สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1086 สาวใช้ตัวแสบ 990

ตอนที่ 1086 สาวใช้ตัวแสบ 990
“แต่ผมง่วงมาก” ความเจ็บปวดที่ส่งมาจากมือของหลินเจี๋ยทำให้เขาตั้งสติได้ ดูเหมือนว่าเขาสามารถมองเห็นดวงตาของเซี่ยชีหรั่นได้ในความมืดนี้ เขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาเต็มไปด้วยความหวัง เขาอยากจะหัวเราะออกมา เซี่ยชีหรั่นคนนี้ทำไมเป็นห่วงเขามากกว่าคนใกล้ตัวของเขา
ฟังเสียงของหลินเจี๋ยเซี่ยชีหรั่นก็รู้ว่าเขาต้องเกิดจากการขาดน้ำหรือขาดอาหาร เซี่ยชีหรั่นเองก็รู้สึกหิวมาก เธอปากแห้ง เธอรู้อยู่ในใจว่าควรพูดให้น้อยลงในตอนนี้ แต่เซี่ยชีหรั่นไม่ไว้ใจหลินเจี๋ยในตอนนี้เลย เธอรู้ว่าหลินเจี๋ยที่เป็นลูกผู้หลักผู้ใหญ่คงไม่เคยลำบากแบบนี้มาก่อน
ตั้งแต่เกิดมาเซี่ยชีหรั่นก็ยังไม่เคยประสบกับแผ่นดินไหวแบบนี้มาก่อน เธอก็กลัวเหมือนกัน ในความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ ใครจะช่วยเธอได้? เนี่ยนโม่ แม่ขอโทษ
“ไม่ ฉันจะยอมแพ้ไม่ได้” เซี่ยชีหรั่นคิดถึงผู้หญิงรอบกายของเย่เชินหลิน ถ้าเธอตายไปสิทธิ์การเลี้ยงดูเนี่ยนโม่ต้องตกเป็นของเย่เชินหลินอย่างแน่นอน เพราะผู้หญิงของเย่เชินหลินไม่ใช่คนธรรมดาเลยสักคน ถึงเวลานั้นคนที่ต้องทนทุกข์ก็คือเนี่ยนโม่ ไม่ได้ เซี่ยชีหรั่นจะตายไม่ได้ เธอต้องมีชีวิตรอดเพื่อลูก
เย่เชินหลิน คุณเป็นยังไงบ้าง? คุณได้รับบาดเจ็บไหม เย่เชินหลินถ้าคุณไม่เป็นไรคุณรีบมาช่วยพวกเราหน่อยได้ไหม?
“ชีหรั่น ผมง่วงจริง ๆ” หลินเจี๋ยหลับตาลงแล้ว
“อย่า หลินเจี๋ย นายต้องอดทนไว้ ขอเพียงนายอดทนพวกเราจะได้รับความช่วยเหลืออย่างแน่นอน”
เซี่ยชีหรั่นไม่รู้ว่าเธอจะรอดออกไปได้หรือไม่ แต่เธอต้องให้หลินเจี๋ยมีความหวัง ความหวังจะเป็นผู้นำพาคนในช่วงเวลาที่สิ้นหวัง ถ้าไม่มีแม้แต่ความหวังแล้วเขาจะอดทนจนถึงที่สุดได้อย่างไร แต่ถ้าเซี่ยชีหรั่นใช้พลังงานมากเกินไป เธอก็จะหมดแรงในที่สุด แต่ถ้าเธอไม่พูดอะไรเลย เขาก็คงจะหลับไปอีกครั้ง ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ เซี่ยชีหรั่นได้แต่กัดฟันสู้ เธอไม่สามารถละเลยทุกชีวิตได้
“หลินเจี๋ย คุณอย่าหลับนะ! เดี๋ยวฉันจะเล่านิทานให้ฟัง” เซี่ยชีหรั่นพยายามโน้มน้าวเขา เธอต้องดึงดูดความสนใจของหลินเจี๋ย ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เธอจะเรียกความสนใจของเขาได้
“นิทานเรื่องอะไร?”
ดูเหมือนเขาถูกคำว่านิทานสองคำนี้กระตุ้นแล้ว หลินเจี๋ยยกเปลือกตาขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่สามารถทำได้เหมือนคนปกติ
“หลินเจี๋ย ฉันจะเล่านิทานให้คุณฟัง คุณอย่าหลับนะ คุณไม่ต้องตอบฉันก็ได้ ถ้าคุณง่วงคุณก็บีบมือฉันแรง ๆ ฉันจะได้ปลุกคุณตื่น” เซี่ยชีหรั่นคิดว่าถ้าให้หลินเจี๋ยพูดคงเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานของเขา ดังนั้นปล่อยให้เธอทำคนเดียวดีกว่า
หลินเจี๋ยที่กำลังจะหลับตาเมื่อได้ยินเสียงของเซี่ยชีหรั่นก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในเมื่อเซี่ยชีหรั่นรู้ว่าเธอไม่สามารถปล่อยให้เขาหลับไปได้ ดังนั้นเขาก็รู้ดีว่าเธอกำลังขุดหลุมศพให้ตัวเองอยู่ หลินเจี๋ยไม่เข้าใจเซี่ยชีหรั่น เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย เขาอยากรู้ว่าเซี่ยชีหรั่นคิดอะไรอยู่ แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้รอบด้านมืดมนมองไม่เห็นอะไรเลย
“เซี่ยชีหรั่น คุณทำไมไม่เก็บแรงเอาไว้”
หลินเจี๋ยพูดประโยคนี้ด้วยความยากลำบาก เขารู้สึกว่าพลังงานทั้งหมดของเขาหมดลงแล้ว
“หลินเจี๋ย คุณสนิทกับพี่สวีขนาดนี้ ฉันจะปล่อยคุณไปไม่ได้หรอก” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างหนักแน่น “หลินเจี๋ย ฉันเคยพบกับสถานการณ์ที่สิ้นหวังมากมาย ครั้งหนึ่งอยู่ที่เมืองหลินเจียง ครั้งหนึ่งอยู่ที่ปารีสกับลูกฉัน แต่สิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดในชีวิตก็คือตอนที่ฉันอยู่บ้านตระกูลเย่ ฉันเห็นผู้ชายที่ฉันรักที่สุดอยู่กับน้องสาวของฉัน คุณอาจไม่เข้าใจความเจ็บปวดนั้นหรอก แต่ว่าหลินเจี๋ย คุณเคยคิดไหม ถ้าคุณจากไปแล้ว พี่สาวกับคุณพ่อของคุณต่างหากที่ต้องเสียใจที่สุด ตราบใดที่คุณยังมีความหวัง คุณต้องทำได้อย่างแน่นอน แล้วยังมีพี่สวีด้วย ถ้าเขารู้ว่าคุณยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนี้เขาคงต้องเสียใจมาก”
เซี่ยชีหรั่นหาคำพูดจุกจิกหยุมหยิมมากมาย แต่ขอให้เป็นคำพูดที่จะเกลี้ยกล่อมหลินเจี๋ยได้เธอก็จะใช้มัน หลังจากพูดจบเซี่ยชีหรั่นก็รู้สึกว่าคอของเธอแสบร้อนเป็นไฟ
“งั้นเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังสิ ช่วยเล่าเรื่องใหม่ ๆ ด้วยนะ”
หลังจากผ่านมาสักพัก หลินเจี๋ยก็เริ่มพึมพำเบา ๆ แทบไม่ได้ยินเสียงของเขา แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ เสียงพูดของเขาก็ถูกขยาย
เมื่อหลินเจี๋ยเห็นด้วย เซี่ยชีหรั่นก็ยิ้มออกมา ในค่ำคืนที่มืดมัวนี้ รอยยิ้มของเธอเหมือนดวงดาวที่ส่องสว่าง
หลินเจี๋ยฟังเสียงของเซี่ยชีหรั่นอย่างมึนมัว ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่นาที เสียงของเซี่ยชีหรั่นค่อย ๆ เบาลง หลินเจี๋ยตื่นตระหนกมาก เขาบีบมือของเซี่ยชีหรั่นไว้แน่น ๆ แต่เซี่ยชีหรั่นไม่ตอบกลับ เสียงในปากของเธอยังคงดังอยู่เรื่อย ๆ
“เซี่ยชีหรั่น?” หลินเจี๋ยพยายามพูดสามคำนี้ เป็นสามคำที่พูดอย่างยากลำบากมาก
ในใจของหลินเจี๋ยมีความกลัวที่ไม่มีวันสิ้นสุด เขาหลับตาลงอย่างช้า ๆ ค่อย ๆ กลับสู่การหลับใหลอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หลินเจี๋ยรู้สึกว่าได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้
“ช่วยเราด้วย” หลินเจี๋ยตะโกนสุดแรง
มีทหารอยู่ข้างนอก เดิมทีกำลังวางแผนจะเข้าไปช่วยบ้านหลังถัดไปก่อน
“มีใครได้ยินไหม?” หัวหน้าหน่วยหยุดเดิน ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง แต่เสียงมันเล็กเกินไป
“ช่วยพวกเราด้วย”
เนื่องจากคำถามของหัวหน้าหน่วย ลูกน้องของเขาได้แต่ส่ายหัว
“เงียบ”
หัวหน้าหน่อยสั่งให้ทุกคนหยุดเดินแล้วทุกอย่างก็เงียบลงทันทีจนแทบจะได้ยินเสียงเข็มปักตกลงพื้น
“ช่วยพวกเราด้วย” รอบนี้เสียงของหลินเจี๋ยค่อนข้างดัง
“มีคน เริ่มปฏิบัติ ระมัดระวังกันด้วย ช่วยคนออกมาอย่างปลอดภัย” หัวหน้าหน่วยสั่งการ ทุกคนก็เริ่มปฏิบัติทันที
ใช้ความพยายามอย่างมากในการช่วยเหลือหลินเจี๋ย
“มีแค่คุณคนเดียวใช่ไหมครับ?” หัวหน้าหน่วยจำได้ว่าเขาตะโกนร้องช่วยพวกเราด้วย แต่ไม่ใช่ช่วยผมด้วย นั่นหมายความว่ายังมีคนอื่นอยู่
“ช่วยเซี่ยชีหรั่นด้วย” หลินเจี๋ยสลบไปหลังจากพูดคำนี้จบ ร่างกายของเขาทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเซี่ยชีหรั่นเขาคงจะทิ้งตัวสลบไปนานแล้ว
“หัวหน้าครับ ยังมีคนอยู่ครับ”
“ช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง”
เมื่อเซี่ยชีหรั่นถูกนำตัวออกมา เธอหน้าซีดขาวเหมือนไม่มีชีวิตอยู่
“หัวหน้าครับ ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะเสียชีวิตแล้ว แต่ชีพจรของเธอยังเต้นอยู่ครับ” ทหารหนุ่มที่แข็งแรงคนหนึ่งกดแขนของเซี่ยชีหรั่นไว้ด้วยความสงสัย น่าแปลกใจจริง ๆ
“นายสองคนช่วยพาเธอไปห้องฉุกเฉินด่วน”
หัวหน้าหน่วยได้ยินรายงานจากทหารหนุ่มแล้วรีบตัดสินใจส่งเซี่ยชีหรั่นไปห้องฉุกเฉินทันที ชีพจรของเธอยังเต้นอยู่ หมายความว่าอาจจะช่วยชีวิตเธอได้
หลินเจี๋ยตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นคนแปลกหน้าหลายคนยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งเขาไม่ได้รู้จักคนเหล่านี้เลย
“ขอบคุณครับ นายของเราให้เราพาคุณชายกลับไปเองครับ” ชายร่างสูงที่สวมแว่นยืนอยู่ตรงหน้าผู้บังคับกองพันหลิวหัวหน้าของหน่วยกู้ภัยในแผ่นดินไหวครั้งนี้ เขาพูดอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ ท่านปู่หลินได้ยินว่าหลินเจี๋ยอยู่ที่นี่ ถ้าเขาไม่ได้ติดภาระกิจสำคัญเขาคงมาถึงที่นี่นานแล้ว
ผู้บังคับกองพันหลิวมีชื่อว่าหลิวฉวนซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการกู้ภัยครั้งนี้
“เชิญเลยครับ” ผู้บังคับกองพันหลิวโบกมือส่งสัญญาณ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยเรื่องยศตำแหน่งกัน เพราะยังมีผู้คนอีกมากมายต้องการความช่วยเหลืออยู่
“คุณชายครับ งั้นเราไปกันเถอะ” ชายร่างสูงสวมแว่นเดินเข้ามาพูดกับหลินเจี๋ยด้วยความเคารพ
“ผมต้องพาเซี่ยชีหรั่นไปด้วย”
หลินเจี๋ยบอกความตั้งใจของเขากับชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใช่แล้วล่ะ หากไม่มีเซี่ยชีหรั่นก็คงจะไม่มีหลินเจี๋ยในตอนนี้แล้ว
“คุณชายครับ แต่เราได้รับมอบหมายให้พาคุณชายกลับไปคนเดียวเท่านั้นนะครับ”
เมื่อได้ยินหลินเจี๋ยพูดแบบนี้ เขาก็ตัดสินใจไม่ถูก เพราะลูกน้องที่มาครั้งนี้อาจจะไม่เพียงพอที่จะพาคนสองคนกลับไปด้วย
“รายงานผู้บังคับกองพันหลิวครับ มีสายด่วนถึงท่านครับ” ชายชุดทหารคนหนึ่งเดินเข้าไปในเต็นท์อย่างเร่งรีบ
เมื่อผู้บังคับกองพันหลิวได้ยินว่ามีสายด่วนถึงเขาจึงเดินออกไปทันที
“เหล่าหลิว ลูกสาวผมเซี่ยชีหรั่นตอนนี้อยู่ที่เกิดเหตุด้วย คุณต้องช่วยผมหาเธอให้พบนะ” หลี่หมิงจุ้นมือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ไว้ ส่วนอีกข้างกำลังลูบหลังปลอบโยนจ้าวเหวินอิงอยู่ ตั้งแต่ได้ข่าวว่าเซี่ยชีหรั่นออกมาพร้อมกับกลุ่มจิตอาสา จ้าวเหวินอิงก็ร้องไห้ไม่อย่างหยุด น้ำตาของเธอเหมือนฝนที่เทลงมา ทำให้คนอื่นเห็นแล้วปวดใจ
“เหล่าหลี่ ผมจะหาเธอให้พบ”
ผู้บังคับกองพันหลิวรู้สึกตกใจกับคำพูดของหลี่หมิงจุ้น เพราะหลี่หมิงจุ้นเรียกเขาว่าเหล่าหลิว นั่นเป็นการเอ่ยนามมิตรภาพหลายสิบปีของพวกเขา ถึงแม้จะไม่เป็นเช่นนั้นเขาก็จะหาเซี่ยชีหรั่นให้พบ แต่ทำไมลูกสาวของหลี่หมิงจุ้นถึงชื่อว่าเซี่ยชีหรั่น?
“ถ้างั้นก็รบกวนด้วยนะ” หลี่หมิงจุ้นวางสายลงแล้วพูดด้วยความปลอบใจ “ไม่เป็นไรแล้วนะ หัวหน้าหน่วยกู้ภัยครั้งนี้เป็นเพื่อนสนิทผมเอง ผมฝากเขาช่วยหาเซี่ยชีหรั่นแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะ”
ชะตากรรมของเซี่ยชีหรั่นนั้นเลวร้ายจริง ๆ ความยากลำบากเพิ่งผ่านพ้นไป ท้องฟ้าเพิ่งจะเปิดออกเธอก็ต้องเจอกับมรสุมภัยพิบัติอีกแล้ว
จ้าวเหวินอิงไม่ได้พูดอะไร เธอจับมือหลี่หมิงจุ้นไว้แน่น ๆ ณ เวลานี้ เขาคือกำลังใจทั้งหมดของเธอ
“คุณพ่อครับ คุณแม่ครับ ผมจะไปหาชีหรั่นนะ” หลี่เหอไท้ยืนมองคนแก่ทั้งสองอยู่ตรงหน้าประตู พ่อของเขาแก่แล้ว ให้เขาเป็นคนไปหาชีหรั่นเถอะ!
หลี่หมิงจุ้นมองไปที่ลูกชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาไม่รู้ว่าควรปล่อยให้หลี่เหอไท้ไปหรือไม่
“ลูกพาคนไปด้วยนะ เจอแล้วรีบรับชีหรั่นกลับมา ต้องหาเธอให้เจอนะ”
หลี่หมิงจุ้นพูดอย่างหนักแน่น เขาค่อนข้างพอใจกับหลี่เหอไท้ “โทรบอกหยุนซางก่อนนะ เดี๋ยวเธอจะคิดมาก”
“ครับ” หลี่เหอไท้พยักหน้า ชีหรั่น เธอต้องรอพี่เหอไท้นะ พี่เหอไท้กำลังจะไปหาเธอแล้ว ชีหรั่น เธอยังมีเนี่ยนโม่นะ เธอต้องรอพี่ไปหานะ
จงหยุนซางพาเนี่ยนโม่กับลูกของเธอเล่นอยู่ในสวนและกำลังสอนเด็กทั้งสองอ่านหนังสืออยู่
“คุณแม่ผมเคยสอนแล้วครับ” เนี่ยนโม่พูดอย่างภาคภูมิใจ เขารู้จักตัวหนังสือเหล่านี้หมดแล้ว
จงหยุนซางมองตัวจิ๋วเนี่ยนโม่ บุคลิกเขาไม่ต่างอะไรกับเย่เชินหลินเลย หยิ่งผยอง แต่ก็ฉลาดมาก ไม่รู้ว่าเซี่ยชีหรั่นหายไปไหน ออกไปไหนไม่ได้บอกอะไรกับเธอเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นจะทำอย่างไร เธอมีญาติแค่คนเดียวแล้ว จงหยุนซางเป็นห่วงเซี่ยชีหรั่น
“หยุนซาง คุณรู้ข่าวแผ่นดินไหวแล้วใช่ไหม ชีหรั่นอยู่ที่นั่น ผมต้องไปช่วยเธอ เธอเป็นน้องสาวของคุณและเป็นน้องสาวของผมด้วย” หลี่เหอไท้จำคำพูดของหลี่หมิงจุ้น เขาจึงเข้ามาหาจงหยุนซางก่อน
“ชีหรั่นเธอ……” จงหยุนซางเบิกตากว้างแล้วมองไปที่หลี่เหอไท้ เธอไม่อยากจะเชื่อ ชีหรั่นทำไมถึงไปอยู่ในเขตแผ่นดินไหว้ได้? ที่ที่ไกลขนาดนั้น ยังทิ้งเนี่ยนโม่ไว้ที่นี่? จงหยุนซางไม่เข้าใจ
“ชีหรั่นต้องไม่เป็นไร ผมจะไปพาเธอกลับมา” หลี่เหอไท้ปลอบโยนจงหยุนซาง ทำไมไม่ปลอบตัวเองบ้าง แผ่นดินไหวนั้นไร้ความปราณีจริง ๆ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครห้ามมันได้หรอก
“เหอไท้ คุณต้องพาชีหรั่นกลับมาให้ได้นะ ฉันมีแค่น้องสาวคนเดียว” จงหยุนซางมองไปที่หลี่เหอไท้อย่างจริงจัง
“คุณไม่ต้องห่วงนะ ชีหรั่นก็เป็นน้องสาวผมเหมือนกัน”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset