สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1083 สาวใช้ตัวแสบ 987

ตอนที่ 1083 สาวใช้ตัวแสบ 987
“คุณชายหลิน คุณช่วยหน่อยได้ไหม”
เซี่ยชีหรั่นไม่ได้สูงเท่าหลินเจี๋ย เธอไม่สามารถหยิบของนั้นได้
“ช่วย?”
หลินเจี๋ยมองไปที่เซี่ยชีหรั่นอย่างสงสัย เธอขอให้เขาช่วย? ช่วยอะไร?
“คุณน้าครับ” ดูเหมือนเด็กน้อยคนนี้จะไม่พอใจกับการเฉยเมยของหลินเจี๋ย เขาจึงยื่นมือเล็ก ๆ อ้วน ๆ ของเขาออกมาดึงตัวหลินเจี๋ยไว้
“นายจะเอาอันนี้เหรอ?”
หลินเจี๋ยนั่งลงแล้วยิ้มถาม
หลังจากหลินเจี๋ยหยิบของให้เด็กน้อยคนนั้นแล้ว เด็กน้อยก็ได้ยิ้มพูด “คุณน้าครับ แฟนสาวคุณน้าสวยจังเลยครับ”
เซี่ยชีหรั่นตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอกับหลินเจี๋ย? แฟนสาว? เด็กคนนี้ทำไมแก่แดดจัง? ดูแล้วอายุประมาณสิบขวบแต่ทำไมแก่แดดจัง?
หลินเจี๋ยยิ้มโบกมือให้กับเด็กคนนั้นและไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ
“คุณทำไมไม่ปฏิเสธล่ะ?” เซี่ยชีหรั่นถามอย่างไม่เข้าใจ ทั้ง ๆ ที่ความสัมพันธ์พวกเขาไม่ได้เป็นอย่างที่พูด
หลินเจี๋ยไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่ปฏิเสธ แต่เขาไม่ได้ย้อนกลับไปที่คำถามของเซี่ยชีหรั่น เขาไม่ต้องการอธิบายและไม่อยากตอบคำถามเธอ หลินเจี๋ยถือของแล้วเดินออกจากห้างสรรพสินค้าราวกับว่าไม่มีใครมากับเขาด้วย ถึงเวลากินข้าวแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะตั้งหน้าตั้งตารออาหารมื้อนี้มาก
“ไปกันเถอะ ถ้ายังไม่ไปเดี๋ยวได้กินข้าวเย็นดึกแน่เลย” รอยยิ้มที่มุมปากของหลินเจี๋ยแสดงให้เห็นว่าเขาอารมณ์ดี
รถของเซี่ยชีหรั่นกับหลินเจี๋ยเพิ่งขับถึงหน้าบ้านหลินเจี๋ย โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
“ชีหรั่น วันนี้เธอจะเข้ามาไหม?”
หลี่เหอไท้กำลังเฝ้ามองเด็กทั้งสองที่กำลังเล่นอย่างสนุกสนาน เขารอคอยเซี่ยชีหรั่นกลับไปบ้านตระกูลหลี่ คุณแม่คงต้องหวังว่าจะได้เห็นชีหรั่นแน่นอน
“พี่เหอไท้ วันนี้หนูยังมีธุระอยู่ ยังไงก็ฝากพี่ดูแลเนี่ยนโม่หน่อยนะ ขอบคุณนะคะ” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างเกรงใจ เธอรับปากว่าจะทำอาหารที่นี่แล้วคงคืนคำไม่ได้ อีกอย่างพี่สวีดูแลเธอดีขนาดนี้
หลี่เหอไท้ได้แต่ฟังเสียงพูดของเซี่ยชีหรั่นอย่างเงียบ ๆ บางครั้งได้ฟังเสียงเธอแบบนี้ก็พอใจมากแล้ว
“พี่ชายคุณ? หลี่เหอไท้ให้คุณไปหาเขา?” หลินเจี๋ยถามอย่างไม่พอใจเล็กน้อย แต่โชคดีที่เธอปฏิเสธเขาไป เท่าที่รู้หลี่เหอไท้ก็มีความรู้สึกต่อเซี่ยชีหรั่นที่ไม่สามารถบอกใครได้ เมื่อคิดถึงจุดนี้ หลินเจี๋ยรู้สึกอึดอัดอย่างกะทันหัน เขาคงจะคิดแทนเห้าเซิงมากไป
เซี่ยชีหรั่นไม่ได้สนใจเสียงแปลก ๆ ของหลินเจี๋ย เธอเปิดประตูรถแล้วลงไปโดยที่ไม่หันมามอง
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินเจี๋ยถูกผู้หญิงดูถูก สุดบรรยายจริง ๆ เมื่อเขาคิดถึงผู้หญิงที่เคยติดเขาแล้ว เซี่ยชีหรั่นช่างไม่รู้จักคุณค่าของเขาเสียเลย
เซี่ยชีหรั่นไม่สนใจว่าหลินเจี๋ยจะทำอะไร เธอได้แต่เดินตรงเข้าไปเตรียมอาหารคนเดียว
“ก็งั้น ๆ” หลินเจี๋ยพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจ เป็นอาหารที่หอมน่ากินมาก แต่ไม่รู้ว่าเอ็นเส้นไหนทับเส้นหลินเจี๋ย เขาไม่ยอมชื่นชมฝีมือของเซี่ยชีหรั่น ดูเหมือนว่าเขามองเซี่ยชีหรั่นในวันนี้แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆ
“เสี่ยวอ้ายทำอาหารอร่อยมาก นายโชคดีแค่ไหนที่ได้กิน”
“จริงด้วย พี่สวี คุณจะไปชนบทด้วยไม่ใช่เหรอ? ได้รับการ์ดเชิญแล้วยัง?”
เซี่ยชีหรั่นนึกได้จึงลองถามดู เธอไม่รู้ว่าการ์ดเชิญของเธออยู่ไหน? หรือว่าจะลองโทรถามดู เซี่ยชีหรั่น สวีเห้าเซิงและหลินเจี๋ยกินมื้อเย็นอย่างมีความสุข แต่เย่เชินหลินรอเซี่ยชีหรั่นอยู่คนเดียวในบ้าน เขาดูเอกสารที่ถืออยู่ในมือสักพักแล้วมาดูโทรศัพท์มือถือ จากนั้นจ้องไปที่วิทยุสื่อสาร เขาหวังว่าพ่อบ้านจะนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้เขาเช่น “คุณเซี่ยมาแล้ว”
สิ่งที่ทำให้เขาผิดหวังคือไม่มีข่าวอะไรเลย
เวลาเช้าสิบโมงของวันที่สองเซี่ยชีหรั่นถึงปรากฏตัว
“คุณไปไหนมา? ทำไมถึงเพิ่งมา?” เย่เชินหลินจี้ถามเซี่ยชีหรั่นเหมือนผู้หญิงคนหนึ่งโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าอันน่าสงสารมากแค่ไหน เขามองจนเซี่ยชีหรั่นทำตัวไม่ถูก นี่เป็นครั้งแรกที่เย่เชินหลินแสดงท่าทางหวาดกลัวขนาดนี้
จริงอยู่ที่เย่เชินหลินกังวล เขาไม่อยากเจอสามปีที่เจ็บปวดนั้นอีก เพราะมันมากเกินกว่าจะทนรับได้จริง ๆ
“ฉันโทรถามแล้วว่าการ์ดเชิญของฉันอยู่ที่คุณ เอาให้ฉันหน่อยสิ พรุ่งนี้ต้องไปแล้ว” เซี่ยชีหรั่นไม่ได้ตอบคำถามของเย่เชินหลิน เธอรู้ดีว่าควรเว้นระยะห่างจากเย่เชินหลิน เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอไม่เหลือเยื่อใยต่อเย่เชินหลินแล้ว แค่ตอนนี้เซี่ยชีหรั่นไม่อยากคิดเรื่องความรักอีกแล้ว
“คุณตอบผมก่อน”
เย่เชินหลินพูดเสียงแข็ง เซี่ยชีหรั่นยิ่งเงียบเท่าไหร่เขาก็ยิ่งลุกลี้ลุกลนเท่านั้น เขามักจะรู้สึกว่าไม่สามารถจับทางเซี่ยชีหรั่นได้อีก
“ฉันจะไปหาเนี่ยนโม่”
เซี่ยชีหรั่นพูดจบก็เดินออกไปทันที เธอไม่ใช่เซี่ยชีหรั่นคนก่อนที่เป็นของตายของเย่เชินหลินอีก นับจากนี้ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป ทั้งสองต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน วันนี้เซี่ยชีหรั่นค่อนข้างยุ่ง เธอไม่มีเวลามาคุยกับเย่เชินหลินมากกว่านี้
“หยุดนะ” เย่เชินหลินตะคอกด้วยความโมโห “ไปเอาการ์ดเชิญกับพ่อบ้าน ตอนบ่ายเราไปด้วยกัน ให้เนี่ยนโม่อยู่กับแม่ไปก่อน” เย่เชินหลินไตร่ตรองครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็พยายามสงบสติลง
ภายใต้สายตาของเย่เชินหลิน เซี่ยชีหรั่นเลือกที่จะไปหาพ่อบ้าน เพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน เธอยอมถอยหนึ่งก้าวเพื่อให้ทุกอย่างดีขึ้น
“ฉันจะบอกพี่สวีว่าให้ไปเจอกันที่องค์กรมูลนิธินะ”
เซี่ยชีหรั่นรู้ว่าคงต้องไปพร้อมกับเย่เชินหลิน เธอทำได้แค่ถามสวีเห้าเซิงว่าจะไปด้วยกันไหม
“ผมจะบอกเขาเอง คุณขึ้นรถไปก่อน”
เย่เชินหลินพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง จะปล่อยให้เซี่ยชีหรั่นไปบอกสวีเห้าเซิงหรือ เย่เชินหลินคงไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอก เขาสามารถมองออกว่าสวีเห้าเซิงนั้นคิดไม่ซื่อกับเซี่ยชีหรั่น เย่เชินหลินไม่ได้มองผิดจริง ๆ ระหว่างสวีเห้าเซิงกับเซี่ยชีหรั่นนั้นคุยถึงขั้นจะแต่งงานกันแล้ว เพียงแต่สวีเห้าเซิงไม่ได้เอ่ยถึงหลังกลับประเทศ เซี่ยชีหรั่นก็ไม่ว่างที่จะไปคิดเรื่องนั้น
แต่ว่าไปก็ไม่ได้รู้เรื่องของพวกเขาเท่าไหร่หรอก
เซี่ยชีหรั่นมองดูเวลา ตอนนี้ทำได้เพียงเท่านี้ เธอจึงได้แต่เดินตามเย่เชินหลินออกจากห้องไปอย่างไม่สบอารมณ์
“กินข้าวก่อน” เย่เชินหลินพาเซี่ยชีหรั่นเข้าไปในห้องอาหารและไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมแม้แต่คำเดียว เซี่ยชีหรั่นไม่รู้ว่าจะได้ไปกี่โมง ดูเหมือนว่าเธอควรกินข้าวก่อน เพราะตอนนี้เวลาก็ถือว่ายังเช้าอยู่
ยังไม่ทันกินข้าวเสร็จสวีเห้าเซิงก็ได้โทรหาเธอ
“เสี่ยวอ้าย คุณอยู่ไหนเหรอ ทำไมไม่เห็นคุณแต่เช้าเลย ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ คุณยังจะไปเอาการ์ดเชิญที่บ้านตระกูลเย่อีกเหรอ” เสียงกังวลของสวีเห้าเซิงทำให้เซี่ยชีหรั่นตกใจ ทำไมเธอถึงลืมบอกพี่สวีว่าจะมาเอาการ์ดเชิญ มันไม่ควรเลยจริง ๆ
“ขอโทษทีนะพี่สวี ตอนนี้ฉันอยู่บ้านตระกูลเย่แล้ว ฉันได้การ์ดเชิญแล้วนะ คุณมากับคุณชายหลิน เดี๋ยวฉันจะไปกับเย่เชินหลินนะ” เมื่อเซี่ยชีหรั่นพูดชื่อเย่เชินหลินคล่องปากขึ้น สีหน้าของเย่เชินหลินก็เคร่งเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกัน เซี่ยชีหรั่นคุณจะคุยกับผู้ชายคนอื่นผมไม่ว่า แต่คุณอ่อนโยนกับเขาขนาดนี้และยังเรียกชื่อเต็มของผมด้วย
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสายนะ” เซี่ยชีหรั่นไม่ได้สังเกตถึงความผิดปกติของเย่เชินหลิน
เมื่อไปถึงก็เห็นหลินเจี๋ยยืนอยู่ในตำแหน่งที่เด่นชัดที่สุด มองแค่แวบเดียวก็สามารถเห็นพวกเขา ทั้งสองทั้งหล่อเหลาทั้งแต่งตัวดี ทำให้คนมองแล้วรู้สึกสบายตา
ซือซือรู้ว่าหลินเจี๋ยจะไปด้วย เธอจึงขอติดตามเขาไป เธออ้างว่าจะไปเปิดหูเปิดตา แต่เรื่องเปิดหูเปิดตานั้นเป็นเรื่องเท็จ ส่วนเรื่องจะใช้โอกาสเพื่อจัดการกับเซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินนั้นเป็นจริง ซือซือเริ่มคิดแผนการในใจหลังจากที่รู้ว่าเซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินจะไปด้วย ขอเพียงพวกเขาไป เธอก็จะหาโอกาสแก้แค้นให้ได้
เซี่ยชีหรั่นนั่งลงก็เริ่มมองคนรอบข้าง สวีเห้าเซิงนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ เย่เชินหลินนั่งอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ส่วนหลินเจี๋ยมีชีวิตชีวาที่สุด เขาพูดคุยกับสาวสวยอย่างไม่หยุด เสียงพูดไม่ได้ดังมากแต่ก็ไม่ได้เบาจนไม่ได้ยิน อย่างไรก็ตามเซี่ยชีหรั่นได้ยินทุกประโยคของเขาอย่างชัดเจน วันนี้ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมาแปลก? เซี่ยชีหรั่นไม่เข้าใจ สวีเห้าเซิงก็ไม่รู้เช่นกัน
หลินเจี๋ยพูดคุยกับสาวสวย เขาเป็นคนพูดเก่งและคารมดีมาก จึงทำให้สาว ๆ ล้อมรอบเขากับสวีเห้าเซิง เสียงพูดคุยซุบซิบ เซี่ยชีหรั่นได้แต่ขมวดคิ้วอย่างเงียบ ๆ ทำไมเธอต้องมาอยู่กับหลินเจี๋ยด้วย? ตอนนี้เซี่ยชีหรั่นไม่อยากอยู่ในรถคันเดียวกับหลินเจี๋ยอย่างเหลือทนแล้ว เพราะเห็นผู้หญิงที่เหมือนหมาป่าและเสือที่หิวโหยเหล่านั้น เซี่ยชีหรั่นรู้สึกผิดคาดจริง ๆ ดูเหมือนว่าหลินเจี๋ยจะเป็นเพลย์บอยอย่างที่รู้กันจริง ๆ ส่วนผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้คุยกับหลินเจี๋ยก็ได้แต่แอบมองมาที่เย่เชินหลิน เย่เชินหลินก็เหมือนตกเป็นเหยื่อทางสายตาของสาว ๆ เหล่านั้น แต่เขาไม่ได้สนใจสายตาที่จับจ้องมาที่เขา สีหน้าเขาซับซ้อนมาก ผู้หญิงของเขาได้แต่มองที่หลินเจี๋ยไม่มองเขาเลย เย่เชินหลินรู้สึกได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างหนัก
เซี่ยชีหรั่นได้แต่มองสาว ๆ ที่ล้อมรอบหลินเจี๋ยโดยที่ไม่ได้สนใจสายตาของเย่เชินหลินที่มองมาที่เธอเลย เธอส่ายหัวแล้วคิดในใจว่าคุณชายหลินคนนี้ออกงานทีไรจำเป็นต้องยุ่งยากขนาดนี้เลยหรือ?
ไม่มีใครคิดจะถามคำถามนี้ เซี่ยชีหรั่นก็ไม่คิดจะถามหลินเจี๋ยเหมือนกัน ใครจะรู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะพูดอะไรที่ฟังไม่ขึ้นหรือเปล่า
ณ เวลาบ่ายสามโมง ในที่สุดก็ได้ถึงที่หมายกันแล้ว
เซี่ยชีหรั่นลงจากรถในขณะที่ยังขมวดคิ้วอยู่ นี่คือที่ไหน?
คนอื่น ๆ หลังลงจากรถแล้วเห็นสถานที่รกร้างตรงหน้าแห่งนี้ก็แปลกใจเหมือนกัน ที่นี่ห่างไกลความเจริญเกินไป พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ
คนในหมู่บ้านต่างกอดคออย่างสงสัยเมื่อเห็นคนนอกเข้ามา พวกเขาเป็นใครกัน
เซี่ยชีหรั่นมองดวงตาที่อยากรู้อยากเห็นเหล่านั้นแล้วรู้สึกเห็นใจมาก เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้วความยากลำบากของเธอเทียบอะไรไม่ได้กับพวกเขาเลย เธอตัดสินใจว่าหลังจากกลับไปครั้งนี้เธอจะก่อตั้งมูลนิธิขึ้นมามูลนิธิหนึ่ง ซึ่งจะเรียกว่ามูลนิธิหมี่ลี่ เธอตั้งใจจะช่วยเหลือเด็กยากจนที่ขาดโอกาสในการศึกษาเหล่านี้ เซี่ยชีหรั่นยังตั้งใจจะสร้างโรงเรียนให้ที่นี่อีกด้วย เธอจะกลับไปสรุปสถานการณ์ที่นี่กับตัวแทนเศรษฐกิจของเธอ
เย่เชินหลินสังเกตสีหน้าของเซี่ยชีหรั่นตลอด เขารู้ว่าเธอกำลังเป็นห่วงคนเหล่านี้ ดูเหมือนว่ากลับไปครั้งนี้เขาก็ต้องทำอะไรบางอย่างแล้ว ไม่ใช่แค่ทำเพื่อเซี่ยชีหรั่นแต่จะทำเพื่อคนไร้โอกาสที่นี่ด้วย
องค์กรมูลนิธิส่งตัวแทนพาพวกเขามาที่นี่ เพื่อให้พวกเขาเห็นกับตาว่าเงินที่ได้รับการบริจาคจากพวกเขานั้นได้ถูกนำไปใช้จริง ๆ และใช้อย่างมีคุณค่าที่สุด
ผู้นำครั้งนี้เป็นชายอายุราวสามสิบปี ทุกคนเรียกเขาว่าเสี่ยวจาง ใบหน้าของเสี่ยวจางยังคงยิ้มตลอดเวลา เขาพูดคุยกับผู้คนมาตลอดการเดินทาง ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนเฟรนลี่มาก ถ้าเปรียบเทียบกับหลินเจี๋ยบนรถเป็นทิวทัศน์บนภูเขาสูง เขาก็คือทิวทัศน์ทะเลที่สวยงามนี่เอง
นอกจากนี้ยังมีผู้หญิงคนหนึ่งในวัยยี่สิบ เธอเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาดี เธอแนะนำตัวและให้ทุกคนเรียกเธอว่าเสี่ยวฉู่ รวมตัวแทนจากองค์กรมูลนิธิทั้งหมดจะมีสี่คน
“ด้านหน้าไม่มีทางถนนแล้ว พวกเราคงต้องเดินเท้าอย่างเดียวแล้วครับ” เสี่ยวจางพูดด้วยความเห็นใจอย่างสุดซึ้ง

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset