สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1113 สาวใช้ตัวแสบ 1017

ตอนที่ 1113 สาวใช้ตัวแสบ 1017
คนตายเพื่อเงิน นกตายเพื่ออดอาหาร นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้จริง ๆ คนที่ไม่อยากอยู่ ต่อให้บังคับก็ไร้ประโยชน์
เมื่อได้ยินที่เธอพูด หลาย ๆ คนก็เริ่มมาเข้าแถวเพื่อเซ็นยกเลิกสัญญา ผู้ถือหุ้นเก่าหลายคนที่กำลังเซ็นลงนามอยู่ต่างก็รู้สึกมือสั่นไม่หยุด รวมถึงเซี่ยชีหรั่นด้วย
จำนวนเงินลงทุนของหลาย ๆ บริษัทไม่ได้น้อยเลย เงินจำนวนมากขนาดนี้ พวกเราจะชดใช้ไหวได้อย่างไร? แน่นอนว่ายังไม่รวมถึงค่าเสียหายในตลาดหุ้นด้วย
หลังจากลงชื่อยกเลิกสัญญาเสร็จคนส่วนใหญ่ก็ได้ออกไปกันหมดแล้ว เหลือเพียงผู้นำอีกไม่กี่คนที่ยังอยู่และพวกเขาได้พูดว่า “เรื่องหุ้นยังไงพวกเราก็ไม่ต้องการอะไรจากคุณอยู่แล้ว แต่ว่าสำหรับความสูญเสียอื่น ๆ ผมคิดว่าบริษัทของคุณน่าจะช่วยอธิบายให้กับบริษัทผู้ค้าของคุณหน่อย เรารู้ว่าตอนนี้คุณกำลังประสบกับปัญหาและความยากลำบาก ดังนั้นอีกสักเดือนสองเดือนเราค่อยมาคุยเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเราร่วมงานด้วยกันมานานแล้ว พวกเราก็ต้องขออภัยคุณจริง ๆ ด้วยนะครับ ถ้างั้นขอตัวก่อนนะครับ”
เป็นคำพูดที่สุภาพมาก แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นเรื่องเงินอยู่ดี เซี่ยชีหรั่นรู้ดี ถ้าหากว่าวันนี้พวกเธอล้มละลายจริง ๆ อย่าพูดถึงเวลาแค่เดือนสองเดือนเลย ต่อให้เธอใช้เวลาเป็นปี ๆ ก็ไม่สามารถชดใช้ค่าเสียหายนั้นได้อยู่ดี ตอนนี้เธอควรทำอย่างไร? เธอรู้สึกลุกลี้ลุกลนจริง ๆ
ผู้ถือหุ้นเก่าอีกหลายคนเครียดจนหัวใจแทบวาย บางคนยังคิดว่าจะจองตั๋วเพื่อหนีความจริงนี้ เพราะเงินนี้ต่อให้ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่อาจชดใช้ได้
และวิธีแก้ปัญหานั้นอาจเรียกว่าเป็นแค่จินตนาการเท่านั้น ครั้งนี้พวกเขาได้สัมผัสความร้ายกาจที่แท้จริงของบริษัทแฟชั่นคิวบ์แล้ว
“หรือว่า เรายอมขายกิจการให้กับบริษัทแฟชั่นคิวบ์จะดีกว่า……” ทันใดนั้นก็มีคนพูดอย่างท้อแท้ขึ้นมา อย่างน้อยก็ยังมีงานให้ทำอยู่ ถ้าเขาซื้อกิจการไป พวกเขาก็จะกลายเป็นพนักงานของบริษัทแฟชั่นคิวบ์ แม้ว่าจะไร้ประโยชน์มาก แต่อย่างน้อยก็สามารถบรรเทาปัญหาหนี้สินเหล่านี้ได้
เมื่อเซี่ยชีหรั่นได้ยินข้อเสนอนี้เธอก็ส่ายหัวปฏิเสธทันที “เรื่องนั่นเป็นไปไม่ได้หรอก ทันทีที่บริษัทแฟชั่นคิวบ์เข้ามามีบทบาทในบริษัทของเรา สิ่งแรกที่เขาจะทำคือปรับเปลี่ยนพนักงาน ถึงตอนนั้นพวกเราทุกคนที่อยู่ในนี้ก็จะตกงานกันหมด จุดจบมันก็ไม่ต่างอะไรกันหรอก”
“อย่างน้อยก็ดีกว่าติดหนี้นะ” ผู้ถือหุ้นเก่าคนหนึ่งพูดขึ้นมา ปกติแล้วพวกเขาจับจ่ายใช้สอยอย่างฟุ่มเฟือยมาก แล้วใครจะคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น?
“ผมจะให้คนไปตรวจสอบรายละเอียดของพวกเขาก่อนละกัน ตอนนี้ยื้อได้ก็ยื้อไปก่อน” สวีเห้าเซิงเสนอและจัดคนไปทันที
เซี่ยชีหรั่นมองเขาอย่างซาบซึ้ง แต่เธอรู้อยู่ในใจว่าสถานการณ์ของบริษัทเครื่องประดับแฟชั่นในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องดีแล้ว พนักงานทุกคนต่างก็เริ่มกังวลและเกรงว่าจะไม่ได้รับค่าตอบแทนของพวกเขาจากทางบริษัทตามที่สมควรได้รับ เมื่อคิดเช่นนี้เธอก็ได้ห้ามเขาไว้ “พี่สวี พี่ดูสิ ตอนนี้ผู้ถือหุ้นก็เหลือแค่พี่คนเดียวแล้ว หรือว่าพี่ก็ถอนหุ้นไปก่อนเถอะ จะได้ไม่ต้องสูญเสียมากกว่านี้”
สวีเห้าเซิงโบกมือ “ได้ไงล่ะ จะปล่อยให้พวกคุณขาดทุนอยู่คนเดียวได้ไง เงินแค่นี้ผมไม่สนใจอยู่แล้ว คุณเอาเวลาไปวางแผนว่าพวกเราควรทำอย่างไรต่อจะดีกว่า”
ความตั้งใจของเขาเซี่ยชีหรั่นน่าจะเข้าใจดี เขาไม่ได้ทำเพื่อใครคนอื่น แต่เพื่อเธอคนเดียว แม้ว่าวันนี้เธอจะล้มละลายและมีหนี้สินท่วมตัวก็ตาม อย่างน้อยเธอก็ยังมีเขาคนนี้ สวีเห้าเซิงคิดอย่างนั้น เขามองไปที่เซี่ยชีหรั่นอย่างจริงใจ ไม่ว่าเขาจะมองผู้หญิงคนนี้ยังไงก็มองไม่เบื่ออยู่ดี
แต่เวลาไม่เคยรอใคร เซี่ยชีหรั่นจ่ายเงินเดือนพนักงานทั้งหมดก่อน จากนั้นบอกพวกเขาว่าช่วงนี้ยังไม่ต้องมาทำงาน แต่หน้าร้านยังคงต้องเปิดบริการต่อไปและให้ร้านค้าในตงเจียงจัดโปรโมชั่นส่วนลดทั้งหมด
เพื่อดึงดูดลูกค้า เพชรพลอยเครื่องประดับไม่ใช่ข้าวสารเกลือหรือน้ำมัน ขอแค่สินค้าถูกใจ ต่อให้ต้องซื้อมันด้วยราคาสูงสักเท่าไหร่กุลสตรีทั้งหลายก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่า ดังนั้นถ้าขายได้ก็รีบขาย เพราะจะทำให้บรรเทาหนี้สินในตอนนี้ไปได้มาก
สิ่งที่เหลือคือการทิ้งพันธนาการที่เหลืออยู่ แม้ว่าราคาที่ต้องขายมันอาจจะเจ็บปวด แต่จะลังเลที่จะขายในตอนนี้ไม่ได้ สุดท้ายคือต้องหาเวลาไปพบผู้นำของบริษัทแฟชั่นคิวบ์ เพื่อที่จะได้ขอการเจรจาที่สมเหตุสมผลที่สุด
อันดับแรกเธอต้องการรู้ว่าผู้นำคนนี้คือใครมาจากไหน อันดับที่สองเธอต้องรู้จักเขาให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้รู้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยอย่างมากกับการจัดการทั้งหมดนี้
โดยเฉพาะสวีเห้าเซิง เป็นครั้งแรกที่เขาสังเกตว่าทักษะการเป็นผู้นำของเซี่ยชีหรั่นก็ดีมากเช่นกัน เธอจัดการทุกอย่างได้สมเหตุสมผลมาก จึงทำให้เขาชื่นชมในตัวเธอมากยิ่งขึ้น
ไม่คิดจะยอมแพ้เมื่อเผชิญกับความยากลำบาก แต่ยังเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมันอย่างถูกต้อง
หลังจากเสร็จธุระทั้งหมดนี้เวลาก็ดึกพอสมควรแล้ว เซี่ยชีหรั่นบีบขมับที่เจ็บปวดของเธอเบา ๆ เธอไม่ได้ทำงานหนักขนาดนี้มานานแล้ว มีหลายเรื่องที่ซับซ้อนมากเกินไป อาจจะพูดได้ว่าชีวิตของเธอคงต้องไม่สงบสุขแบบนี้ไปอีกนาน
“ดึกมากแล้ว วันนี้กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวผมไปส่ง” เสียงห่วงใยของสวีเห้าเซิงแผ่วเบา เขาก็น่าแปลกใจเหมือนกันที่ใช้เวลายุ่งอยู่กับเซี่ยชีหรั่นแบบนี้ทั้งวัน
อาจจะเป็นความชอบของเขาก็ได้ คนเกือบทั้งบริษัทก็ได้เห็นเหมือนกัน แม้ว่าหลาย ๆ คนจะพูดคุยซุบซิบเรื่องของเขา แต่ในช่วงเวลาวิกฤตนี้คนส่วนใหญ่ที่เห็นต่างก็ต้องยกย่องในความดีของเขา และสาว ๆ ในบริษัทหลายคนก็ต้องแอบชอบเขาอย่างปฏิเสธไม่ได้ ดังนั้นจึงทำให้หลายคนต้องอิจฉาเซี่ยชีหรั่นไปด้วยเช่นกัน
เซี่ยชีหรั่นหยิบกระเป๋าขึ้นแล้วตอบ “ไม่เป็นไรหรอก ฉันกลับเองได้อยู่ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะ”
“ไม่ได้หรอก มันดึกแล้วไม่ปลอดภัย ให้ผมไปส่งคุณนะ” สวีเห้าเซิงยืนยันคำพูด เวลากลางคืนมีพวกขี้เมาและอันธพาลตั้งเยอะ ยิ่งเซี่ยชีหรั่นสวยขนาดนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอจะทำอย่างไร
เมื่อเห็นว่าเขายืนกรานที่จะไปส่ง เซี่ยชีหรั่นก็ไม่อยากปฏิเสธอีก “งั้นฉันจะบอกทางให้นะ”
เสียงดังก้องในจิตใจ ทันใดนั้นสวีเห้าเซิงรู้สึกเจ็บปวดใจมาก เขารู้ทางกลับบ้านหลังใหม่ของเซี่ยชีหรั่นอยู่แล้ว แต่เธอกลับบอกว่าชี้ทางกลับบ้านให้มันหมายถึงอะไร?
เมื่อเห็นสีหน้ามึนงงของสวีเห้าเซิง เซี่ยชีหรั่นรู้สึกไม่สบายใจ ถ้าบอกเขาก็อาจจะเป็นการทำร้ายจิตใจเขา แต่ถ้าไม่บอกเธอก็จะกลายเป็นคนโกหก ดังนั้นเซี่ยชีหรั่นจึงบอกอย่างเกรงใจว่า “กลับบ้านตระกูลเย่”
“คุณ……ทำไม……” สวีเห้าเซิงไม่อยากถามมากกว่านั้น เขาตกใจมากที่ได้ยินว่าเธอจะกลับบ้านตระกูลเย่ หรือว่าเธอคืนดีกับเย่เชินหลินแล้ว?
เซี่ยชีหรั่นส่ายหัว “ก็เพราะงานเลี้ยงครั้งล่าสุด ฉันสลบไปนานหลายวัน แล้วคุณป้าก็เป็นห่วงฉันด้วย อีกอย่างเย่เชินหลินจมน้ำเพื่อช่วยชีวิตฉันด้วย ฉันจึงเกรงใจ คุณป้าก็……” ยิ่งอธิบายยิ่งลำบาก เธอเห็นสีหน้าของสวีเห้าเซิง สุดท้ายแล้วเธอก็ยังทำร้ายจิตใจเขาอยู่ดี
ความจริงก็เหมือนกัน ที่จริงแล้วเราจะจากใครไปก็ได้ ขอเพียงเรากล้าที่จะฝืนใจ แต่เซี่ยชีหรั่นทำไม่ได้
สวีเห้าเซิงเข้าใจความจริงนี้ เพราะเธอเป็นคนใจดี เมื่อนึกถึงความเป็นวีรบุรุษของเย่เชินหลินที่ช่วยชีวิตคนสวยคนนี้ไว้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจดัง ๆ
นี่เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเขาหมดสิทธิ์แล้วหรือ? ไม่ ตราบใดที่พวกเขายังไม่คืนดีกัน เขาเชื่อว่าเขายังมีโอกาส แม้จะเป็นโอกาสที่เล็กน้อยก็ตาม แต่เขาก็จะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษามันไว้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว สวีเห้าเซิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มพูด “ดูเหมือนว่าคู่แข่งของผมยังคงทรงพลังมากเลยนะ ไปกันเถอะ ผมส่งคุณกลับไปก่อน แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยไปรับคุณนะ”
“คงไม่จำเป็นหรอกมั้ง? พรุ่งนี้เช้าฉันมาเองได้” เซี่ยชีหรั่นรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว เธอเกรงว่าจะเป็นการรบกวนพี่สวีมากไป
สวีเห้าเซิงส่ายหัวและหยิบกุญแจรถออกมา “ไม่ได้ ตอนเช้าให้ผมไปรับคุณ คุณจะได้นอนตื่นสายหน่อย เชื่อผมสิ ขึ้นรถเร็ว”
“ขอบคุณนะพี่สวี” ชีหรั่นพูดอย่างจริงจัง เธอรู้สึกขอบคุณอย่างจริงใจ ถ้าวันนี้ไม่มีพี่สวี เธอไม่รู้จะจัดการกับปัญหานี้อย่างไรแล้วจริง ๆ ไม่เพียงแต่เท่านี้ ที่ผ่านมาสวีเห้าเซิงก็คอยช่วยเหลือเธอมาตลอด
หลังจากสวีเห้าเซิงพยักหน้าส่งสัญญาณให้ชีหรั่นขึ้นรถแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาว ๆ ความจริงแล้ว เขากลัวคำขอบคุณจากเธอมากที่สุด ถ้าหากยังมีโอกาสให้เขาอีกสักครั้ง เขาเต็มใจที่จะปกป้องผู้หญิงในรถคนนี้ตลอดไป เพราะสำหรับเขา ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
สามวันติดต่อกันที่บุคลากรหลักของบริษัทเครื่องประดับแฟชั่นต้องวุ่นวายจนแทบหายใจไม่ทัน พวกเขาเหน็บเหนื่อยจนแทบไม่มีเวลากินข้าวด้วยซ้ำ
ผู้นำหลายคนตั้งใจไปดูที่หน้าร้าน เพื่ออยากรู้ว่าจะมีสักกี่คนที่สนใจในสินค้า พวกเขาปรึกษาความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้สถานการณ์นี้ดีขึ้น
และทางบริษัทแฟชั่นคิวบ์ก็มีการตอบกลับมาแล้วเช่นกัน การเจรจาได้กำหนดที่ห้องประชุมโรงแรมนานาชาติในเวลาบ่ายสองโมงของวันนี้
เซี่ยชีหรั่นกับผู้ถือหุ้นเก่าอีกหลายคนและสวีเห้าเซิงได้มาถึงที่นี่ก่อนเวลาประชุมครึ่งชั่วโมง แต่พวกเขาต้องรอจนกว่าสามชั่วโมงผ่านไปถึงจะเห็นคนของบริษัทแฟชั่นคิวบ์ค่อย ๆ ทยอยกันเข้ามา
มีคนมาน้อยมาก มีเพียงผู้หญิงคนเดียวและผู้ติดตามของเธออีกไม่กี่คน ผู้หญิงคนนั้นสวมแว่นกันแดดขนาดใหญ่ รูปร่างค่อนข้างผอมสูง ท่าทางทั้งหมดของเธอดูมีเสน่ห์มาก เธอทำให้เซี่ยชีหรั่นรู้สึกคุ้นเคย แม้แต่กลิ่นน้ำหอมบนร่างกายของเธอก็เช่นกัน
แต่ผู้หญิงประเภทนี้เป็นผู้หญิงที่สวีเห้าเซิงไม่ชอบที่สุด ผู้หญิงสามารถทำตัวมีเสน่ห์ได้ แต่จะทำตัวเย่อหยิ่งเกินเหตุไม่ได้ เมื่อเธอเดินผ่านเข้ามาแม้จะมีแว่นตาบังอยู่ แต่ก็สามารถสัมผัสถึงสายตาอันหยิ่งผยองคู่นั้นได้
“ไม่เจอกันนานเลยนะ เซี่ยชีหรั่น” ผู้หญิงคนนั้นค่อย ๆ นั่งลงแล้วถอดแว่นกันแดดออก
เพียงพอที่จะทำให้เซี่ยชีหรั่นและสวีเห้าเซิงตกตะลึง เธอไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือจางชิงที่เพิ่งเจอกันในงานวันเกิดของคุณป้าเมื่อไม่นานมานี้เอง!
“คุณแปลกใจใช่มั้ย? ตั้งแต่ออกจากตระกูลเย่มา ฉันก็มาลงทุนในบริษัทนี้เลย ตอนนี้ดูเหมือนว่าผลกำไรจะค่อนข้างดีนะ อีกอย่างลูกค้าก็ชอบการออกแบบเครื่องประดับของเรามาก” เธอพูดไปแล้วยิ้มไปอย่างได้ใจ ด้วยริมฝีปากสีแดงและฟันสีขาว สวยงามและมีสีสัน
เซี่ยชีหรั่นยากที่จะยอมรับกับความจริงนี้ เดิมทีเธอคิดว่าจางชิงเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ยอมทุ่มเททุกอย่างให้กับเย่เชินหลินเท่านั้น และเธอไม่เคยคิดเลยว่าจางชิงจะมีความทะเยอทะยานได้ขนาดนี้ ไม่ผิดที่เธอมาเปิดบริษัท แต่การที่เธอนำความสำเร็จของคนอื่นมาใช้เป็นประโยชน์แบบนี้มันก็คือการกระทำของคนชั่วเท่านั้น!
เมื่อคิดถึงตรงนี้เซี่ยชีหรั่นก็อดไม่ได้จริง ๆ “ผลกำไรมันต้องดีอยู่แล้วสิ ก็มันเป็นผลงานของพวกเรานะ ทำไมต้องขโมยไปใช้ด้วย? ซื่อสัตย์ต่อธุรกิจน่ะเป็นไหม? ต้องใช้วิธีตามอำเภอใจแบบนี้ถึงจะเต็มใจเหรอ?”
เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ สีหน้าจางชิงก็เปลี่ยนไปทันที ไม่เจอกันเพียงแค่ไม่กี่วันเธอก็กลายเป็นคนปากเสียขนาดนี้เลยหรือ “เหอะ ใครเห็นฉันขโมยงานของคุณเหรอ? คุณมีหลักฐานอะไรมั้ย? ถ้าไม่มีหลักฐานกรุณาอย่าพูดจาใส่ร้ายคนอื่นนะ ที่มาวันนี้ก็เพราะคุณเชิญฉันมาเจรจาด้วย ถ้าจะพูดจากับฉันแบบนี้ฉันจะขอตัวออกไปตอนนี้เลยก็ได้นะ!”
ถ้าจะแข่งกันใส่อารมณ์จางชิงก็ไม่ยอมแพ้ใคร ตอนนี้บริษัทแฟชั่นคิวบ์ของเธอได้บีบให้บริษัทเครื่องประดับแฟชั่นของพวกเขาจนมุมอย่างทำอะไรไม่ได้แล้ว

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset