
หลินเจี๋ยไม่รู้ว่าคำพูดของเขาฟังดูแปลก ๆ แต่เซี่ยชีหรั่นไม่ได้คิดมาก ต่อให้คิดก็คงไปไม่ถึงไหน
“เอาเถอะ ถ้างั้นคุณไปเลือกผักมานะ กลับไปค่อยบอกฉันว่าคุณอยากกินแบบไหนก็แล้วกัน” เซี่ยชีหรั่นเริ่มรู้สึกหมดหนทางแล้ว นายน้อยคนนี้เอาใจยากจริง ๆ ไม่ต่างอะไรกับเย่เชินหลินในอดีตเลย
หลินเจี๋ยได้แต่พยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ไม่เคยมีใครจี้ถามเขาว่าชอบกินอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ปกติแล้วเขาจะเป็นฝ่ายถามมากกว่า เขาต้องถามพวกสาว ๆ ว่าพวกเธอชอบกินอะไรกันบ้าง เขาจะได้เอาใจถูก
หลินเจี๋ยรู้สึกสงสารตัวเอง เพราะนอกจากพี่สาวของเขาแล้ว เขาหาผู้หญิงที่จริงใจกับเขาไม่ได้เลย ไม่เคยมีใครถามเขาแบบนี้มาก่อนจริง ๆ
เนื่องจากไม่มีใครสนใจว่าเขาจะกินอะไร ดังนั้นหลินเจี๋ยก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบกินอาหารอะไร
“แล้วแต่ ผมยังไม่รู้ชอบกินอะไร”
คำว่าแล้วแต่ของหลินเจี๋ยคำเดียวทำให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกว่าเขาโดดเดี่ยวมาก คุณชายตระกูลหลินก็เหงาเป็นด้วยหรือ? หรือว่าเธอคิดมากไป! เธอต้องคิดมากไปแน่ ๆ เลย เซี่ยชีหรั่นพยายามปลอบใจตัวเอง
“เอาเถอะ ถ้าคุณไม่บอก ฉันก็ได้แต่ทำอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้วล่ะ วันไหนถ้าคุณมีอาหารที่อยากกินค่อยบอกฉันก็แล้วกัน ฉันจะทำให้คุณกินเอง” เซี่ยชีหรั่นยิ้มพูด เธอตั้งใจพูดลอย ๆ ตามมารยาทเท่านั้น ระดับคุณชายหลินแล้วคงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เซี่ยชีหรั่นมาทำอาหารให้เขากินหรอก
หลินเจี๋ยก็ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนั้นไหม หลังจากนั้นทั้งสองก็หัวเราะเมื่อคิดถึงประโยคนี้
“คุณมีอะไรที่ต้องกินเป็นประจำไหม?” เซี่ยชีหรั่นคิดว่าไหน ๆ ก็มาถึงห้างสรรพสินค้าแล้ว ซื้อของให้คุ้มก่อนกลับจะดีกว่า
“ผมไม่รู้” หลินเจี๋ยผงะไปครู่หนึ่ง เขาไม่รู้จะตอบยังไงจริง ๆ
“คุณชายหลิน ถ้าคุณไม่อยู่ด้วยที่นี่ ฉันคงคิดว่าคุณเป็นแค่อาการจริง ๆ แล้วล่ะ” เซี่ยชีหรั่นส่ายหัว แต่ก็ช่างเถอะ ถือซะว่าขอใช้ห้องครัวบ้านเขาก็แล้วกัน ซื้อของไปเก็บไว้ในบ้านเขาหน่อย เซี่ยชีหรั่นจึงยิ้มพูดต่อ “คุณชายหลิน ถ้างั้นฉันขอซื้อตามใจฉันแล้วนะ”
“แล้วแต่” หลินเจี๋ยขมวดคิ้ว
เซี่ยชีหรั่นยื่นของให้เขาแล้วเลือกของไปเรื่อย ๆ
หลินเจี๋ยถือของไว้ เป็นครั้งแรกในการช้อปปิ้งกับผู้หญิงที่เขารู้สึกว่าไม่ได้เหนื่อยมากและไม่ได้น่าเบื่ออะไรขนาดนั้น ดูเหมือนว่าเขากลับรู้สึกอบอุ่นและเป็นความอบอุ่นที่หลินเจี๋ยไม่เคยเจอมาก่อน
หลินเจี๋ยเดินตามเซี่ยชีหรั่นอย่างช้า ๆ
“คุณน้าครับ ช่วยหยิบของให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
เด็กน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหลินเจี๋ยแล้วชี้ไปที่ขนมแถวที่อยู่สูงกว่าเขาบนเคาน์เตอร์
เซี่ยชีหรั่นมองไปที่เคาน์เตอร์อย่างเงียบ ๆ เกิดอะไรขึ้นกับพนักงานจัดของในวันนี้ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นของที่ยอดนิยมแต่ถูกวางไว้บนเคาน์เตอร์ที่สูงขนาดนี้?
หลินเจี๋ยยังคงมองที่เซี่ยชีหรั่นโดยที่ไม่ทันสังเกตว่ามีคนยืนอยู่ข้างเขา

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset