สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1102 สาวใช้ตัวแสบ 1006

ตอนที่ 1102 สาวใช้ตัวแสบ 1006
“ลุงสวี แม่จะคุยด้วยฮะ”
เนี่ยนโม่เอามือถือให้สวีเห้าเซิง หลินเจี๋ยลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วสำรวจเนี่ยนโม่ ไม่ได้เอ่ยอะไร ทั้งสามเดินออกจากบ้านเด็กกำพร้า มองประตูใหญ่นั้นแล้ว เนี่ยนโม่ก็อดหันกลับไปมองด้านหลังไม่ได้
“เสี่ยวอ้าย”
สองคำนั้นถูกเรียกมานับครั้งไม่ถ้วน
“พี่สวี อยู่ไหนกันคะ เดี๋ยวฉันไปรับ ตอนนี้ตระกูลเย่ตามหาลูกไปทั่ว คนอื่นก็ช่วยกันหา” เซี่ยชีหรั่นถาม ถ้าไม่ใช่วันนี้เนี่ยนโม่หายไป พวกเขาคงไม่ยุ่งกันขนาดนี้
สวีเห้าเซิงพูดอย่างโหดร้าย คุณมาสิ ผมอยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า ส่วนคนอื่นก็ให้หาต่อไป
เซี่ยชีหรั่นคิดแล้วคิดอีก ตอนนี้มีแค่เย่เชินหลินที่เรียกคนพวกนั้นกลับมาได้ เธอจึงโทรหาเขา
“หาเนี่ยนโม่เจอแล้วเหรอ” โม่เสี่ยวจุนยืนไม่ไกลจากเซี่ยชีหรั่น เห็นเซี่ยชีหรั่นแบบนั้นเหมือนคลายความกังวลลง
“อื้อ เขาวิ่งไปบ้านเด็กกำพร้า กล้าจริงๆ”
“คนที่ชื่อสวีเห้าเซิงหาเจอเหรอ” โม่เสี่ยวจุนขมวดคิ้วถาม คล้ายไม่เชื่อ
เซี่ยชีหรั่นมองโม่เสี่ยวจุนรู้ว่าเขาคิดอะไร
“พี่สวีคิดเสมอว่าเนี่ยนโม่เป็นลูกของเขา”
ใช่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะสวีเห้าเซิงคิดว่าเนี่ยนโม่เป็นลูกของเขา เซี่ยชีหรั่นคงไม่ตอบรับคำขอของสวีเห้าเซิงก่อนกลับมาจีน เซี่ยชีหรั่นรู้สึกปวดหัวขึ้นมา เธอปล่อยเย่เชินหลินได้จริงๆเหรอ ได้จริงมั้ยนะ
“ไปเถอะ ไปรับเนี่ยนโม่กัน นี่ก็ดึกแล้ว”
โม่เสี่ยวจุนพาเซี่ยชีหรั่นไปเรียกรถข้างๆ เขาไม่เคยขับรถมาก่อน
ขึ้นรถแล้ว เซี่ยชีหรั่นก็โทรหาเย่เชินหลิน
“เชินหลิน ตอนนี้เจอเนี่ยนโม่ คุณบอกให้คนอื่นกลับไปเถอะ ฉันกำลังไปรับลูกกลับมา”
เย่เชินหลินหรี่ตา รับกลับมา คำพูดนี้เหมือนผลักไส
“เขาอยู่ที่ไหน” เย่เชินหลินถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังไม่ออกว่ารู้สึกยังไง ทำให้ยากที่จะแยกแยะอารมณ์
“เนี่ยนโม่อยู่ที่บ้านเด็กกำพร้า ฉันจะไปรับเขา”
บ้านเด็กกำพร้า เย่เชินหลินยิ่งขมวดคิ้วลึกขึ้น
“ใครหาเจอ”
เหล่าเอ้อฟังอยู่ข้างๆเย่เชินหลิน นายท่านตอนนี้อารมณ์ยากที่จะแยกแยะ สายนี้บอกไม่ถูกเลยว่าดีใจหรือกังวล
“พี่สวี”
เซี่ยชีหรั่นไม่รู้ว่าสวีเห้าเซิงไปบ้านเด็กกำพร้าได้ยังไง ถ้าหากสวีเห้าเซิงเป็นคนพาเนี่ยนโม่ไปเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อเพราะเนี่ยนโม่ตามแม่บ้านไป เธอไปหาสวีเห้าเซิง เป็นไปไม่ได้ว่าหลังจากที่เธอกลับมาช่วงนั้นสวีเห้าเซิงจะพาลูกไป
เป็นสวีเห้าเซิงอีกแล้ว เย่เชินหลินรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าเขา ไม่งั้นทุกครั้งที่มีเรื่องต้องเป็นเขาที่ช่วยเซี่ยชีหรั่นทุกที ยัยตัวเล็กยิ่งเป็นคนที่ซาบซึ้งกับบุญคุณเล็กน้อยได้ง่าย เขากังวลว่าสวีเห้าเซิงจะใช้ข้อนี้มาต่อรอง หัวใจของเย่เชินหลินยิ่งอึดอัด ยัยตัวเล็กรู้บ้างมั้ยว่าพี่สวีของเธออาจมีเจตนาไม่ดี
“เชินหลิน ฉันวางสายก่อนนะคะ จะต้องไปรับลูกแล้ว”
ได้ยินเสียงตู้ดๆ เย่เชินหลินก็ขว้างมือถือลงพื้น ในใจเต็มไปด้วยความไม่พอใจ คิดจะวางก็วาง เป็นเพราะสวีเห้าเซิงคิดสารพัดวิธีทำให้เซี่ยชีหรั่นออกไปแน่ๆ ที่แท้ก็เจ้าเล่ห์ไม่น้อย อันที่จริงเย่เชินหลินออกจะปรักปรำสวีเห้าเซิง
โม่เสี่ยวจุนแอบยิ้มอยู่ข้างๆ พอคิดว่าเย่เชินหลินจะถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้เขาก็แอบยิ้ม ใครใช้ให้เย่เชินหลินเคยทำไม่ดีกับเซี่ยชีหรั่นเล่า เขาปล่อยมือจากเซี่ยชีหรั่น เขาไม่ทะนุถนอมเองนะ
ตอนที่เนี่ยนโม่เห็นเซี่ยชีหรั่นลงจากรถ เขาก้มหน้าไม่กล้ามองเซี่ยชีหรั่น
“รู้ตัวว่าผิดก็ปรับปรุงซะ เนี่ยนโม่คราวหลังจำไว้ว่าต้องบอกแม่นะ”
เซี่ยชีหรั่นลูบหัวเนี่ยนโม่ มองเนี่ยนโม่อย่างตั้งใจ
“พี่สวี ขอบคุณพวกคุณมากๆนะคะ”
เซี่ยชีหรั่นมองไปที่หลินเจี๋ยแล้วยิ้มให้เป็นการทักทาย ดูท่าคุณชายหลินกับพี่สวีคงจะสนิทกัน ตัวติดกันไม่ห่างไปไหนเลย
“ตอนที่เราเดินออกมาถึงที่นี่ หลินเจี๋ยเป็นคนเห็นเนี่ยนโม่”
สวีเห้าเซิงมองใบหน้าอ่อนละมุนของเซี่ยชีหรั่นอย่างละโมบ มองแล้วก็ก้มหน้าลงแล้วหันไปทางอื่น
“ขอบคุณค่ะคุณชายหลิน” เซี่ยชีหรั่นพูดอย่างจริงใจ ถ้าไม่ใช่พวกเขาเซี่ยชีหรั่นก็คงไม่หายกังวลใจ ตระกูลเย่เองก็ต้องตามหาไปทั่ว ยิ่งนานไปก็ไม่รู้ว่าลูกจะเป็นไงบ้าง
“ไม่ต้องหรอก ถ้าอยากขอบคุณจริงๆก็เลี้ยงข้าวแทนละกัน”
หลินเจี๋ยพูดทีเล่นทีจริง รู้ทั้งรู้ว่าหนีหน้ากันก็ควรปล่อยวางซะ เขาเองก็วางขอบเขตของตัวเองไว้ก็ยังอยากอยู่ต่อ
“ไม่มีปัญหาค่ะ”
เซี่ยชีหรั่นจูงเนี่ยนโม่ไป “เนี่ยนโม่มานี่ ขอบคุณคุณลุงทั้งสองก่อนสิ”
“ขอบคุณลุงสวีกับลุงหลิน”
“เด็กดีนะ เนี่ยนโม่” สวีเห้าเซิงลูบหัวเนี่ยนโม่
“งั้นฉันกลับก่อนนะคะ ถึงเวลาทานข้าวแล้ว ป่านนี้ตระกูลเย่คงหาเนี่ยนโม่อยู่ ฉันว่าพี่เหอไท้ก็คงมาช่วยด้วย ต้องรีบไปบอกพวกเขาจะได้สบายใจกัน”
เซี่ยชีหรั่นมองสวีเห้าเซิงกับหลินเจี๋ยอย่างติดหนี้บุญคุณ
“บาย เนี่ยนโม่”
“ลุงสวีบายฮะ ลุงสวีอย่าลืมพาผมไปเล่นนะฮะ” เนี่ยนโม่ตามเซี่ยชีหรั่นไปแล้วเอ่ย ดูแล้วคนที่ดีใจกลับเป็นสวีเห้าเซิง
“เราก็กลับกันเถอะ” หลินเจี๋ยเห็นเซี่ยชีหรั่นพาลูกไปก็เกิดความรู้สึกห่อเหี่ยว เขาดูถูกตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าเป็นไปไม่ได้แต่ยังปล่อยตามอำเภอใจ
เซี่ยชีหรั่นกับสวีเห้าเซิงมัวแต่คุยกัน ไม่ได้สังเกตว่าบ้านเด็กกำพร้ามีอะไรเกิดขึ้น
“ฉันมารับเด็กไปเลี้ยง” ซือซือมองเด็กที่เนี่ยนโม่ด้วยแล้วยิ้มเย็น ในเมื่อพ่อลืมลูก งั้นฉันก็ไม่อยากรู้จักเหมือนกัน แต่ว่าเมื่อกี้เหมือนเธอเห็นเย่เชินหลิน เธอมัวแต่คิดไม่ออกว่าจะโต้ตอบยังไง มัวแต่มองหาเธอ ในที่สุดก็ตามเจอ
“คุณผู้หญิงคะ คุณยังไม่ได้แต่งงาน ไม่สามารถรับเด็กไปเลี้ยงได้ค่ะ”
พนักงานบ้านเด็กกำพร้าปฏิเสธอ้อมๆ
“ฉันไม่คิดจะแต่งงาน ดังนั้นจึงมารับเด็กไปเลี้ยง” ซือซือพูดกับพนักงาน สุดท้ายพนักงานก็รับปากจะให้ซือซือพาเด็กไป
“มีชื่อรึยัง”
พนักงานส่ายหน้า
“หนูชื่ออ้าวเสว่”
เธอชื่ออ้าวเสว่เพราะพี่เนี่ยนโม่ตั้งให้
“อ้าวเสว่” ซือซือยิ้มเย็นแล้วหัวเราะเยาะ “ในเมื่อชื่ออ้าวเสว่ก็อ้าวเสว่เถอะ”
อ้าวเสว่มองซือซือตาโต ทำไมเธอรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเธอ ต่อให้เธอจะดูดุก็ตาม
เช่นนั้น เนี่ยนโม่กับอ้าวเสว่ออกจากบ้านเด็กกำพร้าวันเดียวกัน ได้เจอกันอีกครั้งก็สองปีให้หลัง
เมื่อลงจากรถที่บ้านตระกูลเย่ก็เจอคนมากมาย เย่เชินหลินนั่งอยู่บนรถเข็น ท่าทางเย็นชาเหมือนรูปปั้น ไร้อารมณ์ พ่อบ้านยืนทำความเคารพด้านหลัง ราวกับพระราชาออกราชดำเนินในหนังโบราณ
เนี่ยนโม่มองเย่เชินหลิน ไม่ยอมขยับตัว
“เป็นอะไรไป”
เซี่ยชีหรั่นมองเนี่ยนโม่ไม่ยอมขยับ ถามด้วยความสงสัย “เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
หรือว่าบาดเจ็บบนรถ หรือจะเป็นที่บ้านเด็กกำพร้า
โม่เสี่ยวจุนมองเนี่ยนโม่ เขากลัวเย่เชินหลินใช่มั้ย เดิมทีโม่เสี่ยวจุนไม่เห็นด้วยที่เนี่ยนโม่ไปไหนไม่บอกกัน แต่พอเห็นเนี่ยนโม่กับเย่เชินหลินแล้ว เขาก็มองเย่เชินหลินอย่างขัดตา
“เย่เนี่ยนโม่ มานี่”
เป็นครั้งแรกที่เย่เชินหลินเรียกแซ่ของเนี่ยนโม่ต่อหน้าทุกคน ต่างกันจริงๆ ถ้าไม่สั่งสอนเด็กคนนี้สักวันจะแพ้ภัยตัวเอง โดยเฉพาะการให้เครดิตกับสวีเห้าเซิง นี่คือสิ่งที่เย่เชินหลินดีใจที่สุด
“เย่เชินหลิน เขายังเป็นเด็กนะ” โม่เสี่ยวจุนลากเนี่ยนโม่ เดินไปด้านหน้าของเนี่ยนโม่แล้วมองเย่เชินหลินอย่างเย็นชา
“เป็นเด็กก็เลยวิ่งเล่นไปทั่วได้งั้นเหรอ” เย่เชินหลินขึ้นเสียงสูง “วันนี้ฉันจะสั่งสอนเขา”
“เย่เชินหลิน คุณไม่มีสิทธิ์”
โม่เสี่ยวจุนยิ้มให้เย่เชินหลิน วันที่นายทิ้งเซี่ยชีหรั่นไปก็ไม่สิทธิแล้ว
“มานี่ ใครก็ห้ามรั้งไว้ วันนี้จะต้องทำตามกฎตระกูลเย่”
พ่อบ้านเอ่ยเสียงสั่น “คุณเย่ นายน้อยยังเด็ก ผมว่า”
“ต้องให้ฉันพูดซ้ำอีกรอบเหรอ เป็นเด็กก็ทำให้คนอื่นเป็นห่วงแบบนี้ได้เหรอ” เย่เชินหลินมองเนี่ยนโม่อย่างโกรธๆ
“เนี่ยนโม่ยังเด็ก เขาก็กลับมาแล้วนี่ไง” เซี่ยชีหรั่นมองเนี่ยนโม่ท่าทางน้อยใจอย่างระวัง ในใจรู้สึกเสียใจ เด็กสามขวบจะไปเข้าใจอะไรมากมาย เย่เชินหลินคนเลววันนี้เป็นอะไรไป
“สามปีมานี้คุณเลี้ยงลูกมายังไง ออกไปข้างนอกนี่เที่ยวเล่นไปทั่วได้เหรอ” เย่เชินหลินเห็นหลายคนคัดค้านเขาก็ยิ่งโกรธ เขาเป็นผู้ชายที่ยึดมั่นปิตาธิปไตย พอคิดว่าสวีเห้าเซิงพาเนี่ยนโม่ไปก็พูดไม่ออก
“เย่เชินหลิน นายไม่มีสิทธิ์พูดคำนี้ ชีหรั่นจะสั่งสอนยังไงเป็นเรื่องของเธอ ทำไมนายไม่มาสอนเองล่ะ” โม่เสี่ยวจุนได้ยินคำพูดเย่เชินหลินแล้วก็รู้สึกไม่ดี ไม่เห็นด้วยทันควัน
“ฉันแซ่เซี่ย ไม่งั้นก็แซ่หลี่ แม่ฮะเรากลับบ้านเรากันเถอะ ผมไม่อยากอยู่ที่นี่ พรุ่งนี้กลับบ้านเรากับลุงสวีนะฮะ”
เย่เนี่ยนโม่ลากเซี่ยชีหรั่นไป แม้เขาจะอายุสามขวบแต่ตั้งแต่เล็กสภาพแวดล้อมทำให้เขาโตกว่าวัย รู้ว่าตัวเองไม่มีพ่อ
เซี่ยชีหรั่นจูงลูก ไม่รู้จะเลือกทางไหน เย่เชินหลินตอนนี้ใบหน้าเย็นชาไม่พูดอะไร เขามองเซี่ยชีหรั่นอยากรู้ว่าเธอจะเลือกอะไร
“เนี่ยนโม่ แต่เขาเป็นพ่อหนูนะ”
เซี่ยชีหรั่นพยายามอธิบาย
“แม่ฮะแต่เขาจะตีผม ผมจะไปบ้านคุณยาย” ร่างเล็กๆสั่นเทิ้ม แต่สายตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เย่เชินหลินใครใช้ให้รังแกเขาก่อน ไม่ดูแลแม่ยังพอว่าแต่คิดจะรังแกแม่อีก
“ไม่ให้ไป” เย่เชินหลินเอ่ย เขาลากรถเข็นมาข้างหน้า
เพราะรีบเกินไปจึงล้มลง
“คุณเย่” เสียงของคนข้างหลังดังขึ้น เย่เชินหลินเป็นเจ้านาย แม้จะเย็นชาไปหน่อยแต่เขาก็เป็นเจ้านายที่ดี
“เชินหลิน ทำไมรีบขนาดนี้ ไม่คิดจะมีชีวิตต่อแล้วหรือไง” เซี่ยชีหรั่นกล่าวโทษเขา เธอรีบมาประคองเขาอย่าไง ในใจเป็นห่วงอย่างมาก

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset