สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1084 สาวใช้ตัวแสบ 988

ตอนที่ 1084 สาวใช้ตัวแสบ 988
ที่นี่ยังไม่ใช่ปลายทาง ไม่มีถนน ไม่มีทางไปแล้ว ที่นี่จะยากจนขนาดไหนกันแน่? ทุกคนได้ยินคำพูดของเสี่ยวจางต่างก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ผู้คนมากมายที่มาหลายคนยังไม่รู้จักเซี่ยชีหรั่น
หลังจากได้ยินเสี่ยวจางพูดทุกคนก็พยักหน้าตอบแล้วไม่มีใครพูดต่อ
หลังลงจากรถหลินเจี๋ยยังไม่ได้พูดสักคำ เขายืนอยู่ข้าง ๆ สวีเห้าเซิงแล้วมองดูผู้คนที่เดินผ่านไปมา ตอนนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยว ผู้คนในพื้นที่กำลังยุ่งกับการเก็บเกี่ยวพืชผล ซือซือจูงมือหลินเจี๋ยไม่ยอมปล่อย สีหน้าของเธอเคร่งเครียดมาก ที่นี่ที่ไหนกันแน่ ทำไมถึงกันดารขนาดนี้ เธอไม่กล้ามาอีกแล้ว ยังต้องเดินเท้าอีก เธอใส่รองเท้าส้นสูงเดินถึงตอนนี้ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว
“ฉันเดินต่อไม่ไหวแล้ว” ซือซือจูงมือหลินเจี๋ยไว้แล้วพูดอย่างน่าสงสาร สายตาของเธอเหลือบมองไปที่เซี่ยชีหรั่น ทำไมเธอถึงใส่รองเท้าผ้าใบ? ปกติแล้วซือซือมักจะสวมรองเท้าส้นสูงตลอด แต่เมื่อเห็นรองเท้าผ้าใบของเซี่ยชีหรั่นแล้วเธออดไม่ได้ที่จะให้รองเท้าของเธอสูงขึ้นสิบเซนติเมตรจริง ๆ
เสียงพูดของเธอไม่ได้ดังมากนัก แต่เนื่องจากทั้งทีมไม่มีใครพูดอะไร เสี่ยวจางจึงได้ยินเสียงพูดของซือซือ ผู้หญิงคนอื่น ๆ ในทีมต่างก็พยักหน้าส่งสัญญาณว่าเดินต่อไม่ไหวแล้ว หวังว่าจะได้พักผ่อนกันก่อน
“เป็นไงบ้าง?” เย่เชินหลินหันกลับไปถามเซี่ยชีหรั่น เพราะผู้หญิงหลาย ๆ คนเริ่มเดินไม่ไหวกันแล้ว เขาคิดว่ายัยตัวเล็กของเขาก็คงเหนื่อยแล้วเหมือนกัน เขาจึงฉวยโอกาสนี้เพื่อแสดงความใส่ใจต่อเธอ
“ไม่เป็นไร ฉันยังเดินไหว” จู่ ๆ เซี่ยชีหรั่นก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมา เย่เชินหลินยังจำเธอได้หรือ เพราะเย่เชินหลินสีหน้าบูดบึ้งตั้งแต่ลงจากรถ เซี่ยชีหรั่นคิดว่าเขาคงไม่ได้ใส่ใจทุกความเคลื่อนไหวของเธอแล้ว
“ถ้าเธอไม่ไหวเดี๋ยวผมแบกคุณได้นะ?” เย่เชินหลินพูดความตั้งใจของเขา
เซี่ยชีหรั่นมองไปที่เย่เชินหลินแล้วส่ายหัว เขาเดินมาถึงที่นี่ก็คงเหนื่อยน่าดูแล้ว เซี่ยชีหรั่นคงปล่อยให้เย่เชินหลินแบกเธออีกไม่ได้
สวีเห้าเซิงก็สังเกตเซี่ยชีหรั่นอยู่เหมือนกัน เขาเห็นเย่เชินหลินคุยกับเธอ จึงไม่สะดวกที่จะเข้ามาแทรก
เพราะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิง หลาย ๆ คนอยากเดินให้ถึงที่หมายก่อนค่อยพัก แต่มีบางส่วนอยากหาที่หยุดพักกันก่อนค่อยเดินต่อ แบบนี้คงทำให้ทีมต้องแตกแยกกัน เสี่ยวจางกับเสี่ยวฉู่และผู้นำอีกสองคนจึงรีบปรึกษากันเพื่อแยกกันเดิน
ถ้าเซี่ยชีหรั่นต้องการจะเดินต่อ เย่เชินหลินก็คงต้องตามเธอไปอย่างแน่นอน
ซือซือมองไปที่ปากอันภาคภูมิใจของเซี่ยชีหรั่นแล้วรู้สึกไม่พอใจมาก เธออยากเดินต่อแต่เดินไม่ไหว เธอทำได้เพียงรอคนกลุ่มต่อไป คุณชายหลินเป็นคนพาซือซือมาด้วย เขาจึงทิ้งเธอไว้คนเดียวไม่ได้ ถ้าเขาอยู่ต่อ สวีเห้าเซิงก็คงต้องอยู่ต่อด้วย ดังนั้นเขาจึงทำให้สวีเห้าเซิงกับเซี่ยชีหรั่นต้องแยกจากกัน
เมื่อเห็นเซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินเดินจากไป สวีเห้าเซิงรู้สึกอึดอัดใจมาก ชีหรั่นเคยตกลงจะแต่งงานกับเขาและในสายตาของเขาเซี่ยชีหรั่นนั้นได้กลายเป็นภรรยาเขาแล้ว เย่เชินหลินสำหรับเขานั้นเป็นแค่มือที่สามเท่านั้น สวีเห้าเซิงรู้ดีว่าในใจของเซี่ยชีหรั่นยังมีเงาของเย่เชินหลินอยู่ ซึ่งเขาเข้าใจดีว่าจะปล่อยให้เซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินอยู่ด้วยกันสองต่อสองไม่ได้ เพราะถ่านไฟเก่าอาจจะร้อนขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ตอนนี้เขาทำได้เพียงมองเท่านั้น
ก่อนจากไปเย่เชินหลินยังหันไปมองสวีเห้าเซิง เขาอยากขอบคุณหลินเจี๋ยมากที่พาผู้หญิงที่ชื่อซือซือคนนี้มาด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอสวีเห้าเซิงกับเซี่ยชีหรั่นคงไม่ได้แยกออกจากกัน และเขาก็คงไม่มีโอกาสได้อยู่กับเซี่ยชีหรั่นสองต่อสอง ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเซี่ยชีหรั่นถือว่ายังไม่มั่นคงสักเท่าไหร่ ดังนั้นการที่ได้อยู่ด้วยกันกับเธอแบบนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา
เมื่อมองไปที่ซือซือ แล้วเย่เชินหลินรู้สึกว่าเธอคุ้นเคยมาก แต่ครั้งนี้ที่หันมองไปเขาได้เห็นแววตาที่เกลียดชังของซือซืออย่างไม่ตั้งใจ
เกลียด? เธอเกลียดชีหรั่นหรือว่าเกลียดเขา? หรือว่าเกลียดทั้งสองเลย เย่เชินหลินสีหน้าเคร่งขรึม เขาหรี่ตาลงและคิดว่ากลับไปคงต้องสืบประวัติคนที่ชื่อซือซือคนนี้ให้ละเอียด เพราะเย่เชินหลินไม่อยากให้ผู้หญิงของเขาต้องตกอยู่ในอันตรายอีก
เมื่อสบสายตาของเย่เชินหลินแล้วซือซือก็รีบหลบสายตาเขาทันที เธอแสร้งทำเป็นใสซื่อ แต่เย่เชินหลินเกิดความสงสัยในตัวเธอแล้ว ไม่ว่าซือซือจะแสร้งทำแค่ไหนเย่เชินหลินก็มองไม่เห็นความดีในสายตาของเธอ
“เห้าเซิง คุณจะเดินไปก่อนไหม?” หลินเจี๋ยเห็นถึงความกังวลนัยน์ตาของสวีเห้าเซิงแล้วคิดว่าเพื่อนของเขาคนนี้คงต้องเป็นห่วงเซี่ยชีหรั่นอย่างแน่นอน เป็นเพราะเขาสวีเห้าเซิงถึงต้องแยกออกจากเธอ
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวก็เจอกัน”
จริงเหมือนกัน ไม่ว่ายังไงเขากับเสี่ยวอ้ายก็ต้องเจอกันอยู่ดี สวีเห้าเซิงไม่รู้ว่าเขากำลังปลอบใจตัวเองอยู่หรือว่ากำลังหลอกตัวเองอยู่ ที่สำคัญตอนนี้เขารู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีมาก
“สู้ ๆ” หลินเจี๋ยตบไหล่สวีเห้าเซิงเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจเขา
ซือซือไม่ได้มองสวีเห้าเซิงเลย เพราะผู้ชายคนนี้ลืมเธอไปอย่างสนิทแล้ว ตอนนี้ในใจเธอคิดเพียงแต่เซี่ยชีหรั่นคนนี้ ในใจซือซือรู้สึกไม่มีความสมดุลมาก เธอไม่รู้ว่าเซี่ยชีหรั่นมีดีตรงไหน ถึงกับดึงดูดสายตาไปทีละคนแบบนี้
สวีเห้าเซิงจำซือซือไม่ได้เลย แม้ว่าซือซือจะแสดงความขุ่นเคืองต่อเขา แต่สวีเห้าเซิงก็ไม่ได้อะไรกับเธอ เมื่อเห็นหลินเจี๋ยอยู่ข้าง ๆ ซือซือจึงไม่กล้าแสดงทีท่าอะไรมากมาย สวีเห้าเซิงก็ไม่เคยสนใจเธอเหมือนกัน
เซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินถามทางกับทางทีมงานแล้วทั้งสองก็ค่อย ๆ เดินไปพักไป ทั้งสองยังมีโอกาสชื่นชมประเพณีพื้นบ้านที่เรียบง่ายเหล่านี้ไปพร้อมกันด้วย
บางทีสวรรค์อาจจะกำลังช่วยเย่เชินหลินอยู่ หรือบางทีสวรรค์เห็นว่าเซี่ยชีหรั่นราบรื่นเกินไปจึงต้องลงโทษเธอบ้างเล็กน้อย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็แสดงให้เห็นว่าเซี่ยชีหรั่นได้รับความเดือดร้อนอยู่คนเดียว
“เป็นไงบ้าง?” เย่เชินหลินขมวดคิ้วถาม ยัยตัวเล็กของเขาเดินเท้าบิด เธอสวมรองเท้าผ้าใบแบบนี้แล้วยังเดินผิดท่าได้ เขาไม่รู้จะบรรยายอย่างไรแล้วจริง ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขาเหมือนกัน เพราะเย่เชินหลินจะได้มีโอกาสแสดงความเป็นวีรบุรุษต่อเธอได้
“ไม่เป็นไรหรอก” เซี่ยชีหรั่นกัดฟันพูด วันนี้ก่อนออกจากบ้านเธอต้องลืมดูปฏิทินโหราศาสตร์แน่เลย ถึงได้ดวงซวยแบบนี้ เซี่ยชีหรั่นสัญญากับตัวเองว่าต่อไปเธอจะดูปฏิทินโหราศาสตร์ก่อนออกจากบ้านทุกวัน
เย่เชินหลินพยุงเซี่ยชีหรั่นเดินไปเพียงสองก้าว แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเธอแล้วเขาก็รู้สึกเจ็บแทน ทำไมยัยตัวเล็กของเขาถึงปากแข็งขนาดนี้นะ เย่เชินหลินนั่งลงตรงหน้าเซี่ยชีหรั่นแล้วส่งสัญญาณให้เธอขึ้นไปบนหลังเขา
เซี่ยชีหรั่นทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นเย่เชินหลินก้มลงต่อหน้า เขาคิดจะทำอะไร จะแบกฉันไปหรือ?
“ขึ้นมาสิ”
ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ มานานสักพักแล้ว เย่เชินหลินแสดงท่าทีแบบนี้คิดว่ายัยตัวเล็กของเขาคงต้องรู้สึกประหลาดใจแน่ สุดท้ายเซี่ยชีหรั่นเองก็รู้สึกเซอร์ไพรซ์เหมือนกัน
“ขึ้นมาสิ ผมแบกคุณไปเอง ระยะทางอีกไกลอยู่นะ”
เย่เชินหลินพยายามอธิบาย แต่น้ำเสียงของเขาค่อนข้างแข็งกระด้าง สิ่งที่เผยออกมาทั้งหมดนั้นคือความกังวลที่มีต่อเธอ
เซี่ยชีหรั่นปีนขึ้นหลังเย่เชินหลินด้วยรอยยิ้ม เวลานี้ในสายตาของเซี่ยชีหรั่นไม่มีใครอีกแล้วนอกจากเย่เชินหลินที่อยู่ตรงหน้า เธอยื่นมือออกไปกอดคอเขาไว้ แล้วพิงหลังอันกว้างใหญ่ที่แสนอบอุ่นนั้น เซี่ยชีหรั่นรู้สึกมีความสุขมาก
ทั้งสองแสดงความรักต่อกันโดยไม่สนใจใคร สวีเห้าเซิงและหลินเจี๋ยพาซือซือเลี้ยวออกมาพอดี ภาพของเซี่ยชีหรั่นกับเย่เชินหลินนี้ได้บันทึกเข้าไปในสมองของพวกเขาทั้งสามอย่างไม่ต้องสงสัย
ซือซือเบิกตากว้างด้วยใบหน้าอันบูดบึ้งทันที เธออดไม่ได้ที่จะเข้าไปกระชากเซี่ยชีหรั่นลงมา ทำไมนางถึงได้ดิบได้ดีแต่ฉันกลับต้องเดินเองแบบนี้ มันไม่ยุติธรรมเลย
หลินเจี๋ยมองเขาทั้งสองและรู้สึกไม่สบายใจมาก เขารู้สึกว่าไม่มีความยุติธรรมต่อสวีเห้าเซิงเลย
ส่วนสวีเห้าเซิงที่เห็นภาพนี้แล้วความเชื่อใจของเขาได้พังทลายลงทันที เขาต่างหากที่เป็นคนอยากเข้าไปแยกพวกเขาทั้งสองออกจากกันมากที่สุด รอยยิ้มบนใบหน้าของเซี่ยชีหรั่นได้ทิ่มแทงจิตใจของเขา จังหวะก้าวเดินที่เร่งเร็วมาตลอดของสวีเห้าเซิงได้หยุดลงทันที ตอนนี้เขาจะพูดอะไรได้หรือ?
หลินเจี๋ยรู้สึกอึดอัดใจมากจนไม่ทันสังเกตสีหน้าของสวีเห้าเซิง ส่วนซือซือได้แต่อิจฉาเซี่ยชีหรั่นและไม่มีเวลาไปสนใจคนอื่น
ทั้งสามที่มีความคิดที่แตกต่างกันต่างก็ไม่ได้สังเกตสีหน้าของซึ่งกันและกัน ข่าวที่แทบจะเอาชีวิตไม่รอดของเซี่ยชีหรั่นสวีเห้าเซิงได้ยินในอเมริกาเขาได้แต่โทษตัวเองในใจ ถ้าเขาใส่ใจให้มากกว่านี้ซือซือก็คงไม่มีโอกาส
หลังจากเดินไปครึ่งชั่วโมงเซี่ยชีหรั่นก็กระซิบพูด “คุณปล่อยฉันลงเถอะ คุณก็หยุดพักหน่อย”
เซี่ยชีหรั่นยังคงเป็นห่วงเย่เชินหลิน นี่แค่เดินไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเธอก็รู้สึกเป็นห่วงเขามากแล้ว เมื่อเย่เชินหลินได้ยินถ้อยคำห่วงใยของเธอแล้ว ต่อให้ต้องเดินสองชั่วโมงเขาก็ยินยอม
“ไม่เป็นไรหรอก ผมยังไม่เหนื่อย เราใกล้จะถึงแล้ว” เย่เชินหลินพยายามปลอบโยนเซี่ยชีหรั่น แต่ในใจเขาอยากเดินให้นานกว่านี้
เซี่ยชีหรั่นมองทิวทัศน์รอบ ๆ กับเส้นทางที่เสี่ยวจางได้บอกไว้ ดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่ได้เข้าใกล้ที่หมายเลย
“คุณพยุงให้ฉันเดินเองก็ได้” เซี่ยชีหรั่นเสนอความคิดเห็น เพราะเธอเกรงใจเย่เชินหลินที่ต้องแบกเธอเดินตลอดทาง เซี่ยชีหรั่นไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น มีแค่เธอกับเย่เชินหลิน เซี่ยชีหรั่นไม่คิดว่าหลินเจี๋ยกับสวีเห้าเซิงที่เดินอยู่ข้างหลังจะเห็นทุกอย่างนี้ได้อย่างชัดเจนแล้ว
“คุณเท้าแพลงนะ ถ้าเดินต่อคงต้องเจ็บขึ้นเรื่อย ๆ แน่”
เย่เชินหลินพูดอย่างจริงจัง
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะให้คุณแบกฉันแบบนี้ทั้งวันไม่ได้” เซี่ยชีหรั่นพูดด้วยความละอายใจ อีกอย่างตอนนี้อยู่ข้างนอก เดินอีกไม่ไกลคงเข้าไปในหมู่บ้านแล้ว เซี่ยชีหรั่นไม่อยากเป็นหมีแพนด้าตัวน่ารักของใคร
เย่เชินหลินอยากบอกเซี่ยชีหรั่นว่าเขาสามารถแบกเธอไปตลอดได้ เขาอยากแบกเธอไปตลอดเพื่อจะให้ผู้ชายคนอื่นไม่กล้ามายุ่งกับยัยตัวน้อยของเธออีก
เซี่ยชีหรั่นสังเกตเห็นเย่เชินหลินไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่าเจ้าชายใหญ่ของตระกูลเย่คนนี้เป็นอะไรไป
“ฉันกลัวคุณจะเหนื่อย”
เย่เชินหลินแบกเธอมานานพักหนึ่งแล้ว เห็นเงียบ ๆ แบบนี้เขาคงจะเหนื่อยแล้วล่ะ วันเวลาเปลี่ยนไปแต่เซี่ยชีหรั่นที่มีจิตใจอ่อนโยนคนนี้ยังคงเหมือนเดิม เธอคำนึงถึงผู้อื่นเสมอ
คำพูดนี้เป็นคำพูดที่ไพเราะที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย เย่เชินหลินรู้สึกดีมาก รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาบ่งบอกว่าเจ้านายคนนี้อารมณ์ดีมาก
“ผมไม่เหนื่อยหรอก คุณไม่ต้องห่วง” น้ำเสียงของเย่เชินหลินไม่ได้แข็งกระด้างอีกต่อไป
เซี่ยชีหรั่นพิงหลังของเย่เชินหลินอย่างเงียบ ๆ ความเงียบสงบในช่วงเวลานี้ทำให้ทั้งสองมีความสุขมาก
ซือซือจ้องไปที่สองคนนั้นอยู่ไม่ไกล ทุกครั้งที่สวีเห้าเซิงเงยหน้าขึ้นเขาก็จะเห็นสองคนที่กลมกลืนนั้นเหมือนกัน ตอนนี้หัวใจของเขาเจ็บปวดจนชาไปหมดแล้ว แค่เงยหน้าขึ้นก็จะเห็นภาพที่ไม่อยากเห็น สวีเห้าเซิงอยากหันหลังเดินกลับไป อย่างน้อยภาพที่จะเห็นก็ไม่ใช่ภาพที่น่าอิจฉาของเย่เชินหลินกับเซี่ยชีหรั่น
ซือซือรีบก้มหัวลงแล้วแกล้งทำเป็นมองถนนเมื่อเห็นว่าสวีเห้าเซิงกำลังจะหันหลัง สวีเห้าเซิงสังเกตซือซืออย่างละเอียดอีกครั้งก็เห็นว่าเธอยังมีท่าทีที่อ่อนโยนอยู่ เขาคิดว่าเขาต้องตาลายแน่เลย เสี่ยวอ้ายของเขาทำให้เขาสับสนไปหมดแล้ว
“ซือซือเป็นไงบ้าง?” สวีเห้าเซิงไม่ค่อยเอ่ยปากถามถึงผู้หญิงคนอื่น แม้ผู้หญิงข้างกายของหลินเจี๋ยจะมีมากมาย แต่เป็นเรื่องยากที่จะมีช่วงเวลานี้ สวีเห้าเซิงยังคิดว่าเขากับเธอคนนี้ยังมีความประทับใจที่ดีต่อกัน เขาจึงหาเรื่อยคุยกับซือซือเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตนเอง
“ก็โอเค”
เธอพยายามปกปิดความคิดในใจเธอสวีเห้าเซิง คุณอยากถามถึงเซี่ยชีหรั่นมากกว่าใช่ไหม แต่น่าเสียดายที่คุณไม่กล้าเดินเข้าไปถาม คิด ๆ แล้วซือซือรู้สึกย่ามใจมาก

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset